เมื่อเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น ทำให้การซื้อประกันภัยรถยนต์สะดวกสบายมากกว่าเดิม โดยเฉพาะขั้นตอน ตรวจสภาพรถออนไลน์ ที่หลายคนอาจยังไม่รู้มาก่อน จะมีรายละเอียดที่น่าสนใจอะไรบ้าง ? ต้องทำยังไง ? ขั้นตอนเป็นอย่างไร ? ตรวจสภาพรถจุดไหนบ้าง ? เรารวบรวมมาให้เรียบร้อยแล้ว ไปดูพร้อม ๆ กันได้เลย !
ทำไมถึงต้องตรวจสภาพรถ ก่อนเริ่มกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ หรือตรวจสภาพรถออนไลน์ ?
การตรวจสภาพรถก่อนทำประกันภัยรถยนต์ เพื่อใช้เป็น “หลักฐาน” ว่ารถของคุณไม่มีรอยหรือไม่ได้มีเหตุเกิดก่อนทำประกัน นอกจากนี้ “รูปถ่าย” จากการตรวจสภาพรถยนต์ ยังช่วยยืนยันสภาพของรถได้สมบูรณ์แบบมากที่สุด ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้วรถได้รับความเสียหาย จะได้รับการดูแลจากบริษัทประกันภัยอย่างครอบคลุม
วิธีตรวจสภาพรถ เพื่อทำประกันภัยรถยนต์
การตรวจสภาพรถออนไลน์ของแต่ละบริษัทประกัน อาจมี “เงื่อนไขหรือข้อกำหนด” ที่แตกต่างกันออกไป เช่น บางแห่งใช้วิธีการวิดีโอคอล บางแห่งใช้วิธีการถ่ายรูป แต่ที่แน่ ๆ คือเจ้าของรถ ผู้เอาประกัน หรือผู้ครอบครองรถ จะต้องถ่ายรูปให้ครบถ้วน ตรงตามเงื่อนไขดังนี้
วิธีถ่ายรูป “สภาพรถภายนอก”
- รูปหลังคารถ
- รูปด้านหน้ารถเต็ม
- เห็นด้านหน้าเต็ม
- เห็นฝากระโปรงรถ
- เห็นกระจกหน้า
- ป้ายทะเบียนรถ
- รูปใบ พรบ.
- รูปด้านท้ายรถ
- เห็นด้านหลังเต็ม
- เห็นประตูหลัง
- เห็นกระจกหลัง
- ป้ายทะเบียน
- รูปด้านข้างรถขวา
- เห็นด้านขวาทั้งคัน
- เห็นล้อและล้อแม็กซ์
- รูปด้านข้างรถซ้าย
- เห็นด้านซ้ายทั้งคัน
- เห็นล้อและล้อแม็กซ์
วิธีถ่ายรูป “สภาพรถภายใน และอุปกรณ์อื่น”
- รูปคอนโซลหน้ารถบริเวณคนขับ
- รูปหน้าปัดรถ
- เห็นเลขไมล์
- ต้องสตาร์ทเครื่องบนต์ระหว่างถ่ายรูป
- รูปเลขตัวถัง (ดูตำแหน่งจากเล่มทะเบียนรถ)
- หน้าห้องเครื่องยนต์
- รูปอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ
- ถังแก๊ส
- ล้อแม็กซ์
- สเกิร์ตรถ
- รอยความเสียหาย
- ใบทะเบียนรถ
- ใบขับขี่
รถมีรอย ทำประกันได้ไหม ?
อีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนยังคงสงสัย คือ “รถมีรอยสามารถทำประกันได้ไหม” จริง ๆ มีทั้งทำได้และไม่ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหลายอย่าง และสิ่งที่คุณควรทำความเข้าใจให้ดีเลยคือ “รอยแผลที่เป็นมาก่อนทำประกัน บริษัทจะไม่ให้ความคุ้มครอง” แต่ต้องดูเงื่อนไขว่ามากแค่ไหน เพื่อพิจารณาต่อไปว่าสามารถทำประกันได้หรือไม่ โดยขึ้นอยู่กับ “ปัจจัย” ดังต่อไปนี้
จำนวนแผล
ทางบริษัทฯ จะตรวจสอบว่ารอยแผลเดิมมีมากแค่ไหน เช่น มากกว่า 4-5 แผล หรือ 10-20 แผล บางบริษัทอาจไม่รับตั้งแต่รอยแผลมากกว่า 4 แผล ต้องจัดการเคลม/ซ่อมให้เรียบร้อยก่อน หรือบางบริษัทอาจมี “เงื่อนไขเพิ่ม” ให้คุ้มครองก่อนได้ แต่ต้องไปเคลมภายในระยะเวลา 1 เดือน หรือบางบริษัทขอติด DD หรือ Excess 2,000 ทุกครั้งที่มีการเคลม แนะนำให้สอบถามทางบริษัทประกันให้ดี
จำนวนความเสียหาย
เช่น ทางบริษัทฯ ประเมินความเสียหายแล้ว รวม 5,000 หรือ 13,000 บาท บางบริษัทรับได้ไม่เกิน 8,000 บาท ถ้ามากกว่านี้แล้วจะเอาแพ็กเก็จประกันรถยนต์ด้วยเบี้ยที่ถูก ต้องขอติด DD หรือ Excess 2,000 บาท จนกว่าจะไปเคลมมา
นโยบายบริษัทฯ
การเจรจา ตกลงกัน อื่น ๆ
ต้องขอย้ำอีกครั้งว่าการจะทำประกันได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับ “เงื่อนไข” ของแต่ละบริษัท แนะนำให้สอบถามรายละเอียดให้แน่ชัด หากที่แรกไม่ได้ลองถามที่ที่สองดู พร้อมทั้งเจรจาและตกลงกันถึงเหตุและผล เพื่อให้รถยนต์ของคุณได้รับความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ และไม่เสียผลประโยชน์มากมายนัก
จะรู้ได้ยังไงว่าประกันภัยรถยนต์ที่คุณทำ “คุ้มค่า” แค่ไหน ?
หลายคนอาจมองว่าการซื้อประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม จริง ๆ เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้ว แต่ถ้าหากคุณขับรถด้วยควมระมัดระวังเสมอ ไม่ขับสมบุกสมบัน ค่าเบี้ยที่ต้องลงทุนไปกับประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จะคุ้มค่าหรือไม่ สามารถบอกได้จาก “ปัจจัย” ดังต่อไปนี้
- ราคาของรถยนต์ หากรถของคุณมีราคาแพงหรือเป็นรถใหม่ป้ายแดง การมีประกันภัยรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองอย่างครอบคลุม ย่อมให้ความอุ่นใจได้มากกว่า
- เปรียบเทียบประกันด้วยตัวเอง เพื่อให้มี “ตัวเลือก” ความคุ้มครองที่ครอบคลุม เช่น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จะได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติมจาก พรบ.รถยนต์ มากน้อยแค่ไหน
- การรองรับความเสี่ยง เช่น มีเหตุเสี่ยงสูง ขับรถระยะทางไกลหรือสถานที่ที่เกิดอุบัติเหตุได้บ่อย
- ตรงตามงบประมาณที่กำหนดไว้ เพราะตัวคุณเองจะรู้ดีว่าประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เกินตัวหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับ “ความสามารถในการจ่ายค่าเบี้ย” ได้ตรงเวลา และแน่ใจว่าผ่อนไหวทุกเดือน
- เพิ่มความอุ่นใจในการเดินทาง เช่น ครอบครัวมีผู้สูงอายุ เด็กเล็ก จะช่วยให้คุณวางใจได้เป็นอย่างดี
แนะนำว่าให้คุณลองชั่งน้ำหนัก เปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์เกี่ยวกับรายละเอียดต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วน ว่าจริง ๆ แล้วประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่บอกว่าครอบคลุมรอบด้านนั้น ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้หรือไม่ หรือจริง ๆ เป็นค่าใช้จ่ายที่เกินจำเป็น เกินตัว หากเป็นแบบนั้นให้ลองมองประกันภัยรถยนต์ชั้นอื่น ๆ ดูก่อน เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครอง และค่าเบี้ยประกันที่ตอบโจทย์มากที่สุด
“ประกันภัยรถยนต์” ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ สำหรับคนมีรถ เพราะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้คุณตลอดการเดินทาง เมื่อเกิดปัญหาระหว่างทางจะมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือถ้าหากเกิดอุบัติเหตุจะมี “เพื่อน” ที่คอยแบกรับภาระค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด (ไม่เกินวงเงินที่ระบุในประกัน) จึงเป็นเหตุผลที่คุณควรทำความเข้าใจให้ดี โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอน “ถ่ายรูปเพื่อตรวจสภาพรถ ก่อนเริ่มกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์” เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมและคุ้มค่านั่นเอง