จ่ายค่าประกันไปหมดแล้ว แต่อยากเปลี่ยนประกันรถยนต์ ขอเงินคืนได้ไหม ?

แชร์ต่อ
จ่ายค่าประกันไปหมดแล้ว แต่อยากเปลี่ยนประกันรถยนต์ ขอเงินคืนได้ไหม ? | มิสเตอร์ คุ้มค่า

กรมธรรม์ไม่ถูกใจ ความคุ้มครองไม่ตอบโจทย์ แต่จ่ายค่าเบี้ยแบบทั้งปีไปแล้ว เปลี่ยนประกันรถยนต์จะคุ้มเสียไหม บริษัทจะคืนเบี้ยประกันให้หรือเปล่า หนึ่งในประเด็นที่คนตัดสินใจผิดพลาดเป็นกังวลและค้างคาใจมากที่สุด แต่ไม่รู้จะไปหาคำตอบเรื่องนี้จากที่ไหน มิสเตอร์ คุ้มค่า ลิสต์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาให้แล้ว ตามไปดูกันหน่อยดีกว่า

เหตุผลที่เปลี่ยนประกันรถยนต์ก่อนครบปี มีอะไรบ้าง ?

เหตุผลที่เปลี่ยนประกันรถยนต์ก่อนครบปี มีอะไรบ้าง ? | มิสเตอร์ คุ้มค่า

เวนคืนกรมธรรม์หรือคืนเบี้ยประกัน คือ การยกเลิกสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทประกัน ซึ่งเป็นการขอยกเลิกกรมธรรม์ฉบับเดิม เพื่อขอเบี้ยประกันประกันที่ชำระไปก่อนหน้าคืน ซึ่งกรมธรรม์แต่ละฉบับจะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป และค่าเบี้ยประกันที่ขอคืนได้ ก็จะได้แค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น

แล้วคุณเคยสงสัยไหม ว่าเหตุผลอะไรทำไมหลาย ๆ คนถึงเลือกเปลี่ยนประกันรถยนต์ ทั้ง ๆ ที่บางคนก็จ่ายประกันรถยนต์แบบครบปีไปแล้ว หากยังมองภาพไม่ออก เราได้รวบรวมเหตุผลหลัก ๆ มาให้แล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • 1. เปลี่ยนรถ

    กรณีที่เปลี่ยนรถคันใหม่ ขายรถคันเดิม สามารถเวนคืนกรมธรรม์เพื่อขอคืนเบี้ยประกันได้ หรือจะโอนชื่อผู้เอาประกันให้กับเจ้าของคนใหม่ก็ได้เช่นกัน เพื่อให้ความคุ้มครองประกันรถยนต์เดิม คุ้มครองเจ้าของคนใหม่ไปเลยจนหมดปี

  • 2. เบี้ยประกันแพง

    หลาย ๆ คนพลาดท่า ตัดสินใจผิดพลาดเพราะไม่ยอมเช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ให้ถี่ถ้วน เพราะมองว่า “ของแพงคือของดี” ไม่ต้องเทียบอะไรมากมาย จนในท้ายที่สุดกลับไม่ได้ดีอย่างที่คิด แถมยังต้องควักจ่ายค่าเบี้ยสูงจนเกินความจำเป็น ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้หลายคนเลือกที่จะเปลี่ยนประกันรถยนต์ก่อนครบปีด้วยเช่นกัน

  • 3. ไม่พอใจบริการของบริษัทประกันที่ทำอยู่

    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการบริการของบริษัทประกัน เป็นหนึ่งใน “เหตุผลหลัก” ที่ทำให้หลาย ๆ คนตัดสินใจที่จะทำประกันต่อหรือเปลี่ยนประกันรถยนต์หนีไปเลย หากเจอการบริการที่แย่ ชวนให้มีอารมณ์หงุดหงิดอยู่ตลอด อาจทำให้ผู้เอาประกันมองหาบริษัทประกันใหม่ เพื่อทำการเปลี่ยนประกันรถยนต์ก่อนครบปีได้นั่นเอง

เปลี่ยนประกันรถยนต์ก่อนครบปีได้ไหม ผิดหรือเปล่า ?

ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจเปลี่ยนประกันรถยนต์ด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม แม้จะเป็นการเปลี่ยนกลางคันก่อนครบปี “เป็นสิทธิ์ที่ทุกคนทำได้” ต่อให้ได้รับความคุ้มครองรอบใหม่แล้วก็ยังเปลี่ยนได้อยู่ แต่ทางที่ดีควรเปลี่ยนก่อนครบรอบจะดีกว่า เพื่อเลี่ยงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สรุปง่าย ๆ ว่าสามารถขอเปลี่ยนประกันกลางคันได้ตลอดเวลา ไม่ผิด แต่มีข้อควรรู้ที่ต้องรู้กันสักหน่อย ดังนี้

  • 1. เสียความคุ้มครอง

    ทันทีที่ตัดสินใจขอเบี้ยประกันคืนเพื่อเปลี่ยนประกันรถยนต์ใหม่ ความคุ้มครองจากกรมธรรม์เดิมจะถูกยกเลิกทันที ดังนั้นหากไม่ได้ทำแผนประกันใหม่มารองรับ หรือประกันใหม่ยังไม่คุ้มครอง หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะไม่มีผู้ช่วยเหลือด้านความเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น

  • 2. เสียส่วนลดประวัติดี

    ปกติแล้วบริษัทประกันต่าง ๆ จะมีส่วนลดค่าเบี้ยประวัติการขับขี่ที่ดีบันทึกเอาไว้ ยิ่งประวัติดีเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ส่วนลดมากขึ้น หากเปลี่ยนไปทำกับบริษัทประกันใหม่ก็ต้องเริ่มบันทึกกันใหม่ เว้นแต่จะเปลี่ยนแค่แผนความคุ้มครอง (ไม่เปลี่ยนบริษัท) แบบนี้ก็ใช้ประวัติเดิมได้เลย

  • 3. ไม่ได้เงินคืนเต็มจำนวน

    กรณีที่แจ้งเปลี่ยนประกันรถยนต์หลังจากกรมธรรม์เริ่มคุ้มครองไปแล้ว จะต้องทำเรื่องขอเบี้ยประกันคืน โดยบริษัทจะหักเงินค่ายกเลิกกรมธรรม์และเงินอีกส่วนมาให้ แน่นอนว่าไม่มีทางได้คืนเบี้ยประกันรถยนต์เต็มจำนวน

ก่อนขอเบี้ยประกันภัยคืน ต้องเช็คอะไรบ้าง ?

ถ้าตัดสินใจดีแล้วว่าต้องการจะเปลี่ยนประกันรถยนต์ ก่อนอื่นอยากให้ลองเช็ค 2 สิ่งนี้ให้ดี ๆ ก่อน เพื่อไม่ให้เสียสิทธิประโยชน์แบบไม่ทันตั้งตัว

  • 1. มีการเคลมประกันไปแล้วหรือยัง ?

    สิ่งแรกที่ต้องเช็ค คือ หลังจากที่ทำประกันรถยนต์ไปแล้ว มีการเคลมประกันเกิดขึ้นแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่มี สามารถยื่นเรื่องขอเปลี่ยนประกันรถยนต์ได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ถ้ามีการแจ้งเคลมไปแล้ว อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แนะนำให้สอบถามทางบริษัทให้เรียบร้อยก่อน เพื่อที่จะได้นำมาคำนวณว่าคุ้มค่าที่จะเปลี่ยนไหม หรือควรรอให้ประกันครบกำหนดก่อนดีกว่า

  • 2. ประกันรถใหม่เริ่มคุ้มครองเมื่อไหร่ ?

    หลังจากที่ทำเรื่องขอเวนคืนกรมธรรม์เรียบร้อยแล้ว บอกไว้ก่อนเลยว่า “รถยนต์ของคุณจะสูญเสียความคุ้มครองทันที” โดยเฉพาะเมื่อประกันรถยนต์ใหม่ไม่ได้ให้ความคุ้มครองต่อเนื่องจากอันเดิม หากเกิดอุบัติเหตุในระหว่างนี้ คุณจะต้องจ่ายค่าเสียหายเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล หรือแม้กระทั่งค่าประกันตัวผู้ขับขี่

ดังนั้นก่อนตัดสินใจเปลี่ยนประกันรถยนต์ ควรเช็คให้ดีก่อนว่าประกันใหม่ให้ความคุ้มครองวันไหน ถ้าในช่วงที่ยังไม่ได้รับความคุ้มครอง แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้งานรถยนต์ไปก่อนจะดีที่สุด

ขั้นตอนการเปลี่ยนประกันรถยนต์กลางคัน มีอะไรบ้าง ?

ในส่วนของการเปลี่ยนประกันรถยนต์หรือการเวนคืนกรมธรรม์กลางคัน มีขั้นตอนไม่ยุ่งยากหรือซับซ้อน เพียงทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. ศึกษาเงื่อนไขของกรมธรรม์ให้เรียบร้อย

    ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจขอเบี้ยประกันคืนด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม สิ่งที่ควรทำเป็นอย่างแรก คือ ศึกษาเงื่อนไขของกรมธรรม์ให้ดี ว่าถ้าต้องการเปลี่ยนกลางคันจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มไหม ต้องแจ้งล่วงหน้าเป็นเวลากี่วัน หากไม่มั่นใจแนะนำให้โทรสอบถามจนกว่าจะเคลียร์

  2. แจ้งยกเลิกกับบริษัทประกันภัย

    เมื่อศึกษาเงื่อนไขต่าง ๆ ดีแล้ว ให้ติดต่อบริษัทประกันเพื่อแจ้งยกเลิก/เวนคืนกรมธรรม์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัยจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบ ซึ่งคุณจะต้องจัดส่งเอกสาร หรือทำการยกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรตามที่บริษัทกำหนด

  3. จัดส่งเอกสารยกเลิก

    สำหรับเอกสารที่ใช้ยกเลิกประกันภัยรถยนต์กลางคัน อาจประกอบไปด้วย

    • แบบฟอร์มของใช้สิทธิ์เวนคืนกรมธรรม์ พร้อมเซ็นกำกับว่า “ต้องการขอยกเลิกกรมธรรม์หมายเลข… โดยให้สิ้นสุดความคุ้มครองตามวันที่ที่ระบุไว้”
    • กรมธรรม์ตัวจริง
    • สำเนาบัตรประชาชนของผู้เวนคืน
    • สำเนาสมุดบัญชีธนาคารสำหรับให้บริษัททำเรื่องคืนเบี้ยประกันรถยนต์
  4. ตรวจสอบการคำนวณเงินคืน

    หลังจากที่บริษัทประกันได้รับเอกสารครบถ้วน ถูกต้อง จะทำการคำนวณจำนวนเงินคืนเบี้ยประกันที่คุณจะได้รับ โดยคำนวณจากจำนวนวันหรือเดือนที่ยังเหลืออยู่ในกรมธรรม์ และอาจมีการหักค่าธรรมเนียมตามที่ระบุไว้ในเงื่อนไข แล้วทำการคืนเบี้ยประกันรถยนต์ให้ทางเลขบัญชีธนาคารที่ระบุไว้ ซึ่งทางบริษัทจะใช้ระยะเวลาประมาณ 7-14 วันทำการ

ยกเลิกกรมธรรม์กลางคัน บริษัทคืนเบี้ยประกันรถยนต์เท่าไหร่ ?

ย้ำอีกครั้งว่าการเปลี่ยนประกันรถยนต์ก่อนครบปี หรือการยกเลิกกรมธรรม์กลางคัน แม้จะจ่ายประกันรถยนต์แบบทั้งปีไปแล้ว ผู้เอาประกันสามารถขอคืนเบี้ยประกันรถยนต์ได้ แต่จะได้คืนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระยะเวลาความคุ้มครองที่ผ่านมาก่อนหน้าด้วย ทั้งนี้ระยะเวลาการคืนเบี้ยประกันจากการเวนคืนกรมธรรม์ จะใช้เวลา ‘อย่างน้อย’ 1-2 เดือน ขึ้นอยู่กับขั้นตอนของแต่ละบริษัทประกันเป็นหลัก

ทั้งนี้ การยกเลิกประกันภัยรถยนต์ พร้อมเบี้ยประกันคืน ผู้เอาประกันสามารถทำได้เองทันที โดยการคืนเบี้ยประกันจะเป็นไปตามอัตราส่วนการคืนเบี้ยประกันภัย ที่ระบุอยู่ในสัญญาแนบท้ายของทุกกรมธรรม์ ซึ่งจะคำนวณจากวันสิ้นสุดประกันภัย หรือวันที่บริษัทฯ ได้รับเอกสารแจ้งยกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษร และวันที่ประกันคงเหลือความคุ้มครองอยู่ พูดง่าย ๆ ว่าจะมีการหักค่าความคุ้มครองตามจำนวนวันประกันภัยที่ผ่านมา รวมถึงค่าธรรมเนียมดำเนินการบางส่วน

ตัวอย่างการคำนวณ

กรณีที่คุณจ่ายประกันรถยนต์ 25,000 บาท และจ่ายไปแล้วแบบครบปี แต่มีเหตุผลที่ต้องยกเลิกเนื่องจากขายรถ ไม่พอใจบริการ หรืออื่น ๆ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กรมธรรม์ให้ความคุ้มครองไปแล้วเป็นเวลา 6 เดือน หรือ 180 วัน จนถึงวันที่ยกเลิกกรมธรรม์ หมายความว่าผู้เอาประกันจะได้คืนเบี้ยประกัน 30% ดังนี้

  • คุ้มครองไปแล้ว 180 วัน ได้คืนเบี้ยประกันรถยนต์ 30% (ตามตารางอัตราคืนเบี้ยประกัน)
  • ค่าเบี้ยประกัน 25,000 บาท
  • จะได้รับเงินคืนเท่ากับ 30% x 25,000 = 7,500 บาท
*หมายเหตุ: เงื่อนไขและมูลค่าการเวนคืนกรมธรรม์ของแต่ละบริษัทอาจต่างกัน แนะนำให้ศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ ก่อนดำเนินการยกเลิกหรือเปลี่ยนประกันรถยนต์

ขอย้ำอีกครั้งว่าผู้เอาประกันทุกคนสามารถแจ้งยกเลิก เพื่อเปลี่ยนประกันรถยนต์ก่อนครบปีได้ตลอดเวลา แม้ว่าจะจ่ายประกันรถยนต์แบบครบปี หรือประกันจะให้ความคุ้มครองไปแล้วก็ตาม เพียงแต่จะต้องศึกษาเงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ให้ดีก่อน รวมถึงเปรียบเทียบเบี้ยประกันรถยนต์ให้ถี่ถ้วน ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนแผนหรือเปลี่ยนบริษัทใหม่ เพื่อความคุ้มครองที่ตอบโจทย์จริง ๆ สักที

คำจำกัดความ
​​กรมธรรม์ ​เป็นเอกสารระหว่างบริษัทประกันภัยหรือผู้ให้บริการประกันภัย ที่มีให้กับบุคคลหรือธุรกิจ
​เบี้ยประกัน ​เงินที่ผู้ทำประกันจะต้องจ่ายให้แก่บริษัทประกัน เพื่อได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์
​กลางคัน ​ที่เกิดขึ้นทันทีในระหว่างเหตุการณ์ หรือเหตุการณ์นั้นยังไม่จบ​

เปรียบเทียบราคา หรือ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

บทความที่น่าสนใจ

เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่