เคลมแห้งคืออะไร แจ้งเคลมข้ามปีได้ไหม มิสเตอร์ คุ้มค่า มีคำตอบ

แชร์ต่อ
เคลมแห้งคืออะไร แจ้งเคลมข้ามปีได้ไหม มิสเตอร์ คุ้มค่า มีคำตอบ

เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยเฉพาะการเฉี่ยวชน ไม่มีคู่กรณี ฯลฯ หลายคนมักเลือก “ เคลมแห้ง ” เพราะมองว่าสะดวกกว่า แต่ถ้าหากแจ้งเคลมก่อนหมดประกันแบบเฉียดฉิว หรือยังไม่มีเวลานำรถไปดำเนินการเคลมแห้งจนประกันหมดอายุ แบบนี้จะทำยังไง เคลมได้อยู่ไหม มิสเตอร์ คุ้มค่า ลิสต์รายละเอียดที่น่าสนใจมาให้แล้ว ไปทำความเข้าใจกันหน่อยดีกว่า

รู้จักก่อน เคลมแห้งคืออะไร ?

ทำความเข้าใจกันก่อนว่า เคลมแห้ง คือ การเคลมค่าใช้จ่ายจาบริษัทประกันแบบไม่มีคู่กรณี ซึ่งเป็นการเคลมที่ไม่จำเป็นต้องผ่านเจ้าหน้าที่ประกัน พูดง่าย ๆ ว่าเป็นการเคลมหลังจากเกิดอุบัติเหตุไปสักพักแล้ว ส่วนใหญ่มักพบเจอการเคลมแห้งเมื่อเกิดความเสียหายเล็ก ๆ น้อย ๆ ผู้เอาประกันสามารถส่งเคลมที่อู่ในเครือได้เลย ที่สำคัญ “เคลมแห้งยังเคลมได้ทุกเวลา ตราบใดที่กรมธรรม์ยังมีผลบังคับใช้อยู่”

แล้ว เคลมสด เคลมแห้ง ต่างกันยังไง ?

ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจ “เคลมสด” เพิ่มเติมกันหน่อย ความหมายก็ตรงตามชื่อเรียกเลย คือ เคลมแบบสด ๆ ร้อน ๆ แจ้งบริษัทประกันทันที เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ ตอนที่คู่กรณียังอยู่ในเหตุการณ์หรือจุดเกิดเหตุด้วยกัน ผู้เอาประกันสามารถแจ้งเคลมสดกับเจ้าหน้าที่ประกันได้เลย

โดยทางเจ้าหน้าที่สำรวจภัยจะเดินทางมายังที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมกับออกใบเคลมประกันให้ จากนั้นจะนำรถเข้าไปซ่อมตอนไหนก็ได้ สามารถเลือกซ่อมกับอู่ในเครือหรือศูนย์ใกล้บ้านตามรายละเอียดในกรมธรรม์ได้เลย

ขั้นตอนการเคลมแห้งมีอะไรบ้าง ?

สำหรับขั้นตอนการแจ้งเคลมแห้งไม่ยุ่งยาก หรือเสียเวลาอย่างที่คิด เพียงโทรแจ้ง Call Center ของบริษัทประกันที่ทำอยู่ก่อนนำรถเข้าไปซ่อม โดยจะต้องแจ้งวัน เวลา สถานที่เกิดเหตุ และสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุกับเจ้าหน้าที่ พร้อมกับระบุวันที่จะนำรถเข้าไปเคลมแห้งที่อู่หรือศูนย์ซ่อม (แนะนำให้หาอู่ที่สะดวกใกล้บ้านก่อนเป็นอันดับแรก) จากนั้นก็สามารถนำรถเข้าซ่อมตามวัน และเวลาที่ระบุได้เลย

เคลมสด เคลมแห้ง เลือกแบบไหนดีกว่า ?

หลังจากที่ได้รู้แล้วว่าเคลมสด เคลมแห้ง คืออะไร อีกหนึ่งคำถามที่หลายคนคาใจ คงหนีไม่พ้น​ “เลือกแบบไหนดีกว่า เร็วกว่า” หากเป็นกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหนัก ๆ รถไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ แนะนำให้เคลมทันหรือ “เคลมสด” แบบนี้จะเร็วกว่า แถมได้รับความคุ้มครองทันที

แต่ถ้าเป็นอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย มีร่องรอยความเสียหายหรือรอยขีดข่วนนิดหน่อย รวมถึงรถชนไม่มีคู่กรณี รถยังสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ การเคลมแห้งถือว่าตอบโจทย์กว่า เนื่องจากผู้เอาประกันสามารถสะสมรอยแผล แล้วแจ้งเคลมแห้งรอบคันทีหลังได้

สำหรับคำตอบที่ว่า “แบบไหนเร็วกว่า” แน่นอนว่าเคลมสดเร็วกว่า แต่แนะนำว่าควร เปรียบเทียบประกันรถยนต์ชั้นต่าง ๆ ให้ดี ว่าประกันชั้นนี้เคลมแบบใดได้บ้าง เช่น ประกันชั้น 3 เคลมแห้งไม่ได้ เพราะประกันคุ้มครองรถคู่กรณี แต่ไม่ได้ให้ความคุ้มครองรถเรา เป็นต้น

หลังเกิดอุบัติเหตุ ประกันชั้น 1 เคลมแห้งย้อนหลังได้กี่วัน ?

กรณีที่เกิดอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ บนท้องถนน และเลือกการเคลมแห้ง หลายคนอาจเกิดความสงสัยว่าในกรณีที่ไม่มีเวลาเลยจริง ๆ สามารถเคลมประกันแห้งย้อนหลังได้กี่วัน หากสามารถคุยกับกรณีได้ และมีการเก็บบันทึกข้อมูลทั้งหมดไว้ครบถ้วนดีแล้ว ส่วนใหญ่จะแจ้งประกันสำหรับเคลมแห้ง ‘ภายใน 2-4 วัน’ แนะนำว่าไม่ควรช้าไปกว่านี้

เพราะช้าหากปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีการแจ้งเคลมแห้ง แล้วเกิดมีความเสียหายเพิ่มขึ้นระหว่างนี้ ประกันชั้น 1 เคลมแห้งจะไม่คุ้มครองร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากอุบัติเหตุนั้น ๆ แน่นอนว่าผู้เอาประกันจะต้องควักจ่ายเพิ่มเติมเอง หรืออาจต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก

ค่าเสียหายส่วนแรก คืออะไร ?

สำหรับ “ค่าเสียหายส่วนแรก” คือ จำนวนเงินที่ผู้เอาประกันจำเป็นต้องจ่าย กรณีเคลมแห้ง แบบไม่มีคู่กรณี หรือเป็นฝ่ายผิด โดยเงินจำนวนนี้จะถูกหักออกจากค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทประกันจ่ายให้ ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้บริษัทประกันสามารถลดความเสี่ยง และควบคุมค่าใช้จ่ายในการจัดการเคลมขนาดเล็กได้

ค่าเสียหายส่วนแรกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้

  1. ค่าเสียหายส่วนแรกแบบ Excess

    เป็นจำนวนเงินที่ผู้เอาประกันต้องจ่ายเมื่อเกิดความเสียหาย และต้องเคลมประกันชั้น 1 เคลมแห้ง หรือประกันที่คุ้มครองเต็มจำนวน แต่ไม่มีคู่กรณี เช่น รถเกิดรอยขีดข่วน ชนเสาไฟฟ้า หรือต้นไม้ล้มทับ ฯลฯ ตามปกติแล้วค่า Excess จะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท

  2. ค่าเสียหายส่วนแรกแบบ Deductible

    จำนวนเงินที่ผู้เอาประกันตกลงจะรับผิดชอบเองในกรณีที่เกิดความเสียหาย และต้องเคลมประกัน โดยจำนวนนี้จะถูกระบุไว้อย่างชัดเจนในกรมธรรม์ มักมีมูลค่าตั้งแต่ 1,000-5,000 บาท ข้อดีของการเลือกค่า Deductible ที่สูงขึ้น คือ ช่วยลดค่าเบี้ยประกันลงได้

ประกันรถยนต์หมด แต่ยังมีใบเคลม ยังส่งซ่อมได้อยู่ไหม ?

ประกันรถยนต์หมด แต่ยังมีใบเคลม ยังส่งซ่อมได้อยู่ไหม ? | มิสเตอร์ คุ้มค่า

ในกรณีที่มีใบเคลมอยู่ในมือ แต่ทว่าประกันเดิมดันหมดอายุไปแล้ว แบบนี้ยังสามารถส่งซ่อมได้อยู่ไหม ? คำตอบคือ “ได้แน่นอน” ไม่ว่าจะประกันหมดอายุ แล้วไม่ได้ต่อประกันกับบริษัทอื่น หรือต่อกับที่เดิม หากยังมีใบเคลมอยู่ก็ยังสามารถส่งซ่อมได้ตามปกติ

อีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนกังวล คือ หากมีใบเคลมของบริษัทเก่า เมื่อทำกับบริษัทใหม่แล้วยังเคลมได้อยู่ไหม คำตอบคือยังเคลมได้เหมือนเดิม แต่ทางที่ดีแนะนำให้เลือกเคลมประกันให้เร็วที่สุด เพื่อให้เกิดความสบายใจมากกว่า แถมยังซ่อมแซมรถยนต์ของคุณให้กลับมาดูดีได้ไวอีกด้วย

ใบเคลมรถยนต์ มีอายุกี่ปี ?

ตามปกติแล้วใบเคลมประกันจะมีอายุนานถึง 2 ปี นับตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ หมายความว่าในระหว่างนี้ (ที่แจ้งเคลมแห้งไปแล้ว) จะนำรถไปส่งซ่อม/เคลมเมื่อไหร่ก็ได้ ขอเพียงแค่อยู่ในเงื่อนไขของกรมธรรม์ และตามระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ ทั้งนี้แนะนำให้รีบดำเนินการแจ้งซ่อมภายใน 15 วันจะดีที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ใบเคลมสูญหาย รวมถึงปัญหาอื่น ๆ ที่อาจตามมา

แต่ในกรณีที่เผลอหรือพลาดทำใบเคลมหายหลังจากได้รับมาไม่กี่วัน ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเคลมไม่ได้ สิทธิ์ตรงนั้นจะหายไปพร้อมกับใบเคลมแต่อย่างใด ซึ่งเราก็ได้รวบรวมขั้นตอนเมื่อใบเคลมหายมาให้เรียบร้อยแล้ว จะต้องทำยังไงบ้าง ตามไปดูในหัวข้อถัดไปกันได้เลย

ทำใบเคลมประกันหายทำยังไงดี ?

หลังจากที่ได้รับใบเคลมมาเรียบร้อยแล้ว แต่ปรากฏว่าทำใบเคลมหายก่อนนำรถส่งซ่อม เพียงทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ได้เลย

  • 1. ติดต่อบริษัทประกันทันที

    ทันทีที่รู้ว่าตัวใบเคลมประกันรถยนต์หาย ให้ติดต่อบริษัทประกันทันทีเพื่อแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน ทั้งจุดที่เสียหาย วันที่เกิดเหตุ ลักษณะการเคลมให้ชัดเจนและตรงตามความจริง เพื่อให้ทางประกันสามารถค้นหาหมายเลขเคลมได้ถูกต้อง

  • 2. แจ้งความเอกสารหายกับตำรวจ

    เมื่อติดต่อบริษัทประกันแล้ว ให้เดินทางไปแจ้งความเอกสารหายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอลงบันทึกประจำวัน โดยอธิบายเหตุผลให้ชัดเจน เช่น หมายเลขเคลม เลขทะเบียนรถ รุ่นและยี่ห้อรถ เพื่อนำไปเป็นหลักฐานในการขอสำเนาใบเคลมกับทางบริษัทประกันต่อไป

  • 3. นำใบแจ้งความไปยื่นกับบริษัทประกัน

    หลังจากที่ได้ใบแจ้งความมาแล้ว ให้นำไปยื่นกับบริษัทประกันภัยเพื่อขอเอกสารใบเคลมประกันรถ และเป็นการยืนยันว่าคุณเป็นผู้ได้รับความเสียหาย พร้อมกับนำสำเนาใบเคลมไปยื่นให้กับศูนย์ซ่อมหรืออู่ในเครือได้เลย

เชื่อว่าหลายคนคงเข้าใจดีแล้วว่าเคลมสด เคลมแห้ง คืออะไร เลือกแบบไหนตอบโจทย์และรวดเร็วได้มากกว่า ในกรณีที่มองว่าการเคลมแห้งสะดวกมากกว่า แนะนำให้ศึกษารายละเอียดในกรมธรรม์ของประกันแต่ละชั้นให้ดีก่อน เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นตามมา เนื่องจากประกันบางชั้นไม่สามารถเลือกการแจ้งเคลมแห้งได้นั่นเอง

คำจำกัดความ
​​เฉียดฉิว ​กระชั้นชิด, หวุดหวิดมาก, จวนเจียนมาก
​มีผลบังคับ ​ความใช้ได้, ความมีเหตุผล, ความสมบูรณ์, การมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย
​อู่ในเครือประกัน ​อู่ที่มีการรับรองมาตรฐานโดยบริษัทประกันที่เราทำสัญญาเอาไว้​

เปรียบเทียบราคา หรือ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

บทความที่น่าสนใจ

เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่