ถ้าหากถามว่าเบี้ยประกันรถยนต์คืออะไร หลายคนคงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ค่าประกันรถยนต์ที่ต้องจ่ายทุกปี” เพื่อซื้อความคุ้มครองให้กับรถยนต์ แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักเบี้ยประกันอย่างเจาะลึก และไม่ค่อยเช็คเบี้ยประกันก่อนซื้อสักเท่าไหร่ก่อนตัดสินใจซื้อประกัน ส่งผลทำให้พลาดอะไรหลาย ๆ อย่างไปแบบน่าเจ็บใจ
เมื่อประกันรถยนต์ก็เหมือนวัคซีน ที่ตอนใ้ช้อาจไม่เห็นผลทันที แต่เมื่อเกิดโรคขึ้นมา วัคซีนจะช่วยให้เราปลอดภัยจากความเสี่ยงโรคได้ ประกันรถก็เช่นกัน จะเห็นประโยชน์ตอนที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน มิสเตอร์ คุ้มค่า จึงลิสต์ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับเบี้ยประกันรถที่คุณต้องรู้มาให้แล้ว ตามไปดูกันเลย
เบี้ยประกันรถยนต์ คืออะไร ?
มาทำความเข้าใจความหมายของ “เบี้ยประกันรถยนต์” กันหน่อยดีกว่า เบี้ยประกัน คือ จำนวนเงินที่ผู้เอาประกันต้องชำระให้กับบริษัทประกัน เพื่อแลกกับการคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น ความคุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน การโจรกรรม หรือความเสียหายด้านอื่น ๆ
ทั้งนี้ เบี้ยประกันภัยรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นเบี้ยประกันชั้น 1 หรือชั้นไหน ๆ ก็ตาม เปรียบเสมือน ‘ค่าบริการ’ ที่คุณต้องจ่าย เพื่อรับความอุ่นใจในการขับขี่ โดยจำนวนเงินจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หลัก ๆ คือ ประเภทของประกันภัยที่เลือกซื้อ หากเลือกชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด ก็ต้องเบี้ยประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แพงกว่า เป็นต้น
เบี้ยประกันสำคัญยังไง ทำไมต้องเช็คให้ดีก่อน ?
หลายคนให้ความสำคัญในเรื่องเบี้ยประกันรถยนต์เพียงแค่ว่าถูกหรือแพงเท่านั้น ไม่ได้เช็คเบี้ยประกันของแต่ละบริษัท หรือเช็คเบี้ยประกันรถยนต์กับความคุ้มครองที่จะได้รับให้ดี เพราะไม่ค่อยเข้าใจว่าเบี้ยประกันสำคัญยังไง ถ้าอย่างนั้นตามไปทำความเข้าใจกันหน่อยดีกว่า
- สร้างความอุ่นใจให้ผู้ขับขี่ : การมีประกันรถยนต์จะช่วยลดความกังวลเมื่อต้องขับรถ ไม่ว่าจะประสบอุบัติเหตุ หรือเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น รถถูกโจรกรรม ไฟไหม้ น้ำท่วม
- ลดภาระค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน : เบี้ยประกันที่คุณจ่าย สามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายมหาศาล ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรุนแรง หรือรถยนต์ได้รับความเสียหาย
- เพิ่มความมั่นใจในทุก ๆ การเดินทาง : เมื่อทราบว่ามีประกันภัยรถยนต์คุ้มครอง คุณจะสามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
และถ้าหากคุณพยายามเช็คเบี้ยประกันรถยนต์อย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อแล้ว แต่ยังมีข้อสงสัยอยู่ลึก ๆ ว่าทำไมเบี้ยประกันแต่ละประเภท หรือของแต่ละบริษัทถึงแตกต่างกัน มันเป็นเพราะปัจจัยอะไรบ้าง? มิสเตอร์ คุ้มค่า ลิสต์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาให้ในหัวข้อถัดไปแล้ว ตามไปทำความเข้าใจกันเลย
ทุนประกัน vs เบี้ยประกัน ต่างกันยังไง ?
มีคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังสับสนระคนสงสัยกับสองคำนี้ เบี้ยประกันภัยรถยนต์และทุนประกันรถยนต์ ว่าจริง ๆ มันใช่ตัวเดียวกันไหม หรือแตกต่างกันยังไง “ทุนประกัน” คือ จำนวนเงินสูงสุดที่บริษัทประกันจะชดเชยให้ ในกรณีที่เกิดความเสียหายหรือสูญเสียรถยนต์ เช่น หากทุนประกันของคุณอยู่ที่ 500,000 บาท และรถยนต์เกิดความเสียหายทั้งคัน บริษัทจะชดเชยสูงสุดให้ไม่เกินนี้
สรุปแล้วทั้งสองต่างกันที่ตรงไหน ?
และแม้ว่าทุนประกันและเบี้ยประกันรถยนต์จะมีความเกี่ยวข้องกันอย่างมีนัยสำคัญ แต่ขอย้ำไว้ตรงนี้เลยว่าทั้งสองคำมีความหมายต่างกันอย่างชัดเจน จำง่าย ๆ คือ
- ทุนประกัน คือ วงเงินคุ้มครองสูงสุดที่บริษัทประกันภัยจะจ่าย
- เบี้ยประกัน คือ จำนวนเงินที่ผู้เอาประกันต้องจ่าย เพื่อรับความคุ้มครอง
ราคาเบี้ยประกันถูกหรือแพง ขึ้นอยู่กับอะไร ?
อีกหนึ่งประเด็นที่เชื่อว่าหลายคนไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ เพราะทุก ๆ ครั้งที่มีการเช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ทำไมเบี้ยประกันของแต่ละบริษัทจึงมีจำนวนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง มิสเตอร์ คุ้มค่า รวบรวมมาให้แล้ว ตามไปดูกันได้เลย
1. ความคุ้มครองที่ต่างกัน
ประกันรถยนต์ของแต่ละบริษัท ล้วนมีรายละเอียดเงื่อนไขความคุ้มครอง และทุนประกันที่แตกต่างกันออกไป ด้วยเรื่องของรายละเอียดต่าง ๆ ในความคุ้มครอง รวมถึงบริการพิเศษที่มีให้เฉพาะของแต่ละบริษัท ก็จะทำให้ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์มีราคาที่ต่างกัน
2. อายุ, เพศ และสถานะสมรส
ไม่ว่าจะเป็นอายุ เพศ และสถานะสมรส ล้วนมีผลต่อการขับขี่ทั้งนั้น เช่น อายุน้อยอาจมีประสบการณ์ในการขับขี่ที่น้อย ใจร้อน แต่ถ้าหากเป็นคนที่สมรสแล้ว อาจมีความระมัดระวังในการขับขี่มากกว่า ซึ่งจะทำให้ค่าเบี้ยประกันถูกหรือแพงได้เช่นกัน
3. อายุการใช้งานรถยนต์ที่ทำประกัน
ทั้งนี้ อายุของตัวรถยนต์ก็มีผลต่อการต่อประกันภัยรถยนต์ด้วยเช่นกัน สำหรับรถยนต์ที่มีอายุ 1-7 ปี สามารถทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ได้ (แนะนำให้เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 ให้ดีก่อนตัดสินใจ) แต่ถ้ารถอายุเกิน 7 ปี อาจต้องย้ายไปทำประกันภัยรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองรองลงมา ซึ่งจะทำให้ทุนประกันลดลง และมีค่าเบี้ยประกันรถยนต์ที่ถูกลงตามไปด้วย
ด้วยความที่ราคาเบี้ยประกันรถยนต์ขึ้นตรงกับปัจจัยต่าง ๆ มากมาย ถึงเป็นเหตุผลที่ทุก ๆ คนควรเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ให้ดีก่อนตัดสินใจทุก ๆ ครั้งที่ต้องการต่อประกัน เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุม ตอบโจทย์ ในราคาค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสมนั่นเอง
อยากลดเบี้ยประกันให้ถูกลง ทำยังไงได้บ้าง ?
แน่นอนว่าเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าประกันประเภทอื่น ๆ เนื่องจากให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด แต่ถ้าคุณอยากจ่ายให้ถูกลง โดยไม่เปลี่ยนไปใช้ประกันประเภทอื่น ๆ ‘ข้อมูลผู้ขับขี่’ ช่วยลดเบี้ยประกันให้ถูกลงได้ ดังนี้
1. ประวัติ และพฤติกรรมการขับขี่
หากคุณเป็นผู้ขับขี่ที่มีประวัติดีมาตลอด ไม่เคยมีประวัติแจ้งเคลมประกันกรณีเป็นฝ่ายผิด หรือไม่มีคู่กรณีเลยในปีนั้น ๆ สามารถใช้เป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ในปีถัดไปได้ โดยจะมีส่วนลดเพิ่มขึ้นตามอายุการขับขี่ เช่น ไม่มีประวัติการเคลม 1 ปี ได้รับส่วนลด 20% หรือไม่มีประวัติการเคลม 4 ปี ได้ส่วนลดไม่เกิน 50% เป็นต้น
2. อายุและเพศ
เรียกได้ว่าเป็น “จุดได้เปรียบ” ของคนอายุเยอะก็ว่าได้ เพราะยิ่งผู้ขับขี่มีอายุเยอะเท่าไหร่ จะยิ่งได้รับส่วนลดเบี้ยประกันในแต่ละปีมากขึ้นตามไปด้วย เนื่องจาก คปภ.ให้ความสำคัญกับ ‘ประสบการณ์การขับขี่’ มองว่าผู้ขับขี่ที่มีอายุน้อย อาจมีประสบการณ์น้อยกว่า และมีโอกาสเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่า ซึ่งแบ่งกลุ่มผู้ขับขี่ตามช่วงอายุได้ดังนี้
- อายุ 18-24 ปี รับส่วนลดเบี้ยประกัน 5%
- อายุ 25-35 ปี รับส่วนลดเบี้ยประกันรถยนต์ 10%
- อายุ 36-50 ปี รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 15%
- อายุ 50 ปีขึ้นไป รับส่วนลดเบี้ยประกัน 20%
นอกจากนี้ยังมี ‘ส่วนลด’ อื่น ๆ ที่ช่วยให้คุณประหยัดค่าเบี้ยได้อีกมากมาย เช่น การติดตั้งระบบความปลอดภัยให้กับรถยนต์ การติดกล้องหน้ารถ และอื่น ๆ แนะนำให้สอบถามกับบริษัทประกันให้ดีก่อน เพื่อให้คุณได้รับส่วนลดตรงตามที่ใจต้องการมากที่สุด
จากข้อมูลทั้งหมดที่เรารวบรวมมาให้ จะเห็นได้ว่าเบี้ยประกันรถยนต์มีความสำคัญมาก ๆ เพราะแทบจะเป็นตัวกำหนดทุก ๆ อย่างโดยเฉพาะความคุ้มครองที่จะได้รับ เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจทำประกันแนะนำให้เช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ให้ดี ไม่ว่าจะเช็คกับบริษัทโดยตรง (โทรถาม) หรือจะเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ออนไลน์ก็เป็นผลดีต่อคุณทั้งนั้น
คำจำกัดความ
ระคน | ปน หรือผสมคละกันเป็นหมู่เป็นพวก |
พฤติกรรมการขับขี่ | การควบคุมยานพาหนะของผู้ขับขี่ตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปยังจุดหมายที่ผู้ขับขี่ต้องการ |
การโจรกรรม | วิธีการที่ผู้ร้ายใช้ในการเอาทรัพย์ของผู้อื่นมาเป็นของตน |