เหตุผลที่หลายคนติดกล้องรถยนต์ก็เพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น ใช้กล้องติดรถยนต์เพื่อช่วยบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือใช้เพื่อใช้เป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัย แต่หลายคนนักที่จะรู้ว่า การติดตั้งกล้องแบบผิด ๆ เสี่ยงประกันรถขาด จะมีเรื่องไหนที่ต้องระวังบ้าง รวมถึงข้อควรรู้อื่น ๆ เพิ่มเติม มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้รวบรวมมาให้แล้ว ตามไปดูกันเลย
ติดกล้องรถยนต์ดียังไง จำเป็นต้องติดไหม ?
เชื่อมีบางคนที่เกิดความสงสัยอยู่ลึก ๆ ว่าทำไมจำเป็นต้องกล้องติดรถยนต์ ในเมื่อรถยนต์ก็มีราคาสูงอยู่แล้ว แถมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ก็อาจตามมาอีกมากมาย การจ่ายเงินเพิ่มอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วกล้องติดรถยนต์มีข้อดีมากกว่าที่คิด ไปทำความเข้าใจกันเลย
1. เป็นหลักฐานเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก คงจะดีไม่ใช่น้อยหากคุณเตรียมความพร้อมเอาไว้ก่อน โดยเฉพาะการติดกล้องรถยนต์ เพื่อบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เพราะถึงแม้ว่าคุณจะระมัดระวังเต็มที่ แต่คันอื่นเขาอาจไม่ได้คิดเหมือนคุณน่ะสิ
นอกจากนี้การมีกล้องติดรถยนต์ยังช่วยในเรื่องของการเฉี่ยวชนเมื่อจอดรถไว้เฉย ๆ ไปจนถึงเหตุการณ์ไม่คาดฝันอื่น ๆ เช่น การโจรกรรม หรือชนแล้วหนีอีกด้วย ซึ่งถ้าหากพูดปากเปล่า หรือไม่มีหลักฐาน อาจทำให้การเคลมเป็นไปอย่างไม่ราบรื่นได้นั่นเอง
2. ช่วยเหลือเมื่ออยู่ในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย
แม้ว่าทุกวันนี้จะมี GPS ที่คอยช่วยนำทาง มีอินเทอร์เน็ตที่ช่วยหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงตัวช่วยอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ก็มีโอกาสที่คุณจะบังเอิญเลี้ยวผิด หรือหลงไปยังที่ต่าง ๆ ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งการมีกล้องติดรถยนต์จะช่วยให้ย้อนดูเส้นทางที่เคยมา แล้วกลับไปยังเส้นทางที่ถูกต้องได้
3. ใช้เป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกันได้
อ้างอิงตามประกาศจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่ได้ระบุในประกาศไว้ว่า “ผู้ที่ติดตั้งกล้อง CCTV หรือกล้องวงจรปิดรถยนต์นั้น จะได้รับส่วนลดสำหรับค่าเบี้ยประกันภัยรถร้อยละ 5-10 ตั้งแต่มีนาคม 2560”
หากคุณมองเห็นถึงข้อดีของการติดกล้องติดรถยนต์แล้ว อย่าเพิ่งผลีผลามไปติดตั้งเด็ดขาด เพราะการติดตั้งอุปกรณ์ชิ้นนี้ มี ‘ข้อควรระวัง’ ที่ควรทำความเข้าใจให้ดีก่อน เพราะไม่อย่างนั้นอาจเสี่ยงทำให้รถประกันขาดได้ ซึ่งเราได้รวบรวมคำอธิบายมาให้ในหัวข้อถัดไปแล้วล่ะ
ทริคเลือกกล้องติดรถยนต์ให้ตอบโจทย์ เหมาะสมต่อการใช้งาน
ปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงมาก ๆ สำหรับการเลือกกล้องติดรถยนต์ มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 ข้อ คือ รูปแบบการใช้งาน และเทคโนโลยีที่เพียงพอ โดยมีรายละเอียดดังนี้
รูปแบบการใช้งาน
ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับของการติดกล้องรถยนต์ก็ว่าได้ เนื่องจากแต่ละคนมีรูปแบบการใช้รถแตกต่างกัน แน่นอนว่ามันส่งผลให้รูปแบบกล้องที่จำเป็นต้องมีนั้น แตกต่างกันตามไปด้วย เช่น ปกติขับรถตอนกลางคืนเป็นหลัก การเลือกติดกล้องรถยนต์ที่มีการถ่ายตอนกลางคืนได้ดีพอประมาณ เป็นต้น
เทคโนโลยีภายในกล้อง
ในยุคที่เทคโนโลยีได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง กล้องติดรถยนต์เริ่มกลายเป็นมากกว่ากล้องวิดีโอธรรมดา ๆ หากคุณมีกำลังทรัพย์มากพอ สามารถซื้อกล้องที่ดีขึ้น และมีฟังก์ชันได้เยอะขึ้นได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น…
- ตรวจจับแรงสั่นสะเทือน :กล้องจะทำการบันทึกโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดเหตุการณ์รถชน หรือมีใครมาทุบรถ เป็นต้น
- ตรวจจับการเคลื่อนไหว :ฟังก์ชันนี้จะทำงานเมื่อมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งผ่านหน้ารถ โดยมีการบันทึกลงในกล้องเป็นการชั่วคราว ซึ่งกล้องรุ่นใหม่ ๆ ราคาย่อมเยาบางรุ่นจะมีฟังก์ชันนี้อยู่ในตัวเช่นกัน
ไม่อยากใจสลาย อย่าติดกล้องรถยนต์แบบนี้
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่อยากติดกล้องรถยนต์ และอยากใช้งานมันได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีเรื่องใด ๆ มากวนใจ ควรหาร้านติดกล้องติดรถยนต์ที่ไว้ใจได้ และกำชับด้วยว่าห้ามต่อผ่านกล่องฟิวส์ หรือเรียกกันง่ายว่า “ต่อตรง” เด็ดขาด เพราะแบบนี้ประกันไม่ชอบ เสี่ยงประกันรถยนต์ขาดได้ เนื่องจากอาจเกิดให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร และส่งผลต่อความปลอดภัยได้ หากพบว่าติดกล้องรถยนต์แบบนี้ อาจทำให้การเคลมวารันตีเป็นไปได้ยาก หรือถึงขั้นไม่สามารถแจ้งเคลมได้เลย
และถ้าหากคุณกำลังพยายามหาคำตอบ ว่าต้องทำยังไง ติดกล้องแบบไหนที่จะไม่สุ่มเสี่ยงจนเกินไป เราก็ได้เตรียมข้อมูลมาให้ด้วยเช่นกัน รับประกันว่าใช้งานกล้องติดรถยนต์ได้อย่างเต็มที่ ไร้กังวลแน่นอน แต่จะต้องติดแบบไหน ตามไปดูคำตอบกันเลยดีกว่า
ควรติดตั้งกล้องติดรถยนต์ยังไง ไม่เสี่ยงรถประกันขาด ?
และถ้าหากกำลังสงสัยว่าควรจะติดตั้งกล้องติดรถยนต์ยังไง ไม่เสี่ยงประกันรถขาด? คำตอบคือควรต่อผ่านช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์ของตัวรถเท่านั้น ย้ำว่า ‘เท่านั้น’ เพราะถ้าหากเกิดการลัดวงจรของตัวกล้อง จะมีฟิวส์ในการตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดลุกลามไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ
ในกรณีที่ต้องการเก็บสายไฟไม่ให้เกะกะสายตา สามารถแจ้งให้ทางร้านเดินสายไฟแบบซ่อนได้ เพียงแต่สายจะต้องมีความยาวเพียงพอ เพื่อให้การเก็บสายไฟเรียบเนียนมากที่สุด
หรืออีกกรณี คือ การติดกล้องที่เป็น ‘อุปกรณ์เสริมแท้ของแต่ละยี่ห้อ’ ซึ่งจะมีการติดตั้งแบบมาตรฐาน หรือการติดตั้งด้วยอุปกรณ์ฟิวส์แท็บ ซึ่งหากได้รับการติดตั้งอย่างถูกต้อง จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับระบบไฟฟ้า และไม่กระทบต่อการรับประกันคุณภาพตัวรถด้วย
ถ้าประกันรถยนต์ขาด ต้องทำยังไงต่อ ?
คำถามต่อมาที่หลายคนกังวล เมื่อได้รับทราบรายละเอียดที่เราแจ้งไปก่อนหน้า ว่าถ้าประกันรถยนต์ขาดต้องทำยังไงต่อ? ในส่วนนี้ต้องอธิบายก่อนว่า คำว่า “ประกันรถขาด” เป็นประกันเกี่ยวกับการรับประกันคุณภาพของรถ ไม่เกี่ยวข้องกับประกันอุบัติเหตุ หมายความว่าเมื่อเกิดเหตุประกันขาด รถชนยังสามารถเคลมในส่วนของคุณอุบัติเหตุได้ตามเติม อย่างที่เราเอ่ยไปแล้วว่า ‘อาจทำให้การเคลมวารันตีเป็นได้ยาก’ นั่นเอง
อธิบายให้เห็นภาพชัดมากขึ้น เช่น คุณซื้อคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนใหม่มาจากศูนย์โทรศัทพ์ เมื่อเกิดปัญหากลับให้ร้านมือถือซ่อมแซม งัดแงะ โดยไม่นำไปส่งซ่อมที่ศูนย์ แล้วปรากฏว่าในหลายลังซอฟต์แวร์มีปัญหา แบบนี้จะถือว่าประกันขาดทันที หากต้องการให้ทางแบรนด์ซ่อมให้ เจ้าของเครื่องต้องควักจ่ายค่าซ่อมเอง
ในกรณีที่การติดตั้งกล้องติดรถยนต์แบบต่อตรง ส่งผลให้ระบบไฟฟ้าได้รับความเสียหาย ‘จนเป็นเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน หรือรถไฟไหม้’ ในส่วนนี้แนะนำให้สอบถามบริษัทประกันภัยรถยนต์ก่อนติดตั้งจะดีที่สุด ว่ารับประกันในส่วนนี้ด้วยไหม ผิดเงื่อนไขประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือไม่ หรือจะเข้าข่ายประกันรถยนต์ขาดด้วยเช่นกัน เพื่อให้คุณตัดสินใจและระมัดระวังในการติดตั้งกล้องให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังควรเปรียบเทียบประกันรถยนต์ให้ดีก่อนตัดสินใจทำด้วย
ย้ำอีกครั้งว่าการติดกล้องรถยนต์เผื่อไว้สำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ ถือเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยได้มาก โดยเฉพาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ แล้วไม่ทราบว่าใครถูกหรือผิด แต่ถ้าจะให้ดีแนะนำให้ติดตั้งอย่างถูกต้อง อย่าติดแบบพิศดารจนกลายเป็นการดัดแปลงใหญ่ส่งผลต่อการทำงานส่วนอื่น ๆ ของรถผิดปกติ ก่อนติดกล้องแค่เลือกร้านที่ได้มาตรฐาน เลี่ยงการต่อตรงเพราะเสี่ยงประกันรถขาดแบบน่าเจ็บใจ
คำจำกัดความ
ลดหย่อน | ผ่อนให้เบา หรือน้อยลง |
ผลีผลาม | รีบร้อนเกินไปจนไม่ระมัดระวัง หรือไม่ดูกาลเทศะ |
วารันตี | การรับประกันคุณภาพที่จะมีติดรถมาเมื่อเราออกรถใหม่ |