ใครที่ต้องใช้รถส่วนตัวในการทำงาน แต่บริษัทจะทำประกันให้ คุณอาจสงสัยว่าถ้า ไม่ใช่เจ้าของรถ ทําประกันได้ไหม ประกันจะให้ความคุ้มครองหรือไม่ ? และจำเป็นต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ? กับเงื่อนไขการคุ้มครองเมื่อคุณใช้รถส่วนตัวแต่จุดประสงค์ในงาน ต้องเลือกประกันแบบไหน MrKumka ได้รวบรวมคำตอบมาให้คุณเรียบร้อยแล้ว ตามไปดูกันเลย
ไขข้อสงสัย ไม่ใช่เจ้าของรถ ทําประกันได้ไหม
ในหัวข้อนี้เราจะพูดถึงกรณีที่ “คุณเป็นเจ้าของรถ แต่ทางบริษัทที่คุณทำงานให้จะทำประกันภัยรถยนต์ให้” เพื่อให้คุณอุ่นใจตลอดการเดินทาง จริง ๆ แล้ว “สามารถทำได้” เพียงแต่ ! บริษัทที่ทำงานของคุณจะต้องได้รับการยินยอมจากคุณผู้เป็นเจ้าของรถซะก่อน ประเด็นสำคัญคือการกรอกข้อมูลในส่วนของชื่อผู้เอาประกัน จะต้องระบุเป็นคนละชื่อกับชื่อเจ้าของรถ หรือถ้าหากจะไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ก็สามารถทำได้เช่นกัน
อธิบายให้เข้าใจก่อนว่าการไม่กรอกชื่อลงไป ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถเคลมประกันได้แต่อย่างใด แค่จะต้องเป็นคนที่เจ้าของรถยินยอมให้ใช้รถ รวมถึงต้องมีใบขับขี่ ซึ่งการกรอกหรือไม่กรอกชื่อลงไป ล้วนส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันรถยนต์ทั้งสิ้น
ประกันภัยรถยนต์ ไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ VS ระบุชื่อผู้ขับขี่
เพื่ออธิบายให้คุณเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น เราจะขอเสริมข้อมูลที่เราได้กล่าวไปเมื่อข้างต้นว่า ประกันภัยรถยนต์แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ แบบไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ และแบบระบุชื่อผู้ขับขี่ โดยมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. ประกันภัยรถยนต์แบบไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่
ประกันรถยนต์รูปแบบนี้ให้ความคุ้มครองความรับผิดชอบและความเสียหายต่อรถยนต์ที่เกิดในระหว่างการใช้ หรือการขับขี่ของบุคคลใด ๆ ก็ตาม ภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และข้อยกเว้นที่ระบุในกรมธรรม์
2. ประกันภัยรถยนต์แบบระบุชื่อ
ประกันรถยนต์รูปแบบนี้ เป็นประกันที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ให้ความคุ้มครองความรับผิด หรือความเสียหายต่อรถยนต์ที่เกิดขึ้นในขณะที่มี “บุคคลที่ระบุชื่อในกรมธรรม์” เป็นผู้ขับขี่เท่านั้น สามารถระบุชื่อผู้ขับขี่หรือผู้ได้รับความคุ้มครองได้ 2 คน หรือจะเลือกระบุคนเดียวก็ได้
ในกรณีที่ระบุชื่อ 2 คน การคิดค่าเบี้ยประกันรถยนต์จะยึดผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงสูง เป็น “ฐาน” ในการคำนวณดอกเบี้ย โดยแบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
- อายุเกิน 50 ปีขึ้นไป ส่วนลด 20%
- อายุ 36-50 ปี ส่วนลด 15%
- อายุ 25-35 ปี ส่วนลด 10%
- อายุ 18-24 ปี ส่วนลด 5%
ความแตกต่างของประกันภัยรถยนต์ทั้ง 2 รูปแบบ คือ “ค่าเสียหายส่วนแรก” โดยรูปแบบไม่ระบุชื่อ กรณีคนขับที่ไม่ใช่คนทำประกันจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเอง ในกรณีที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามทั้ง 2 รูปแบบ จะยังได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันตามปกติ
เอกสารในการ “ทำประกันแทนเจ้าของรถยนต์”
เพื่อความรวดเร็วในการดำเนินการซื้อประกันรถยนต์แทนเจ้าของรถ แนะนำให้เตรียมเอกสารไปให้พร้อม สำหรับเอกสารที่จำเป็นต้องใช้มีหลัก ๆ 3 อย่าง ดังนี้
- สำเนาใบขับขี่ (เจ้าของรถหรือบุคคลที่เจ้าของรถยินยอมให้ใช้รถได้)
- สำเนาบัตรประชาชน (เจ้าของรถ)
- สำเนาทะเบียนรถ (ชื่อเดียวกับเจ้าของรถ)
การเคลมประกันรถยนต์ กรณีคนขับไม่ใช่เจ้าของรถยนต์
สำหรับการเคลมประกันภัยรถยนต์ กรณีคนขับไม่ใช่เจ้าของรถยนต์ สามารถทำได้ตามปกติ เช่น การซื้อประกันรถยนต์ โดยแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
1. กรณีเป็นฝ่ายถูก
กรณีที่เป็นฝ่ายถูกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะในเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะบริษัทประกันจะเป็นฝ่ายเรียกร้องจากคู่กรณีให้เอา ไม่ว่ากรมธรรม์จะเป็นแบบระบุชื่อผู้ขับขี่หรือไม่ก็ตาม
2. กรณีเป็นฝ่ายผิด
กรณีนี้สามารถเคลมประกันรถยนต์ได้ตามปกติ แต่ถ้าหากพบว่ามีการทำผิดเงื่อนไขกรมธรรม์ จำเป็นจะต้องจ่ายให้กับบริษัทประกัน เพื่อนำไป “ร่วมรับผิดชอบค่าเสียหาย” ให้กับคู่กรณีเบื้องต้น โดยมีสัดส่วนไม่เกิน 8,000 บาท โดยแบ่งค่าใช้จ่ายแยกย่อยได้ดังนี้
- ความรับผิดชอบต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก จำนวน 2,000 บาท
- ความเสียหายต่อรถยนต์ที่เกิดจากการชนหรือคว่ำ จำนวน 6,000 บาท
“รถใหม่” ควรเลือกประกันรถยนต์ประเภทไหนดี ?
ในกรณีที่รถของคุณเป็นรถใหม่ป้ายแดง รวมถึงคุณก็เป็นมือใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ แต่ต้องใช้รถอยู่ตลอดในการทำงานเดินทางไปไหนมาไหน มองหาประกันภัยที่ตอบโจทย์คงจะเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 เนื่องจากให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด เมื่อเทียบกับประเภทอื่น ๆ หมายความว่าคุณจะได้รับความคุ้มครองความสูญหาย และความเสียหายต่อรถยนต์จากอุบัติเหตุ “ทุกกรณี”
กรณีที่ไม่ใช่รถใหม่ป้ายแดง แต่เป็นรถที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี ก็สามารถเลือกทำประกันภัยประเภทนี้ได้ เนื่องจากเป็นรถที่บริษัทฯ มองว่ามีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะ “โอกาสหาย” ที่มากกว่ารถเก่า นอกจากนี้ยังรวมถึง “พฤติกรรมการใช้งาน” ด้วย หากงานที่คุณต้องทำ มีความจำเป็นต้องใช้งานอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไกลหรือบรรทุกของ ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นก็เพิ่มตามไปด้วย การเลือกซื้อประกันประเภทนี้จึงถือว่าตอบโจทย์มากที่สุด
สรุปได้ว่าบริษัทที่ทำงานของคุณสามารถทำประกัน และเคลมประกันได้ตามปกติ ไม่มีเรื่องใด ๆ ให้ต้องกังวลแม้แต่นิดเดียว แต่ทั้งนี้ไม่ว่าใครจะเป็นคนจ่ายค่าเบี้ยประกันรถยนต์ คนขับขี่ หรือใด ๆ ก็ตาม ควรให้ความสำคัญในเรื่อง “ความปลอดภัย” ให้มาก ๆ เนื่องจากอุบัติเหตุสามารถเกิดได้ทุกวินาที หากยังไม่รู้ว่าจะซื้อประกันรถยนต์กับที่ไหน สามารถเข้ามาเปรียบเทียบประกันรถยนต์ออนไลน์กับ MrKumka ก่อนได้ เราพร้อมมอบกรมธรรม์ดีที่สุดให้คุณเสมอ คลิกเลย