รถเป็นรอยขูด เคลมประกันได้ไหม ? มีเงื่อนไขอะไรที่ต้องรู้บ้าง ?

สาเหตุที่ทำให้รถยนต์คู่ใจมีรอยขีดข่วน มีอะไรบ้าง ?

สำหรับ “สาเหตุ” ที่ทำให้รถยนต์คู่ใจมีรอยขีดข่วน ไม่ใช่แค่สาเหตุที่เกิดจากรถเฉี่ยวชนเท่านั้น แต่มีโอกาสเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้อีกเพียบ แต่จะมีอะไรบ้าง ? ตามไปดูกันเลย

• 1. รถเป็นรอยจากหินหรือกรวดที่กระเด็นใส่รถ

  ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เกิดขึ้นได้เสมอและเกิดขึ้นได้แทบทุกวัน โดยเฉพาะคนที่ต้องขับรถตามรถบรรทุกหรือรถพ่วงขนาดใหญ่เป็นประจำ มีโอกาสสูงมาก ๆ ที่หินก้อนเล็ก ๆ จะปลิวตามแรงลมและมาขูดกับรถยนต์ของคุณได้

• 2. รถเป็นรอยจากการเฉี่ยวชนกับรถหรือสิ่งปลูกสร้าง

  อีกหนึ่งสาเหตุที่เกิดได้บ่อยมาก ๆ โดยเฉพาะคนที่ต้องขับรถในซอยแคบ ๆ เป็นประจำ รวมถึงคนที่ต้องขับรถชนขึ้นลานจอดรถในห้างสรรพสินค้าหรืออาคารต่าง ๆ ก็มักมีโอกาสเกิดการเฉี่ยวรถบุบชนได้ง่าย

• 3. รถเป็นรอยจากกิ่งไม้

  ถือเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยากมาก ๆ สำหรับรถเป็นรอยขีดข่วนจากกิ่งไม้ ไม่ว่าจะเป็นการจอดรถกลางแจ้งในหน้าฝน หรือจอดหลบแดดใต้ต้นไม้เพื่ออาศัยร่มเงา แม้จะเป็นกิ่งไม้เล็ก ๆ ไม่ใช่กิ่งใหญ่ที่หักโค่นลงมา ก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับรถยนต์ จนทำให้เจ้าของรถอย่างเรา ๆ สะเทือนใจไปอีกนาน

นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากคนที่ไม่หวังดี เนื่องจากคุณอาจจอดรถผิดที่ผิดทาง หรือคนเหล่านั้นมือบอน คิดเอาสนุกเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของคนอื่น แน่นอนหลายคนคงเกิดความสงสัยไม่น้อย ว่าสาเหตุต่าง ๆ ต่อไปนี้สามารถเคลมประกันได้หรือไม่ เพราะไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุหนัก ๆ อย่างรถชน รถบุบ ถ้าอย่างนั้นตามไปดูในหัวข้อถัดไปกันได้เลย!

ไขข้อสงสัย รถมีรอยขีดข่วนค่อนข้างลึก เคลมประกันได้ไหม ?

ส่วนใหญ่ร่องรอยขีดข่วนมักเป็นการเคลมประกันรถยนต์ ไม่มีคู่กรณี แม้จะเป็นสาเหตุจากผู้ไม่หวังดีก็จับตัวคนผิดมารับผิดชอบได้ยาก แล้วแบบนี้เคลมประกันได้ไหม คำตอบคือ “หากทำประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 เอาไว้ สามารถแจ้งเคลมได้” เนื่องจากประกันประเภทนี้คุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี โดยผู้เอาประกันสามารถแจ้งขอเคลมประกันเพื่อทำสีรถใหม่ได้

ทั้งนี้ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก เนื่องจากไม่สามารถหาคู่กรณีมารับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ โดยส่วนใหญ่ค่าเสียหายส่วนแรกจะอยู่ที่ 1,000-3,000 บาท ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์

รถมีรอยขีดข่วนแจ้งเคลมประกันแบบแห้งหรือแบบสดดีกว่ากัน ?

หากถามว่ารถมีรอยขีดข่วนแบบนี้ควรเคลมแห้งหรือเคลมสดมากกว่า จริง ๆ แล้วขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้เอาประกัน “เป็นสำคัญ” เนื่องจากสามารถเลือกได้ว่าอยากเคลมประกันแบบไหน รวมถึงการเลือกร้านซ่อมรถด้วย ว่าจะเลือกอู่ซ่อมรถยนต์ ใกล้ฉัน อู่ในเครือ หรือซ่อมห้าง (เลือกตั้งแต่วันที่ตัดสินใจทำประกัน) ทั้งนี้การเคลมสดจะเหมาะสำหรับรถที่เป็นรอยขีดข่วน รอยขูดลึกไม่มาก เช่น รอยขนแมว รอยกิ่งไม้หักใส่รถ ที่อาจได้รับข้อยกเว้นค่าเสียหายส่วนแรก

สำหรับวิธีเคลมประกันแบบเคลมแห้ง เหมาะสำหรับรถที่เป็นรอยขูดค่อนข้างลึก และผู้เอาประกันรอจนกว่าจะมีรอยข่วนเยอะ ๆ ก่อนแล้วค่อยแจ้งทำสีใหม่ในครั้งเดียว เพื่อลด “จำนวนครั้ง” ในการเคลม เพราะยิ่งขอเคลมมากและบ่อยเท่าไหร่ ยิ่งมีผลต่อเบี้ยประกันในปีถัดไปนั่นเอง

หากยังมองภาพไม่ออกว่าการเคลมแห้งและเคลมสด มีรายละเอียดที่แตกต่างกันยังไงบ้าง มิสเตอร์ คุ้มค่า ลิสต์รายละเอียดมาให้ทำความเข้าใจเพิ่มเติม ดังนี้

ขั้นตอนการแจ้งเคลมประกัน เมื่อรถเป็นรอยยขีดข่วน

เมื่อรถยนต์คู่ใจของคุณมีรอยขีดข่วน ขอย้ำอีกครั้งว่าประกันชั้น 1 สามารถแจ้งเคลมประกันได้ เนื่องจากอยู่ในขอบเขตความคุ้มครอง โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

1. เมื่อพบว่ารถยนต์มีรอยขีดข่วน ไม่ว่าจะรอยลึกหรือรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้รีบโทรแจ้งบริษัทประกันทันที ถ้าไม่อยากควักจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก จะต้องระบุรายละเอียดต่าง ๆ ให้ชัดเจนและถูกต้อง เช่น เห็นรอยตอนไหน เวลาใด หรือโดนกรีดที่ไหน
2. เตรียมเอกสารในการแจ้งเคลมประกันให้พร้อม เช่น สำเนากรมธรรม์ บัตรประจำตัวประชาชน ใบอนุญาตขับขี่ และสำเนาทะเบียนรถ
3. เมื่อแจ้งเคลมประกันรอยขีดข่วนเรียบร้อยแล้ว บริษัทจะออก “ใบเคลม” สำหรับยื่นเพื่อเข้ารับบริการทั้งซ่อมอู่หรือซ่อมห้างตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

ซึ่งแต่ละบริษัทประกันภัย และแต่ละกรมธรรม์มีเงื่อนไขความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเงื่อนไขต่าง ๆ ล้วนส่งผลต่อ “เบี้ยประกัน” โดยตรง หากอยากได้รับความคุ้มครองแบบจัดเต็ม ครอบคลุม แต่ค่าเบี้ยยังสบายกระเป๋า แนะนำให้เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ให้ดีก่อน

รถมีรอยขีดข่วนแต่ไม่อยากเคลมประกัน ซ่อมเองได้ไหม ต้องทำยังไง ?

สำหรับคนที่ไม่อยากแจ้งเคลมเพราะไม่อยากเสียเวลา เมื่อต้องนำรถจัดซ่อมที่อู่ซ่อมรถยนต์ ใกล้ฉัน ร้านซ่อมรถ รวมถึงอยากแก้ปัญหาจากรอยต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยมีวิธีค่อนข้างหลากหลาย ดังนี้

• 1. ใช้ยาสีฟัน

  เริ่มต้นจากการล้างทำความสะอาดรถยนต์และเช็ดให้แห้ง จากนั้นบีบยาสีฟันลงบนฟองน้ำหรือผ้านุ่ม แล้วเช็ดไปที่รอยขีดข่วน พร้อมกับออกแรงขัดแบบวนรอบเบา ๆ เมื่อเสร็จแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด เหมาะสำหรับรถยนต์ที่เป็นรอยขีดข่วนในรูปแบบ “รอยขนแมว” แบบบาง ๆ สำหรับรอยลึกแต่ไม่ลึกถึงชั้นสี อาจจะจางลงบ้างแต่ไม่หายสนิท

• 2. ขัดด้วยน้ำยาขัดรถ

  เริ่มจากล้างทำความสะอาดและเช็ดรถให้แห้ง จากนั้นใช้น้ำยาขัดสีรถทาลงบนผ้า พร้อมกับเช็ดแบบวน ๆ ถ้าไม่อยากเสียเวลาสามารถใช้ “เครื่องมือขัดสี” หาซื้อได้ตามร้านเครื่องมือช่างมาช่วยก็ได้ หากรอยขีดข่วนยังไม่หายสามารถขัดวนไปเรื่อย ๆ ได้จนกว่าจะพอใจ แต่บอกไว้ก่อนเลยว่าวิธีนี้ “ไม่ได้ช่วยกรณีรอยขูดสีมากเท่าไหร่” แต่จะช่วยให้สีรถยนต์ใกล้เคียงกับสีเดิมมากที่สุด แถมประหยัดเงินได้ดีมาก ๆ

• 3. ใช้ปากกาลบรอยขีดข่วน

  วิธีนี้มีอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ 4 อย่าง คือ น้ำยาล้างรถ ผ้าเช็ดรถ ฟองน้ำล้างรถ และปากกาลบรอยขีดข่วน เริ่มจากล้างทำความสะอาดรถยนต์ โดยเฉพาะบริเวณที่มีรอยขีดข่วน เพื่อล้างพวกฝุ่นละอองต่าง ๆ ให้หมด รวมถึงต้องเช็ดให้แห้ง เพราะไม่อย่างนั้นอาจทำให้เกิดสนิมในอนาคตได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้น้ำหมึกปากกาลบรอยขีดข่วนติดแนบสนิทได้ดี เพียงเท่านี้รถยนต์ของคุณก็กลับมาสวยงามดังเดิมแล้ว