ทำไมต้องทำประกันภัย รถยนต์ คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าทุกครั้งที่คุณขับรถโดยไม่มีประกันภัย รถยนต์ หรือเพียงแค่ขับรถอย่างระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเพื่อไม่ต้องเสียเงินค่าประกัน แล้วใครกันล่ะที่จะมั่นใจรับประกันให้ได้ว่า คุณจะขับรถไปได้อย่างปลอดภัยไปตลอด
ประกัน รถยนต์ มีประโยชน์อย่างไร
เมื่อพูดถึงการประกัน รถยนต์ มันไม่ได้ประกันว่าอุบัติเหตุจะไม่เกิด แต่มันรับประกันได้ว่าเมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ คุณจะได้รับการดูแล ประกันจะช่วยให้คุณพร้อมแม้ในเวลาที่คุณไม่พร้อม บางครั้งเวลาเงินขาดมือแต่รถดันไปชนท้ายคนอื่น เวลายากลำบากแบบนี้แหละที่ประกันจะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ ถึงแม้เวลารถหายอย่างน้อยเราจะได้เงินประกันไปซื้อรถใหม่ หรือเวลาต้องซ่อมรถแบบหนัก ๆ เราก็ไม่ต้องจ่ายค่าซ่อมเอง ประกัน รถยนต์ที่ซื้อไว้จะเข้ามาช่วยรับภาระตรงนี้ให้ หมดกังวลได้ในทุกครั้งที่คุณบิดสตาร์ทขับขี่ (ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์)
ดังนั้นหน้าที่ของประกันจะเป็นเหมือนเพื่อนเวลาที่ยากลำบาก ลองนึกภาพอุบัติเหตุที่มีคนเสียชีวิต คุณจะเผชิญหน้ามันอย่างมีสติได้อย่างไร ประกันจะเข้ามาเป็นที่ปรึกษาและดูแลด้านกฎหมายแทนคุณ ช่วยให้คุณผ่านเรื่องแย่ ๆ ไปได้อย่างมีสติและไม่ยากลำบากเกินไป
ทำอย่างไรเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์
เมื่อเกิดเรื่องไม่คาดฝัน สิ่งแรกที่เราต้องการคือตั้งสติ ไม่ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจะเล็กหรือใหญ่ เราต้องมีสติ ตรวจดูความเสียหายของตัวเองและผู้โดยสาร ถ้าหากเป็นอุบัติเหตุหนักจงออกจากรถหนีให้พ้นอันตราย
จากนั้นให้โทรเรียกประกันทันที เมื่อเจ้าหน้าที่ประกันมาถึงแล้วจะดูแลคุณทุกอย่างเอง เจ้าหน้าที่จะตรวจดูเอกสาร บัตรประชาชน ทะเบียนรถ เมื่อทุกอย่างถูกต้องแล้ว เราก็ปล่อยให้เจ้าหน้าที่จัดการ เมื่อเจ้าหน้าที่เจรจาค่าเสียหายและความรับผิดชอบจากคู่กรณีได้แล้ว ถ้าหากเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จะส่งเอกสารเคลมประกันให้คุณนำรถไปซ่อมที่อู่ได้เลย
แต่ถ้าเป็นอุบัติเหตุที่มี “ความร้ายแรง” ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต มันจะต้องมีเรื่องทางกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง บริษัทประกันจะทำหน้าที่ตัวแทนทางกฎหมาย ในการต่อรองเรียกร้องค่าเสียหายหรือจ่ายค่าเสียหายในกรณีที่เป็นฝ่ายผิด
ประกันชั้น 1 ,2 และ 3
ประกัน รถยนต์แบ่งแล้วมีหลายประเภทแตกต่างกันที่การดูแลและค่าเบี้ยประกันประกันชั้น 1 จะซ่อมและจ่ายค่าเสียหายให้กับทั้งเราและคู่กรณี จึงมีค่าเบี้ยที่สูงต่อปี ประกันชั้น 2 จะจ่ายค่าเสียหายให้เฉพาะคู่กรณี แต่ยังดูแลเรื่องรถหายหรือไฟไหม้ และ ประกันชั้น 3 เป็นประกันที่ค่าเบี้ยประกันถูกที่สุด เพราะ จะดูแลแค่ค่าเสียหายให้กับคู่กรณี รวมทั้งไม่มีเรื่องประกันรถหายหรือไฟไหม้ด้วย
นอกจากนี้แล้ว ยังมีประกันแบบพิเศษที่ตอบโจทย์เรื่องความคุ้มค่าอีกด้วยซึ่งเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน นั่นคือ ประกัน 2+ และ 3+ ซึ่งประกันทั้งสองแบบจะเหมือนประกันชั้น 2 และ 3 ปกติ แต่จะเพิ่มเงื่อนไขขึ้นมา คือ ประกัน 2+ และ 3+ จะจ่ายค่าซ่อมให้รถเราด้วย แต่ในกรณีเฉพาะชนกับรถเท่านั้นนะ
ประกันทุกระดับหรือทุกประเภท ทุกบริษัทมาพร้อมกับข้อเสนอที่น่าสนใจและมีข้อดีที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามการดูแลที่แตกต่างจะขึ้นอยู่กับประเภทประกันและความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งหากคุณยังไม่แน่ใจในการเลือกประกัน รถยนต์ที่เหมาะสมกับคุณและการใช้รถ สามารถให้ MrKumka ดูแลคุณในเรื่องนี้ได้