ยางอะไหล่หาย เคลมประกันได้ไหม เจอแบบนี้ทำยังไงดี

ยางอะไหล่คืออะไร จำเป็นแค่ไหน ?

ทำความรู้จักกันหน่อยดีกว่า “ยางอะไหล่” หรือยางเส้นที่ 5 เป็นยางรถยนต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานชั่วคราว มักจะมียี่ห้อ ราคา และขนาดไม่เหมือนกับยางปกติที่ใช้อยู่ ส่วนมากจะเป็นยางที่มีขนาดเล็กและบางกว่า เนื่องจากเป็นยางที่ใช้งานเผื่อกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น

เหตุผลที่ยางอะไหล่เส้นเล็กกว่ายางปกติ ?

หลายคนอาจเกิดความสงสัย ว่าทำไมยางอะไหล่ถึงไม่ใช้ยี่ห้อหรือขนาดเหมือนกับยางปกติ ทำไมถึงต้องทำให้มีขนาดเล็กกว่าด้วย ? คำตอบคือเพื่อต้องการช่วยลดน้ำหนักของรถ แถมยังช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงเพิ่มพื้นที่ใช้งานท้ายรถยนต์ให้มากขึ้น เพราะตามปกติแล้วผู้ใช้รถทุกคนควรพกยางอะไหล่ติดรถไว้เสมอ มันจึงถูกออกแบบให้สะดวกสบายมากที่สุดนั่นเอง

นอกจากนี้อย่างที่เราบอกไปแล้วว่า “ยางอะไหล่มีวัตถุประสงค์ในการใช้งาน เฉพาะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น” จึงไม่แปลกที่มันจะมีขนาดเล็กกว่าปกติ เนื่องจากไม่ได้ผลิตมาเพื่อขับระยะทางไกลด้วยความเร็วสูง แต่เพื่อเป็นตัวช่วยในการประคับประคองการขับขี่ เพื่อขับเคลื่อนไปยังศูนย์ซ่อมที่ใกล้ที่สุดเท่านั้น

ข้อควรระวังในการใช้งานยางอะไหล่ มีอะไรบ้าง ?

แม้ว่ายางอะไหล่รถยนต์จะถูกออกแบบมาให้ใช้เฉพาะตอนที่เกิดเหตุฉุกเฉิน บางคนอาจไม่ได้ใช้บ่อย หรือแทบไม่ได้ใช้เลย แต่ก็ควรทำความเข้าใจ “ข้อควรระวัง” เอาไว้หน่อย ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย

• 1. ควรใช้เวลาเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น

  ขอย้ำอีกครั้งว่ายางอะไหล่มีขนาดที่เล็กและบางกว่ายางปกติที่ใช้งานทั่ว ๆ ไป แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็น “ยางสำรอง” จึงไม่ควรนำยางประเภทนี้มาใช้แบบถาวร หรือใช้งานทดแทนยางปกติที่ใช้อยู่ แต่ควรนำมาใช้งาน ‘ชั่วคราว’ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น รถยางแตก รถยางรั่ว เพื่อให้รถขับเคลื่อนไปยังศูนย์บริการหรือร้านซ่อมรถที่ใกล้ที่สุดได้

  *หมายเหตุ: หากใช้ยางอะไหล่ (ยางสำรอง) วิ่งไปนาน ๆ อาจทำให้ยางแบนได้

• 2. ตรวจสอบสภาพของยางอะไหล่ก่อนใช้งานทุกครั้ง

  ก่อนนำยางอะไหล่ออกมาใช้งาน หรือมีเหตุจำเป็นต้องเดินทางไกล ออกต่างจังหวัด ออกทริปช่วงวันหยุดยาว หรือใด ๆ ก็ตาม จำเป็นต้องตรวจสอบสภาพโดยรวมของยางให้เรียบร้อยก่อน ว่ายังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ โดยตรวจสอบได้ดังนี้

  • ตัวยางไม่แข็งกระด้าง
  • ยางอะไหล่ไม่มีรอยแตก ปริ หรือบวม
  • ตัวยางไม่มีรอยรั่ว เติมลมแล้วยังเก็บลมได้ดี

  ทั้งนี้ผู้ขับขี่ควรหมั่นตรวจสอบยางสำรองอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปกติแล้วถ้ายังอยู่ในสภาพดี ไม่มีปัญหาอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ก็จะสามารถเก็บไว้ใช้งานได้นานถึง 4-6 ปีทีเดียว ซึ่งการตรวจเช็คบ่อย ๆ นอกจากจะช่วยในเรื่องของความปลอดภัยแล้ว ยังป้องกันล้ออะไหล่หายแบบไม่รู้ตัวได้อีกด้วย

• 3. ต้องขับขี่ด้วยความเร็วที่เหมาะสม

  ด้วยความ ‘คุณภาพ’ ของยางสำรอง ตัวหน้ายางสัมผัสไม่เท่ากัน รวมถึงมีขนาดเล็กและบางกว่า จึงอาจไม่ได้ใช้งานได้เต็มสมรรถนะเทียบเท่ากับยางปกติที่ใช้งานอยู่ ดังนั้นเมื่อเปลี่ยนมาใช้ยางอะไหล่ จึงควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง และไม่ควรขับรถเร็วจนเกินไป โดยความเร็วที่เหมาะสมจะอยู่ที่ประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ยางอะไหล่หาย ทำยังไงดี ?

หากตรวจเช็คแล้วพบว่าล้ออะไหล่หาย สิ่งสำคัญที่สุดคือตั้งสติให้มั่น พร้อมกับดำเนินตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อให้สามารถจัดการปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และรอบคอบมากที่สุด ดังนี้

• แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

  ขั้นตอนแรกที่สำคัญมาก ๆ เมื่อรู้ตัวว่าล้ออะไหล่หาย คือ การแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตรวจในพื้นที่ เนื่องจาก ‘ใบแจ้งความ’ จะเป็นหลักฐานสำคัญในการดำเนินการเคลมประกันภัย และช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสืบสวนเหตุการณ์ และติดตามผู้กระทำผิดได้

• ตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ของคุณ

  กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท มีขอบเขตความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งการตรวจสอบรายละเอียดในกรมธรรม์ จะช่วยให้เข้าใจว่าความคุ้มครองของคุณครอบคลุมถึงกรณีนี้ด้วยหรือไม่ เพื่อที่จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปได้

• ติดต่อบริษัทประกัน

  เมื่อดำเนินการแจ้งความ รวมถึงตรวจสอบกรมธรรม์เรียบร้อยดีแล้ว ให้แจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบริษัทประกันภัยทันที พร้อมส่งเอกสารสำคัญ เช่น ใบแจ้งความ, สำเนากรมธรรม์ และรูปภาพประกอบ เพื่อให้บริษัทประกันดำเนินการเคลมประกันได้อย่างรวดเร็ว (กรณีที่ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์)

ไขข้อสงสัย ยางอะไหล่หาย เคลมประกันได้ไหม ชั้นไหนคุ้มครองบ้าง ?

อย่างที่บอกไปแล้วว่าประกันภัยแต่ละประเภท มีขอบเขตความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป หากสงสัยว่ายางอะไหล่หาย เคลมประกันได้ไหม ก็ต้องมาดูกันต่อว่ารถยนต์คันโปรดของคุณทำประกันชั้นไหนไว้ ซึ่งถ้าหากไม่รู้ว่าชั้นไหนให้ความคุ้มครองกรณีนี้บ้าง ตาม มิสเตอร์ คุ้มค่าไปทำความเข้าใจกันสักหน่อยดีกว่า

• ประกันรถยนต์ชั้น 1

  คุ้มครองครอบคลุมกรณีการโจรกรรมรถยนต์ทั้งคัน รวมถึงกรณียางหรือล้ออะไหล่หายด้วย ซึ่งประกันชั้นนี้ถือว่าครอบคลุมมากที่สุด รวมถึงกรณีการเคลมประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่มีคู่กรณีด้วยเช่นกัน หากต้องการความอุ่นใจแนะนำให้เปรียบเทียบ และเช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ของแต่ละเจ้าให้ดีก่อน

• ประกันรถยนต์ชั้น 2+

  คุ้มครองการสูญหายของรถยนต์ทั้งคัน แต่ไม่คุ้มครองกรณีสูญหายของชิ้นส่วนรถยนต์ เช่น ยางอะไหล่หาย ล้ออะไหล่หาย หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่ถูกโจรกรรม

• ประกันรถยนต์ชั้น 3+

  คุ้มครองเฉพาะความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุ ที่สามารถระบุคู่กรณีได้ชัดเจน แต่ไม่คุ้มครองกรณีการสูญหายของรถยนต์ทั้งคัน หรือชิ้นส่วนที่ถูกโจรกรรม เช่น ยางอะไหล่ เป็นต้น

• ประกันรถยนต์ชั้น 2 และ 3

  โดยทั่วไปประกันรถยนต์ทั้งสองจะไม่ครอบคลุมการโจรกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ใด ๆ