รถชนกันเองในบ้าน เจ้าของชื่อเดียวกัน แบบนี้เคลมประกันรถยนต์ยังไง ?

แชร์ต่อ
เจ้าของรถชื่อเดียวกัน แบบนี้เคลมประกันรถยนต์ยังไง ? | MrKumka.com

ขึ้นชื่อว่า “อุบัติเหตุ” เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ก็ยากเกินควบคุม และหนึ่งในอุบัติเหตุรถชนที่ไม่คาดคิดจะเกิดอย่าง “รถชนกันเองภายในบ้าน แล้วบังเอิญว่ารถทั้งสองคันเป็นชื่อเดียวกัน” งานนี้ทำเอาเจ้าของรถกุมขมับกันเลยทีเดียว เพราะไม่รู้ว่าจะเคลมประกันได้ไหม ? หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่เป็นเจ้าของทะเบียนรถหลายคัน และกำลังหาข้อมูลในเรื่องนี้อยู่ MrKumka ลิสต์ข้อมูลต่าง ๆ มาให้เรียบร้อยแล้ว ตามไปดูกันเลย!

รถพ่อชนรถลูก บริษัทประกันภัยตรวจสอบอะไรบ้าง ?

ส่วนใหญ่อุบัติเหตุรถชนกันเอง เช่น รถพ่อชนกับรถลูก ส่วนใหญ่มักไม่ใช่อุบัติเหตุร้ายแรง และถึงแม้ว่าจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหนัก แต่แน่นอนว่าทรัพย์สิน (รถยนต์) ย่อมเกิดความเสียหายอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ทางบริษัทประกันรถยนต์จะดำเนินการตรวจสอบ ดังนี้

  • อุบัติเหตุรถชนกันเองภายในครอบครัว เจ้าของรถเป็นชื่อเดียวกันหรือไม่ ?
  • ชื่อผู้เอาประกันของทั้ง 2 กัน เป็นคนละชื่อหรือชื่อเดียวกัน ?
  • ประเภทของประกันรถยนต์ที่ซื้อไว้ เป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือชั้นไหน ?

สาเหตุที่ทางบริษัทประกันรถยนต์ต้องตรวจสอบทั้ง 3 ประเด็นข้างต้น เป็นเพราะต้องการป้องกันไม่ให้ผู้เอาประกันที่เป็นเจ้าของทะเบียนรถทั้ง 2 คัน “สร้างสถานการณ์ขึ้นมาเอง” เพื่อใช้สิทธิ์ในการเคลมประกันนั่นเอง

เคลียร์ชัด ๆ รถชนกันเองในครอบครัว เคลมประกันได้ไหม ?

รถชนกันเองในครอบครัว เคลมประกันได้ไหม ? | MrKumka.com

หลังจากบริษัทประกันรถยนต์ดำเนินการตรวจสอบแล้ว ไม่ว่าจะด้วยหลักฐานจากกล้องติดรถยนต์ หรือใด ๆ ก็ตาม ที่พิสูจน์ได้อุบัติเหตุรถชนกันเองในครอบครัวเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่การสร้างสถานการณ์เพื่อใช้สิทธิ์เคลมประกัน แบบนี้จะแยก “ความคุ้มครอง” ตามแต่ละกรณี ดังนี้

  • 1. กรณีเป็นเจ้าของป้ายทะเบียนรถเป็นชื่อเดียวกัน

    หากเกิดอุบัติเหตุรถชนกันเองภายในบ้าน แล้วปรากฏว่าทะเบียนรถเป็นชื่อเจ้าของคนเดียวกัน บริษัทประกันรถยนต์จะ “ไม่คุ้มครองรถของคู่กรณี” เนื่องจากไม่ถือเป็นบุคคลภายนอกตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ โดยสิทธิ์ความคุ้มครองที่ยังคงสามารถใช้ได้มีดังนี้

    • ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะคุ้มครองแค่รถของผู้เอาประกันเท่านั้น
    • ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และ 3+ ผู้เอาประกันต้องจ่ายค่าเสียหายเอง
  • 2. กรณีเป็นพ่อลูกกัน

    อุบัติเหตุรถพ่อชนรถลูก เช่น ถอยชนกัน เฉี่ยวชนระหว่างเข้าโรงจอดรถ ฯลฯ แล้วรถยนต์ทั้ง 2 คัน ไม่ใช่เจ้าของทะเบียนรถคนเดียวกัน (คันหนึ่งของพ่อ คันหนึ่งของลูก) บริษัทประกันรถยนต์จะไม่เคลมค่าเสียหายให้กับคู่กรณี แต่จะเคลมเฉพาะค่าเสียต่อที่เกิดขึ้นกับตัวรถยนต์เท่านั้น

    เนื่องจากความคุ้มครอง ระบุเอาไว้ว่า “จะไม่คุ้มครองทรัพย์สินที่เสียหายของพ่อ แม่ ลูกหรือคู่สมรส” ซึ่งในกรณีนี้จะคุ้มครองเหมือนกับกรณีที่เป็นเจ้าของป้ายทะเบียนรถคนเดียวทั้ง 2 คันนั่นเอง

  • 3. กรณีเป็นพี่น้องกัน

    แม้จะเป็นอุบัติเหตุรถชนกันเองในครอบครัว (รั้วเดียวกัน) ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่รถยนต์ได้รับความเสียหาย ในกรณีที่เป็นพี่น้องกันสามารถเรียกค่าเสียหายจากบริษัทประกันรถยนต์ได้ตามปกติ เนื่องจากได้รับข้อยกเว้นจากเงื่อนไขของกรมธรรม์ ที่ระบุไว้ว่า “จะไม่คุ้มครองทรัพย์สินที่เสียหายของพ่อ แม่ ลูกหรือคู่สมรส”

    ซึ่งในส่วนของค่าเสียหายที่สามารถเคลมได้จะต้องเป็น “ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริง” รวมถึงการคุ้มครองความบาดเจ็บจากสิทธิ์ใน พ.ร.บ. รถยนต์ (ประกันรถยนต์ภาคบังคับ) ด้วย

ขั้นตอนการแจ้งเคลมประกัน กรณีรถชนกันเองในครอบครัวมีอะไรบ้าง ?

ขอย้ำอีกครั้งว่าอุบัติเหตุรถชนเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แม้จะเป็นการชนกันเองในครอบครัวหรือในเครือญาติ เป็นเจ้าของทะเบียนรถคนเดียว หรือใด ๆ ก็ตาม จำเป็นจะต้องดำเนินการแจ้งเคลมประกันตามขั้นตอนให้ถูกต้อง โดยมีขั้นตอนการแจ้งเคลมประกันดังนี้

  1. แจ้งกับบริษัทประกันรถยนต์ทันทีที่เกิดเหตุรถชน ด้วยการแจ้งรายละเอียดของอุบัติเหตุให้ครบถ้วน ชัดเจน และตรงตามความเป็นจริง
  2. เดินทางไปสถานีตำรวจในพื้นที่ แจ้งเหตุการณ์สำหรับออกใบบันทึกประจำวัน เพื่อเป็นหลักฐานสำคัญในการยื่นเรื่องเคลมประกัน
  3. นำส่งเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุรถชน เช่น รูปภาพตอนเกิดเหตุ วิดีโอบันทึกจากกล้องหน้ารถ หรืออื่น ๆ (ถ้ามี) ให้กับเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันรถยนต์ เพื่อประกอบลงบันทึกประจำวันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
  4. ทางบริษัทประกันรถยนต์จะออก “ใบเคลมประกัน” ให้ จากนั้นสามารถนำรถจัดซ่อมได้ทันที โดยผู้ขับขี่จะต้องนำรถเข้าซ่อมที่ “ศูนย์บริการในเครือ” ของบริษัทประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง ?

หนึ่งในประเด็นที่หลายคนสงสัยเป็นอันดับต้น ๆ คือ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง ตอบโจทย์ และครอบคลุมมากแค่ไหน เนื่องจากเมื่อเช็คราคาเบี้ยประกันรถยนต์แล้วพบว่าราคาประกันชั้น1 สูงกว่าประกันรถยนต์ชั้นอื่น ๆ พอสมควร ซึ่งความ คุ้มครอง ประกัน ชั้น 1 แบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลัก ๆ ดังนี้

  1. คุ้มครองตัวรถยนต์คันที่เอาประกัน

    ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะคุ้มครองตัวรถและอุปกรณ์ตกแต่งที่ “ออกจากศูนย์บริการหรือศูนย์จำหน่ายรถ” หากเกิดอุบัติเหตุรถชนแบบมีคู่กรณี ชนทรัพย์สินคู่กรณีเสียหาย ทางบริษัทประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มครองทั้งหมด

    นอกจากนี้ยังรวมถึงกรณีรถคันที่เอาประกันสูญหายจากการถูกโจรกรรม น้ำท่วมขัง หรือเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ แม้จะไม่มีคู่กรณีก็ตาม ก็จะได้รับความคุ้มครองทั้งหมด

  2. คุ้มครองคนในรถ รวมถึงผู้โดยสาร

    ความคุ้มครองประกันชั้น 1 จะดูแลผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งในเรื่องค่ารักษาอาการบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ หรือรถชน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิดก็ตาม

  3. คุ้มครองคู่กรณี (หากมี)

    กรณีที่รถชนหรือเกิดอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณี หรือชนกับทรัพย์สินอื่น ๆ ที่มีเจ้าของ บริษัทประกันรถยนต์จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ไปจนถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับร่างกายของคู่กรณี หรือแม้กระทั่งชนรั้ว หรือรถที่จอดข้างทาง ก็สามารถแจ้งเคลมประกันได้ทั้งหมด

สำหรับคำถามที่ว่าประกันชั้น 1 คุ้มครองคู่กรณีเท่าไหร่ ? ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับ “ทุนประกัน” ที่คุณเลือก แนะนำให้เปรียบเทียบความคุ้มค่าก่อนตัดสินใจทำประกัน เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของตัวผู้เอาประกันเอง

ประเภททรัพย์สินบุคคลภายนอก ที่บริษัทประกันรถยนต์ไม่คุ้มครอง มีอะไรบ้าง ?

หลังจากอธิบายไปคร่าว ๆ แล้วว่าอุบัติเหตุรถชนกันเองในครอบครัว ทั้งทะเบียนรถทั้ง 2 คันเป็นชื่อเดียวกันหรือคนละชื่อก็ตาม ล้วนมีเงื่อนไขความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป และประโยคที่ว่า “ไม่คุ้มครองทรัพย์สินที่เสียหายของพ่อ แม่ ลูกหรือคู่สมรส” คงทำเอาหลาย ๆ คนงงไปตาม ๆ กัน เพราะมั่นใจว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ซื้อไปย่อมให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น

แต่ต้องบอกก่อนว่าบริษัทประกันรถยนต์มี “เงื่อนไขความคุ้มครอง” ที่ระบุไว้อย่างชัดเจน และในกรณีที่ชนกันเอง รถพ่อชนรถลูก, รถพ่อ ชนรถแม่ หรือรถลูก ชนรถแม่ ฯลฯ ถือว่าเข้าข่าย “ทรัพย์สินบุคคลภายนอกที่บริษัทประกันรถยนต์ไม่รับเคลม” เป็นเพราะอะไร และมีทรัพย์สินบุคคลภายนอกอะไรอีกบ้างที่เคลมประกันไม่ได้ ไปทำความเข้าใจเพิ่มเติมกันเลย

  • 1. ทรัพย์สินที่ผู้เอาประกัน ผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายต้องรับผิดตามกฎหมาย คู่สมรส บิดา มารดา บุตรของผู้เอาประกันหรือผู้ขับขี่นั้นเป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้เก็บรักษา ควบคุมหรือครอบครอง

    ต้องขยายความคำว่า “ผู้เอาประกันภัย” และ “ผู้ขับขี่” ให้เข้าใจตรงกันก่อน ซึ่งทั้ง 2 คำนี้ในความหมายของบริษัทประกันรถยนต์ อธิบายได้ว่า…

    • ผู้เอาประกันภัย หมายถึง บุคคลที่ถูกระบุชื่อเป็นผู้เอาประกันภัยในกรมธรรม์เท่านั้น
    • ผู้ขับขี่ หมายถึง เฉพาะผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายต้องรับผิดตามกฎหมายต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นเท่านั้น ไม่ได้รวมผู้ขับขี่อื่น เช่น ผู้ขับขี่ที่ถูกระบุชื่อในกรมธรรม์

    ในกรณีที่ผู้ขับขี่ตามบริบทที่อธิบายไปเมื่อข้างต้น ขับรถยนต์ไปเฉี่ยวชนทรัพย์สินของผู้ขับขี่ที่ถูกระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็ดี หรือประกันรถยนต์ชั้นอื่น ๆ ก็ตาม ความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เกิดขึ้น บริษัทประกันรถยนต์จะเป็นฝ่ายรับผิดชอบตามกฎหมาย ไม่สามารถนำเงื่อนไขใด ๆ มาปฏิเสธความคุ้มครองได้

    หมายความว่า “ทรัพย์สินที่ถูกยกเว้น” ไม่ได้รับความคุ้มครอง หรือไม่สามารถเคลมประกันได้ นอกจากทรัพย์สินที่เป็นของผู้เอาประกันภัย ผู้ขับขี่ หรือเป็นของคู่สมรส บิดา มารดา บุตรของบุคคลทั้งสองแล้ว ยังเหมารวมถึง “ทรัพย์สินที่บุคคลนั้นเป็นผู้เก็บรักษา ควบคุม และครอบครอง” ด้วย เช่น ทรัพย์สินของญาติที่มาอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน ซึ่งกรณีนี้จะต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงเป็นกรณีไป

  • 2. เครื่องชั่ง สะพานรถ สะพานรถไฟ ถนน ทางวิ่ง ทางเดิน สนามหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่อยู่ใต้สิ่งดังกล่าว

    ที่ได้รับความเสียหายอันเนื่องมาจากการสั่นสะเทือน หรือจากน้ำหนักรถยนต์ หรือน้ำหนักบรรทุกของรถยนต์ จะไม่ได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันรถยนต์ด้วยเช่นกัน

  • 3. สัมภาระหรือทรัพย์สินอื่นใดที่นำติดตัวขึ้นรถยนต์ หรือทรัพย์สินที่บรรทุกอยู่ในรถยนต์ กำลังยกขึ้น-ยกลงจากรถยนต์ หรือทรัพย์สินที่รถยนต์กำลังยกจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง

    เว้นแต่ว่าทรัพย์สินดังกล่าวตามที่ระบุไว้ข้างต้น “หล่นใส่บุคคลภายนอกหรือทรัพย์สินของบุคคลภายนอกจนได้รับความเสียหาย หรือมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ตลอดจนเสียชีวิต” ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว ยังคงได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันรถยนต์ตามเดิม

  • 4. ทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหายจากการรั่วไหลของสารเคมี วัตถุอันตราย ที่บรรทุกอยู่ในรถยนต์

    เว้นแต่ว่าการรั่วไหลของสารเคมีหรือวัตถุอันตรายดังกล่าวเกิดจาก “อุบัติเหตุจากรถยนต์” เช่น รถชน รถเฉี่ยว ฯลฯ รวมถึงการรั่วไหลของแก๊สหรือเชื้อเพลิงเพื่อการเดินเครื่องของรถยนต์ แบบนี้ยังคงได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันรถยนต์เช่นเดียวกัน

ขอย้ำอีกครั้งว่าอุบัติเหตุรถชนกันเองในครอบครัว ไม่ว่าจะรถพ่อชนรถลูก หรือชนกับญาติพี่น้อง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของทะเบียนรถเดียวกันหรือไม่ก็ตาม ความเสียหายย่อมเกิดขึ้นเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าจะมากหรือน้อย ดังนั้นการขับขี่ด้วยความปลอดภัย ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด และอย่ามั่นใจว่าจ่ายราคาประกันชั้น1 แล้วจะได้รับความคุ้มครองแบบจัดเต็ม เนื่องจากแต่ละกรมธรรม์มี “เงื่อนไขความคุ้มครอง” ต่างกัน แนะนำให้ทำความเข้าใจให้ดีก่อนเสมอ

คำจำกัดความ
ทุพพลภาพ หย่อนกำลังความสามารถที่จะประกอบการงานตามปกติเพราะร่างกายไม่สมบูรณ์
วัตถุอันตราย สารหรือวัตถุที่มีคุณสมบัติทางเคมีหรือทางกายภาพโดยตัวของมันเอง หรือเมื่อสัมผัสกับสารนั้นแล้วทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของมนุษย์ ต่อทรัพย์สินและต่อสิ่งแวดล้อม

เปรียบเทียบราคา หรือ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

บทความที่น่าสนใจ

เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่