เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน หลายคนคงเข้าใจพื้นฐานทั่วไปของ วิธีเคลมประกันรถยนต์ กันอยู่บ้าง หลัก ๆ เมื่อเจอเหตุขั้นตอนคือ โทรแจ้งบริษัทประกัน, ไม่เคลื่อนย้ายรถ ถ่ายรูปเป็นหลักฐาน ฯลฯ แต่คุณรู้ไหมว่ามี “บางสิ่ง” เกี่ยวกับการเคลมประกันที่ทางบริษัทฯ ไม่เคยบอกคุณและไม่เคยบอกใครมาก่อน ถ้าคุณอยากรู้ว่าอะไรคือ “ความลับของการเคลมประกันรถยนต์” วันนี้ MrKumka จะเล่าให้ฟังกัน
วิธีเคลมประกันรถยนต์ มีกี่รูปแบบ อะไรบ้าง ?
ตามปกติแล้วการเคลมประกันรถยนต์แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ขึ้นอยู่กับว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นในลักษณะไหน เล็ก ใหญ่ มีหรือไม่มีคู่กรณี เป็นต้น ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบมีรายละเอียดดังนี้
1. เคลมสด
เคลมสด คือ การเคลม ณ จุดเกิดเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่สำรวจภัยจากบริษัทประกัน เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับส่งมอบ “ใบเคลม” ให้กับคุณ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กรณี ได้แก่
เคลมสดแบบมีคู่กรณี
คืออุบัติเหตุแบบ “รถชนรถ” เจ้าหน้าที่สำรวจภัยจะดำเนินการพิจารณาว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด สำหรับฝ่ายผิดอาจจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรกให้กับคู่กรณีก่อน ซึ่งเป็นไปตามที่ตกลงไว้กับทางบริษัทประกัน
เคลมสดแบบไม่มีคู่กรณี
คืออุบัติเหตุแบบชนกับวัตถุ/สิ่งของจนเกิดความเสียหาย เช่น ชนเสาไฟฟ้า ฟุตบาท ต้นไม้ หรืออื่น ๆ กรณีนี้ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกก่อนเสมอ
2. เคลมแห้ง
เคลมแห้ง คือ การเคลมหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุไปสักระยะแล้ว แต่ไม่ควรนานเกิน 2-3 วัน ส่วนใหญ่จะเป็นอุบัติเหตุในรูปแบบของการเฉี่ยวชน ที่ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย แนะนำให้บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ว่าชนกับอะไร ที่ไหน เวลาใด พร้อมกับแจ้งบริษัทประกันด้วยตัวเอง
เคลมรอบคัน คืออะไร ?
นอกจากนี้การเคลมแห้งยังมีกรณีพิเศษอย่าง “เคลมรอบคัน” ซึ่งคุณจะต้องทำการเก็บรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับความเสียหายของรถรอบคันที่เกิดขึ้นตลอดการใช้งานในรอบปีของกรมธรรม์ อาทิ รอยละเอียดหิน, รอยขีดข่วน ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี ทำให้เป็นการรับประกันเฉพาะประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น และอาจต้องมีการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Excess)
การเคลมแห้งอาจมีค่าใช้จ่ายส่วนแรก ประมาณ 1,000-4,000 บาท ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท
ความลับเคลมประกันรถยนต์ที่เป็นประโยชน์ต่อคุณ
รู้หรือไม่ !? ว่าพฤติกรรมบางอย่างของคุณอาจส่งผลต่อการเคลมประกัน การต่ออายุประกัน รวมถึงค่าเบี้ยในปีต่อ ๆ ไปได้อีกด้วย หากคุณไม่เคยรู้มาก่อนก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะเราได้รวบรวม “ความลับ” ที่จะเป็นประโยชน์ต่อคุณ มาบอกต่อเรียบร้อยแล้ว ไปดูกันเลย
ติดต่อบริษัทประกันภัย พร้อมกับ “ขอชื่อพนักงาน” เอาไว้
ไม่ว่าอุบัติเหตุที่คุณกำลังเผชิญหน้า จะเป็นเหตุเล็กหรือเหตุใหญ่ก็ตาม เมื่อทำการติดต่อบริษัทประกันภัยอย่าลืมขอชื่อ นามสกุล และช่องทางติดต่อพนักงานที่รับเรื่องเอาไว้ด้วย เพื่อเก็บเป็นหลักฐาน ในกรณีที่ต้องมีการติดตามงาน รวมถึงสอบถามข้อสงสัยต่าง ๆ จะได้มีช่องทางการติดต่อที่สะดวก รวดเร็ว
อย่าลืมเก็บหลักฐานด้วยภาพถ่ายหรือวิดีโอ
ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุ แนะนำให้ถ่ายภาพหรือวิดีโอเป็นหลักฐานทุกครั้ง โดยจะต้องถ่ายรอบบริเวณตัวรถที่เกิดความเสียหาย เป็นรอย รวมถึงรถของคู่กรณีด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้น ป้ายทะเบียน ในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายถูกและเป็นอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี แนะนำให้ทำการจดชื่อ ที่อยู่ และเลขทะเบียนของคู่กรณีมาด้วย
นอกจากนี้อย่าลืมให้คู่กรณีลงนามในเอกสารของบริษัทประกันภัยของคุณ รวมถึงจดรายละเอียด “ใบขับขี่” ของคู่กรณีเก็บเอาไว้ด้วย
เช็กความถูกต้องของข้อมูลที่แจ้งเคลมประกัน
ไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิดก็ตาม เมื่อดำเนินการแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ กับบริษัทประกันภัย ควรทำการ “ตรวจสอบ” กลับไปยังบริษัทประกันภัยอีกครั้ง โดยเฉพาะในกรณีที่ “คุณเป็นฝ่ายถูก” ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดกี่จุด ตำแหน่งที่เกิดความเสียหาย เนื่องจากข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนส่งผลต่อประวัติการเคลม ที่อาจต่อยอดไปถึงค่าเบี้ยประกันในอนาคตนั่นเอง
กรณีหาข้อสรุปไม่ได้ว่า “ใครเป็นฝ่ายผิด”
กรณีที่รถยนต์ของคุณกีดขวางการจราจรและจำเป็นจะต้องเคลื่อนย้ายรถออกจากจุดเกิดเหตุ แนะนำให้ถ่ายรูปหรือวิดีโอเก็บไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าหากเป็นอุบัติเหตุใหญ่ เช่น รถพลิกคว่ำ มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ไม่แนะนำให้เคลื่อนย้ายรถออกจากจุดเกิดเหตุ พร้อมกับดำเนินการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่และติดต่อบริษัทประกันภัยเป็นลำดับต่อมา หลังจากนั้นรอเจ้าหน้าที่สำรวจภัยเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างใจเย็น
อย่าเซ็นชื่อใด ๆ จนกว่าเจ้าหน้าที่ประกัน “ของเรา” จะมา
ในกรณีที่ “คุณเป็นฝ่ายผิด” แนะนำให้ดำเนินการถ่ายรูปที่เกิดเหตุเบื้องต้นเอาไว้ก่อน พร้อมกับดำเนินการแจ้งบริษัทประกันให้ทราบโดยเร็ว “ห้าม” เซ็นยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย หรือเอกสารใด ๆ จนกว่าเจ้าหน้าที่สำรวจภัยจะเดินไปถึง แนะนำให้อ่านรายละเอียดต่าง ๆ ให้ดี และรอเจ้าหน้าที่เช็กข้อมูลก่อนเซ็นทุกครั้ง อย่าด่วนตัดสินใจเองเป็นอันขาด
อย่าลืมเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ !
อีกหนึ่งข้อสำคัญ ! ที่ประกันไม่อยากบอกคุณคือเรื่อง ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ สิ่งนี้คือ ค่าชดเชยที่ฝ่ายถูกเรียกร้องได้จากบริษัทประกันภัยของรถที่เป็นฝ่ายผิด เพื่อชดเชยแก่ผู้เสียหาย (ฝ่ายถูก) ที่ต้องเสียประโยชน์จากการนำรถเข้าไปซ่อมด้วยอุบัติเหตุนั้น ๆ เพราะรถของประกันฝ่ายผิดได้ทำไว้ อีกหนึ่งความลับที่หลายคนอาจไม่รู้เพราะประกันไม่อยากบอกสักเท่าไร ถ้าเป็นฝ่ายถูกและต้องเสียประโยชน์ไม่มีรถใช้เพราะเข้าซ่อม เรียกร้องค่าชดเชยในส่วนนี้ได้เลย
ทั้งหมดคือ “ความลับ” ที่ไม่ค่อยลับของการเคลมประกันรถยนต์ นับว่าเป็นรายละเอียดยิบย่อยที่คุณอาจมองข้ามไปได้ง่าย ๆ แต่เชื่อเถอะว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณเมื่อต้องเคลม หากไม่อยากเจอปัญหาในการเคลมประกันจนถึงขั้นส่งผลกระทบต่อการต่อประกัน เบี้ยประกัน หรืออื่น ๆ แนะนำให้ลองนำไปใช้กันดู
ส่วนใครที่กำลังมองหาหรือเลือกซื้อประกันรถยนต์ ไม่แน่ใจว่าที่ไหนจะได้รับความคุ้มครองตอบโจทย์ ค่าเบี้ยสบายกระเป๋าและ “คุ้มค่า” ที่ MrKumka พร้อมนำเสนอบริษัทประกัน เบี้ยประกัน และกรมธรรม์ดีที่สุดให้คุณตลอด 24 ชั่วโมง เปรียบเทียบประกันรถยนต์ออนไลน์ คลิกเลย MrKumka.com