หัวข้อที่น่าสนใจ
- รู้จักประกันชั้น 3 คืออะไร คุ้มครองกรณีไหนบ้าง ?
- ขยายความ ความคุ้มครองของประกันชั้น 3 กันหน่อย
- ประกันชั้น 3 ไม่คุ้มครองอะไรบ้าง ?
- 1. กรณีอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี
- 2. กรณีน้ำท่วม และภัยพิบัติ
- 3. กรณีรถยนต์สูญหาย หรือไฟไหม้
- 4. กรณีความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัย
- ประกันชั้น 3 จ่ายน้อย คุ้มครองต่ำ เหมาะกับรถยนต์ประเภทใด ?
- รถอายุเท่านี้ ซื้อประกันชั้นไหนดี ?
- 1. รถป้ายแดงอายุไม่ถึง 2 ปี
- 2. อายุรถ 3-7 ปี
- 3. อายุรถ 7-15 ปี
- 4. อายุรถ 20 ปีขึ้นไป
อยากซื้อประกันภัยรถยนต์แต่มีงบจำกัด บางที ประกันชั้น 3 แผนประกันราคาประหยัดอาจเป็นคำตอบของคุณก็ได้ แม้คุ้มครองน้อยกว่าประเภทอื่นแต่ข้อดีมีมากกว่าแค่ราคาประหยัด มิสเตอร์ คุ้มค่า จึงอยากพาทุกคนไปรู้จักกับประกันประเภทนี้ให้มากขึ้น กับทุกประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับประกันรถยนต์ชั้น 3 รวมมาให้แล้ว คุ้มครองอะไรบ้าง เหมาะกับใคร และควรซื้อประกันภัยรถยนต์บริษัทไหนดี ? ตามไปหาคำตอบกันได้เลย
รู้จักประกันชั้น 3 คืออะไร คุ้มครองกรณีไหนบ้าง ?
ประกันรถยนต์ราคาประหยัดอย่าง “ ประกันชั้น 3 “ หนึ่งในประกันภาคสมัครใจที่ให้ความคุ้มครองน้อยที่สุด โดยให้ความคุ้มครองเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับ ‘บุคคลภายนอก’ ทั้งความเสียหายต่อทรัพย์สิน ชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย และผู้โดยสารในรถ (ผู้โดยสารในรถของคู่กรณีและผู้เอาประกัน)
แต่ต้องจำให้ขึ้นใจว่าประกันรถยนต์ชั้น 3 ไม่ได้ครอบคลุมรถยนต์ของผู้เอาประกัน ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ๆ ก็ตาม มูลค่าสูงสุดที่บริษัทประกันจะชดใช้ให้เมื่อเกิดความเสียหายต่อรถไม่เกิน 80% ของราคาท้องตลาด
ขยายความ ความคุ้มครองของประกันชั้น 3 กันหน่อย
ตามที่อธิบายไปข้างต้น หลายคนคงสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าประกันรถยนต์ชั้น 3 จริง ๆ แล้วคุ้มครองอะไรบ้าง โดยประกันชั้น 3 ให้ความคุ้มครอง 2 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้
คุ้มครองคน
“คน” เหมารวมถึงผู้เอาประกัน คู่กรณี และบุคคลภายนอก โดยประกันชั้น 3 คุ้มครองต่อชีวิต ร่างกายของบุคคลภายนอก ผู้โดยสารในรถยนต์คันที่เอาประกัน คู่กรณี หากมีผู้เสียชีวิต บริษัทประกันจะชดใช้ตามวงเงินประกันตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
คุ้มครองรถ
บริษัทฯ ให้ความคุ้มครองเฉพาะทรัพย์สิน(รถ) ของคู่กรณี บุคคลภายนอกเท่านั้น ไม่คุ้มครองรถคันที่เอาประกัน โดยแบ่งความคุ้มครองแยกย่อยเพิ่มเติมดังนี้
- ให้ความคุ้มครองต่อทรัพย์สินของผู้ที่ได้รับความเสียหาย หรือบุคคลภายนอก ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น ค่าซ่อมรถ หรือความเสียหายต่อทรัพย์สินอื่น ๆ
- ไม่คุ้มครองค่าเสียหายรถยนต์ ทรัพย์สินของผู้เอาประกันทุกกรณี
กรณีที่ทำประกันชั้น 3 ไว้ แล้ว “เราเป็นฝ่ายถูก” จะต้องโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันทันที เนื่องจากประกันชั้นนี้ต้องแจ้งเคลมในสถานที่เกิดเหตุ และต่อหน้าคู่กรณีเท่านั้น แต่ถ้า “เราเป็นฝ่ายผิด” กรมธรรม์จะจ่ายค่าเสียหายให้คู่กรณีเท่านั้น ส่วนรถคันที่เอาประกัน (รถเรา) ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายค่าซ่อมเอง
ประกันชั้น 3 ไม่คุ้มครองอะไรบ้าง ?
หลังจากทำความเข้าใจ ‘ความคุ้มครอง’ ของประกันรถยนต์ชั้น 3 มาแล้ว มาดูต่อเลยว่ากรณีไหนบ้างที่ประกันชั้นนี้ ‘ไม่คุ้มครอง’ เพื่อให้คุณนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกทำประกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลัก ๆ มีทั้งหมด 4 กรณี ดังนี้
1. กรณีอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี
ประกันรถยนต์ชั้น 3 ให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุแบบ “รถชนรถ และมีคู่กรณี” เท่านั้น หากเป็นอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ชนเสาไฟฟ้า, ครูดฟุตบาด, หินกระเด็นใส่ หรือแม้กระทั่งโดนชนแล้วหนี ทั้งหมดนี้ประกันชั้น 3 จะไม่ให้ความคุ้มครอง
2. กรณีน้ำท่วม และภัยพิบัติ
สิ่งที่ต้อง ‘ทำใจ’ เอาไว้เลย เมื่อตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ชั้น 3 คือ ประกันชั้นนี้ไม่ได้ให้ความคุ้มครองเหมือนกับประกันชั้น 1 หรือ 2+ หากต้องการได้รับความคุ้มครองกรณีน้ำท่วมหรือภัยพิบัติ ประกันชั้น 3 จะไม่ตอบโจทย์ แนะนำให้พิจารณาให้ดีก่อน ว่ารถยนต์ของคุณมีความเสี่ยงดังกล่าวนี้หรือไม่
3. กรณีรถยนต์สูญหาย หรือไฟไหม้
กรณีที่รถยนต์เกิดการสูญหาย โดยสามารถพิสูจน์ได้ว่ารถยนต์ “หายสิ้นเชิง” ทางบริษัทประกันจะไม่ให้ความคุ้มครอง รวมถึงกรณีที่รถยนต์ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ จะไม่ได้รับความคุ้มครองเช่นเดียวกัน
4. กรณีความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัย
แม้ว่าจะเป็นการเกิดอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณีแต่ประกันรถยนต์ชั้น 3 จะไม่ให้ความคุ้มครองต่อผู้เอาประกัน และต้องทำการจ่ายค่าพยายาลด้วยตัวเอง
ประกันชั้น 3 จ่ายน้อย คุ้มครองต่ำ เหมาะกับรถยนต์ประเภทใด ?
หากคุณมั่นใจว่าใช้รถน้อยและขับขี่ตามกฎจราจรทุกจังหวะประกันชั้น 3 อาจเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ ด้วยความที่ประกันชั้น 3 ให้ความคุ้มครองต่ำกว่าประกันชั้นอื่น ๆ จึงเหมาะกับ “รถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน” มากกว่า แม้ว่านาน ๆ จะขับออกจากบ้านที แต่ถ้าปล่อยให้รถไม่มีประกันเลยคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ เพราะไม่มีใครรู้ได้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันตอนไหนและถ้าเกิดเหตุมั่นใจว่าเป็นฝ่ายถูกก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องการรับผิดชอบให้กับคู่กรณี
หากทำประกันรถยนต์ชั้น 3 ไว้ แม้จะให้ความคุ้มครองต่ำแต่ไม่ต้องมานั่งกังวลใจใด ๆ เพราะประกันชั้นนี้ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อ ‘ทรัพย์สินของคู่กรณี’ อย่างน้อยช่วยให้คุณไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายเองทั้งหมด
อายุรถ มีผลต่อเบี้ยประกันไหม ?
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ‘อายุรถและประสบการณ์’ ในแง่ของประกันภัยรถยนต์ ถือว่าเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกัน ยิ่งรถมีอายุมาก ผู้ขับขี่ยิ่งมีประสบการณ์สูง ดังนั้นจึงมักถูกนำมาพิจารณาร่วมกันเสมอ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บริษัทประกันจะเสนอ ‘เบี้ยประกันที่สูงให้กับผู้ขับขี่มือใหม่’
และอย่างที่ทราบกันดีว่าประกันชั้น3 มีค่าเบี้ยประกันที่ถูกมาก ๆ เพราะนอกจากประกันรถยนต์ชั้น 3 จะให้ความคุ้มครองต่ำแล้ว ยังเหมาะกับ ‘รถเก่า’ ที่แน่นอนว่าเจ้าของรถย่อมมีประสบการณ์การขับขี่ที่โชกโชนพอตัว
ในกรณีที่คุณเป็น ‘เจ้าของรถอายุน้อย’ แต่อยากได้ประกันที่ราคาถูก (ให้ความคุ้มครองเท่าเดิม) การทำประกันแบบระบุชื่อผู้ขับขี่จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า เนื่องจากเป็นการยืนยันว่าคุณเป็นผู้ขับขี่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ค่าเบี้ยถูกกว่าแบบไม่ระบุผู้ขับขี่พอสมควร
รถอายุเท่านี้ ซื้อประกันชั้นไหนดี ?
จากที่หลาย ๆ คนเกิดความสงสัยว่า “อายุรถมีผลต่อการซื้อประกันหรือไม่” โดยเฉพาะประกันชั้น 3 บอกตรงนี้เลยว่าประกันชั้น 3 ไม่จำกัดอายุ รถแม้แต่นิดเดียว แต่ถ้ากำลังสงสัยว่า ‘อายุรถเท่านี้ ซื้อประกันชั้นไหนดี’ มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้รวบรวมคำตอบของประเด็นนี้มาให้ด้วยเช่นกัน ตามไปดูเลยดีกว่า
1. รถป้ายแดงอายุไม่ถึง 2 ปี
หากรถยนต์คู่ใจของคุณเป็น ‘รถใหม่ป้ายแดง’ แถมยังมีอายุไม่เกิน 2 ปี แน่นอนว่ารถประเภทนี้ส่วนใหญ่จะมีประกันชั้น 1 ตั้งแต่ออกรถอยู่แล้ว เพราะไฟแนนซ์ส่วนใหญ่มักแนะนำให้ทำประกันเอาไว้ทันที เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากผู้ขับขี่ยังเป็นมือใหม่ ที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุสูง
2. อายุรถ 3-7 ปี
สำหรับคนที่ใช้งานรถมาสักพักแล้ว หรือรถยนต์มีอายุ 3-7 ปี แต่ใช่ว่าจะวางใจเรื่อง ‘ความเสี่ยง’ ได้ หากต้องการทำประกันที่ให้ความคุ้มครองครบครัน ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ยังตอบโจทย์ได้ดีดังเดิม แต่ถ้าอยากได้ประกันที่ราคาถูกลง ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะให้ความคุ้มครองไม่ต่างกับชั้น 1 เท่าไหร่
3. อายุรถ 7-15 ปี
แต่ถ้ากำลังมองหาประกันสำหรับรถอายุ 7-15 ปี หรือประกันรถยนต์ อายุเกิน 10 ปี จัดอยู่ในประเภท ‘รถเก่า’ การเลือกทำประกันชั้น 3 หรือ ประกันชั้น 3+ ที่ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับชั้น 2 ดูจะตอบโจทย์ได้ดี แถมยังช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้ดีมาก ๆ ด้วย
4. อายุรถ 20 ปีขึ้นไป
อายุรถ 20 ปีขึ้นไป การเลือกทำประกันรถยนต์ อายุเกิน 15 ปี หรือประกันรถยนต์ อายุเกิน 20 ปี อย่างประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากที่สุด แถมประกัน 3 ไม่ จำกัด อายุรถ สามารถทำประกันรถยนต์ อายุเกิน 30 ปีได้ด้วยเช่นกัน แลกมาด้วยความคุ้มครองที่น้อยมาก ๆ ท่องไว้เลยว่าค่าซ่อมแซม ค่าบำรุง รวมถึงค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถ (รถคันที่เอาประกัน) เจ้าของรถจะต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด
แม้ว่าประกันชั้น 3 จะให้ความคุ้มครองต่ำ เมื่อเทียบกับประกันรถยนต์ชั้นอื่น ๆ แต่ใช่ว่าจะเป็น ‘ข้อเสีย’ เสมอไป เพราะการใช้งานรถยนต์ของแต่ละบุคคล แม้จะเป็นรถใหม่การเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 3 อาจจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยได้ใช้รถบ่อย ๆ แนะนำให้เปรียบเทียบประกันรถยนต์ให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ใช่ ในราคาสบายกระเป๋ามากที่สุด
คำจำกัดความ
ครูด | ขูดหรือครู่ไป |
ผู้เอาประกัน | คนที่ทำสัญญาประกันภัยกับบริษัทประกัน เป็นผู้จ่ายเบี้ยประกัน หรือเป็นผู้รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ |
เหตุการณ์ไม่คาดฝัน | เหตุการณ์ที่เราไม่รู้มาก่อนล่วงหน้าว่ามันจะเกิดขึ้นและส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก |