หัวข้อที่น่าสนใจ
- อายุกี่ปี ถึงถูกจัดอยู่ในหมวดรถเก่า ?
- รถยนต์รุ่นเก่าทำประกันชั้นไหนดี ?
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3
- ดูแลรถยนต์รุ่นเก่ายังไง ให้ใช้งานได้ต่อยาว ๆ ?
- 1. ตรวจสภาพรถอยู่เสมอ
- 2. เช็กสภาพแบตเตอรี่
- 3. เติมลมยางอย่างเหมาะสม
- 4. สังเกตการทำงานของเครื่องยนต์
- 5. เปลี่ยนหัวเทียนตามอายุการใช้งาน
- 6. ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนของเหลวในรถ
- 7. ไม่จอดรถตากแดด (เว้นแต่จำเป็น)
- 8. ล้างรถหรือเคลือบสีบ้างในบางโอกาส
- เหตุผลที่หลายคนเลือกเปลี่ยนรถคันใหม่ มากกว่าซ่อมรถเก่า ?
- 1. รถรุ่นใหม่ปลอดภัยมากขึ้น
- 2. รถเก่ามีค่าใช้จ่ายในการซ่อมสะสม
- 3. รถเก่ามีสมรรถนะการขับขี่ลดลง
เพื่อนร่วมทางที่อยู่กับเรามาตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกันทุกทริป และอยากจะให้อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ แต่รู้ดีว่า “รถเก่า“ ย่อมมีการเสื่อมสภาพเป็นเรื่องธรรมดา อีกไม่นานรถยนต์รุ่นเก่าคงต้องเกษียณเต็มที แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้ลิสต์วิธีดูแลรถมาให้แล้ว หากดูแลเป็นอย่างดีอาจจะช่วยให้รถยนต์คันโปรดอยู่กับคุณได้นานขึ้น ซึ่งจะมีวิธีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย
อายุกี่ปี ถึงถูกจัดอยู่ในหมวดรถเก่า ?
จริง ๆ แล้ว ‘อายุรถ’ หรืออายุการใช้งานของรถยนต์หนึ่งคัน ในทางปฏิบัติไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและแนวทางการใช้รถของแต่ละคนเป็นหลัก ดังนั้นคำว่า “รถเก่า“ แต่ละคนจึงไม่เท่ากัน แต่ส่วนใหญ่แล้วรถยนต์จะสามารถใช้งานได้ในระยะเวลา 5-10 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น คุณภาพวัสดุ การผลิต รวมถึงลักษณะการใช้งาน
ทั้งนี้ คนที่มีความเชื่อว่ารถที่ใช้งานในระยะทางแตกหลัก 1 แสนกิโลเมตร เครื่องยนต์จะเสื่อมสภาพ และถูกจัดอยู่ในหมวดรถเก่า บอกเลยว่าไม่จริง เพราะรถยนต์หนึ่งคันสามารถวิ่งได้ในระดับ 3 แสนกิโลเมตรขึ้นไปได้สบาย ๆ ขึ้นอยู่กับวิธีดูแลรถ นอกจากนี้ยังรวมถึงอุปกรณ์ส่วนอื่น ๆ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของรถยนต์รุ่นเก่าด้วยเช่นกัน
รถยนต์รุ่นเก่าทำประกันชั้นไหนดี ?
สำหรับคนที่กำลังหาคำตอบว่า “ รถเก่า “ ควรทำประกันชั้นไหนดี อยากให้รถยนต์คันเก่าที่อยู่มานานได้รับความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ ตัดสินใจได้ยากเนื่องจากบางบริษัทประกันมีการกำหนดอายุรถในแต่ละประเภทประกันอย่างชัดเจน ถ้าอย่างนั้นตามไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลยว่า รถเก่าควรทำประกันชั้นไหนดี
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1
แม้จะเป็นรถยนต์รุ่นเก่า หรือรถเก่าที่ใช้งานมานาน สามารถทำประกันชั้น 1 ได้ (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทประกัน) บางบริษัทฯ รับรถสูงสุดถึง 15 ปี แต่ต้องพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ร่วมด้วย เช่น ประวัติการขับขี่, สภาพรถ, รุ่นรถ หรือแม้แต่การต่อประกันกับเจ้าเดิมเป็นเวลานาน
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+
ในกรณีที่มองว่าประกันรถยนต์ ชั้น 1 ค่าเบี้ยค่อนข้างสูง อาจไม่เหมาะสำหรับรถเก่าเท่าไหร่ ประกันภัยรถยนต์ 2+ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกันมาก โดยคุ้มครองกรณีรถชนรถ “ซ่อมเขาซ่อมเรา” รวมถึงให้ความคุ้มครองกรณีไฟไหม้ น้ำท่วมด้วยเช่นกัน เว้นแต่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุรถชนแบบไม่มีคู่กรณี แบบนี้จะไม่ได้รับความคุ้มครอง
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+
ประกัน 3+ ถือเป็นหนึ่งในประเภทประกันรถยนต์ ที่ตอบโจทย์มาก ๆ สำหรับรถยนต์รุ่นเก่าที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ด้วยความที่หลาย ๆ บริษัทไม่จำกัดอายุรถ สำหรับรถที่จะทำประกันรถยนต์ประเภทนี้ แถมยังให้ความคุ้มครองกรณีรถชนรถแบบ “ซ่อมเขา ซ่อมเรา” รวมถึงคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สินของคู่กรณ๊ และบุคคลภายนอกอีกด้วย
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3
หากเป็นรถเก่าที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน การซื้อประกันชั้น 3 ติดเอาไว้ นับเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นเดียวกัน โดยประกันประเภทนี้ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันชั้น 3+ แต่จะให้ความคุ้มครองเฉพาะ ‘รถคู่กรณี’ เท่านั้น พูดง่าย ๆ คือ “ซ่อมเขา แต่ไม่ซ่อมเรา”
ให้เห็นภาพคือ “รถเก่า สามารถทำประกันได้ทุกประเภท” ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทประกัน และความพึงพอใจของเจ้าของรถยนต์รุ่นเก่า หากต้องการให้รถคันโปรดได้รับความคุ้มครองตามที่ต้องการ แถมราคาสบายกระเป๋า แนะนำให้เปรียบเทียบประกันรถยนต์ กับ มิสเตอร์ คุ้มค่า ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้รถยนต์ของคุณได้รับสิ่งที่ดีที่สุดนั่นเอง
ดูแลรถยนต์รุ่นเก่ายังไง ให้ใช้งานได้ต่อยาว ๆ ?
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังมองหาวิธีดูแลรถ เพื่อยืดอายุการใช้งานของรถยนต์รุ่นเก่าให้ยาวนานขึ้น ไปม่ต้องไปหาจากที่อื่นไกล เพราะ มิสเตอร์ คุ้มค่า ลิสต์มาให้จุก ๆ ทั้งหมด 8 วิธี โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. ตรวจสภาพรถอยู่เสมอ
การตรวจสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่หรือรถเก่าก็ตาม ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ แถมเป็นวิธีดูแลรถที่ดีที่สุด สามารถนำรถเข้าศูนย์บริการของรุ่นได้ตามเหมาะสม โดยสามารถนำรถเข้าเช็กได้ตามระยะเวลาที่บันทึกเองหรือตามที่ช่างแนะนำ
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกดูแลเฉพาะส่วนของตัวรถ ภายใน สีภายนอก เครื่องยนต์ ช่วงล่าง เลือกได้ตามความเหมาะสมที่อู่ซ่อมรถ ใกล้ฉันที่ไว้ใจได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณพึงพอใจหรือสบายใจกับการเช็กที่ไหนมากกว่ากัน
2. เช็กสภาพแบตเตอรี่
โดยปกติแล้วแบตเตอรี่รถยนต์จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 2 ปี แต่จะมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับ ‘คุณภาพการใช้งาน’ ของแต่ละบุคคล กรณีที่รถเก่าเริ่มสตาร์ทไม่ติด ต้องมีการพ่วงแบตถี่ขึ้น หมายความว่าแบตเตอรี่รถยนต์รุ่นเก่าของคุณเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่ได้แล้ว
3. เติมลมยางอย่างเหมาะสม
การเติมลมยางรถเก่าอย่างเหมาะสมอยู่ตลอด ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลยเช่นเดียวกัน เพราะหากปล่อยให้ลมยางอ่อนตลอดเวลา อาจทำให้ยางรถยนต์รุ่นเก่าได้รับความเสียหาย จากนั้นอาจลามไปถึงเครื่องยนต์ ที่อาจได้รับความเสียหายอื่น ๆ ตามมา เพราะเครื่องยนต์ต้องทำงานหนักขึ้นนั่นเอง
4. สังเกตการทำงานของเครื่องยนต์
หากวันใดวันหนึ่งสตาร์ทรถแล้วรู้สึกว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับพวงมาลัยรถ หรือเสียงที่ผิดแปลกไปหลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ รวมถึงจังหวัดการติดของเครื่องยนต์ด้วย หากเป็นแบบนี้ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรนำรถเข้าศูนย์บริการ หรืออู่ใกล้บ้านที่ไว้ใจได้ เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุอย่างเร่งด่วน
5. เปลี่ยนหัวเทียนตามอายุการใช้งาน
อย่าปล่อยให้หัวเทียนบอดเป็นอันขาด เพราะจะทำให้สตาร์ทรถไม่ติด โดยเฉพาะ ‘ รถเก่า ‘ ที่ควรได้รับการดูแลในเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพื่อเสริทให้การทำงานของเครื่องยนต์ยังคงประสิทธิภาพได้ดีมากที่สุด
6. ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนของเหลวในรถ
“ของเหลวในรถ” ประกอบด้วยน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำยาหล่อเย็น และอื่น ๆ อีกหลายรายการ ซึ่งถ้าหากไม่เปลี่ยนตามระยะที่กำหนด อาจทำให้ระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ได้รับความเสียหาย แม้จะเป็นรถเก่าแต่ไม่ควรละเลยในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
7. ไม่จอดรถตากแดด (เว้นแต่จำเป็น)
การจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน โดยไม่มีความจำเป็นใด ๆ เลย นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสีรถยนต์แล้ว ยังอาจทำให้อุปกรณ์ภายในเกิดการเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
8. ล้างรถหรือเคลือบสีบ้างในบางโอกาส
แม้จะเป็นรถยนต์รุ่นเก่าที่ใช้งานมานาน สมบุกสมบันพอสมควร สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการล้างหรือเคลือบสีให้รถบ้าง เพราะถ้าหากปล่อยให้ฝุ่นเกาะหรือเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก อาจทำให้รถที่เก่าอยู่แล้ว กลับดูโทรมขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว
นอกจากนี้การล้างรถอย่างสม่ำเสมอ และเคลือบสีในบางโอกาส จะช่วยให้คงสภาพภายนอกและภายในของรถยนต์รุ่นเก่าได้ดี แถมยังทำให้รถคันโปรดของคุณดูดีขึ้นมาถนัดตาเลยล่ะ
ปกติแล้ว รถยนต์ควรเปลี่ยนใหม่ตอนไหน ?
หากคุณเป็นคนที่ใช้งานรถเก่ามานาน และไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องใช้รถคันนี้ไปตลอด เพียงแต่ไม่รู้ว่าควรจะเปลี่ยนจากรถยนต์รุ่นเก่า ไปเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ตอนไหนดี ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองเป็นหลัก เพราะแต่ละคนมีกำหนดเวลาที่ต่างกันออกไป ดังนี้
- เปลี่ยนรถเพราะรู้สึกว่าใช้งานคุ้มแล้ว เช่น ใช้งานมามากกว่า 10 ปี หรือมีเลขไมล์มากกว่า 100,000 กิโลเมตร
- เปลี่ยนรถเนื่องจากรถเก่า เริ่มมีปัญหาจุกจิก ต้องซ่อมแซม เปลี่ยนอะไหล่ หรือเกิดปัญหาขณะขับขี่ ทำให้ต้องควักเงินจ่ายค่าซ่อมเป็นประจำ การเปลี่ยนรถใหม่ก็อาจเป็นตัวเลือกที่ช่วยให้ประหยัดได้มากกว่า
- เปลี่ยนรถเพราะรถรุ่นใหม่มีเทคโนโลยีหรือฟังก์ชันที่น่าสนใจกว่า
- เปลี่ยนรถเพราะมีขนาดครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น
ซึ่งถ้าหากยังไม่แน่ใจว่า ‘ระยะเวลา’ ที่กำหนดไว้ ใช่ตัวเลือกที่ดีแล้วหรือยัง ต้องขอย้ำอีกครั้งว่าขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคุณเป็นหลัก ว่าต้องการเปลี่ยนจากรถยนต์รุ่นเก่าเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ตอนไหน ทั้งในเรื่องของความสบายใจ รวมถึงกำลังทรัพย์ และถ้ากำลังสงสัยว่า ‘คนอื่น’ เขาให้เหตุผลในการเปลี่ยนรถว่าอะไรบ้าง มิสเตอร์ คุ้มค่า ลิสต์มาให้ในหัวข้อถัดไปเรียบร้อยแล้ว
เหตุผลที่หลายคนเลือกเปลี่ยนรถคันใหม่ มากกว่าซ่อมรถเก่า ?
หลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ใช้รถเก่าอันตราย” ทำให้หลายคนเลือกที่จะเปลี่ยนรถใหม่ มากกว่าหาวิธีดูแลรถที่ดี หรือซ่อมรถให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม ซึ่งจริง ๆ แล้วถามว่าอันตรายไหม? คำตอบคือไม่เลยหากรถได้รับการดูแลที่เหมาะสม
ถ้าถามว่าควรเปลี่ยนรถใหม่ไหม? คำตอบนี้ตัวคุณเองจะตอบได้ดีที่สุด และเราทำได้แค่ให้ข้อมูลจำเป็นต้องรู้ เหตุผลที่ควรเปลี่ยนรถใหม่มาให้พอได้เห็นภาพ ตามไปดูกัน
1. รถรุ่นใหม่ปลอดภัยมากขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารถเก่า โดยเฉพาะ ‘ รถยนต์รุ่นเก่า ‘ ความปลอดภัยจะลดลงเมื่อเทียบกับรถรุ่นใหม่โดยเฉพาะในแง่เทคโนโลยี เนื่องจากขาดอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ทันสมัย เช่น ถุงลมนิรภัย, ระบบเบรกแบบ ABS รวมถึงระบบช่วยเตือนภัย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่ รวมถึงผู้โดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุได้
2. รถเก่ามีค่าใช้จ่ายในการซ่อมสะสม
ตามปกติแล้วรถยนต์ทีใช้งานมานานกว่า 10 ปี มักจะต้องเข้ารับการซ่อมบำรุงอยู่เสมอ เพื่อรักษาสภาพการใช้งานให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่ง ‘ค่าใช้จ่าย’ ในส่วนนี้ บอกเลยว่าเอาเรื่อง เพราะมันจะสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจเท่ากับหรือมากกว่าค่าซื้อรถใหม่
3. รถเก่ามีสมรรถนะการขับขี่ลดลง
เมื่อรถมีอายุการใช้งานที่มากขึ้น แน่นอนว่าประสิทธิภาพสมรรถนะการทำงานของระบบต่าง ๆ ของตัวรถย่อมลดลงเป็นเรื่องธรรมดา ในเมื่อคุณเปลี่ยนอะไหล่หมดทั้งคันไม่ได้ ย่อมมีชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกและช่วงล่างอาจสึกหรอ, เครื่องยนต์อาจสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น ทำให้การขับขี่ปลอดภัยน้อยลงหรือสมรรถนะไม่เป็นเหมือนเมื่อครั้งที่คุณได้รถมาไม่นาน
หากคุณไม่ใช่คนเบื่อง่าย และยินดีจะใช้งานรถเก่าที่มี ไปอีกนาน วิธีดูแลรถที่เรานำมาบอกต่อในวันนี้ เป็นหนึ่งในการดูแลและยืดอายุการใช้งานของรถยนต์รุ่นเก่าได้ดีมาก ๆ นอกจากนี้ยังควรให้ความสำคัญในเรื่อง ‘ประกันภัยรถยนต์’ ด้วยเช่นกัน แม้จะเป็นรถเก่าแต่ควรได้รับความคุ้มครองเฉกเช่นรถใหม่ เพียงเท่านี้จะช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างอุ่นใจไร้กังวลแล้ว
คำจำกัดความ
เฉลี่ย | เกลี่ย, แบ่งให้ปริมาณที่เท่ากัน, แจกจ่ายให้ทั่วกัน, ลักษณะที่ถัวให้เท่า ๆ กัน |
ลาม | แผ่ขยายออกไปรวดเร็ว |
สมบุกสมบัน | สู้ทนลำบากตรากตรำอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย, อาการที่ใช้โดยไม่ทะนุถนอม หรือไม่รักษา |
เฉกเช่น | เหมือนกับ, ราวกับ |