ใช้บริการที่จอดรถรายวัน กลัวรถหาย ซื้อประกันรถยนต์ไว้อุ่นใจกว่า

เลือกลานจอดรถรายเดือน รายวันยังไงให้ปลอดภัยรอบด้าน ?

ไม่ว่าคุณจะใช้บริการลานจอดรถรายเดือน รายวันด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม เมื่อตัดสินใจดีแล้ว สิ่งที่ควรพิจารณาเป็นอันดับแรก คือ “ความปลอดภัย” ซึ่งลานจอดรถหรือที่รับฝากรถรายวันที่ดีควรต้องเป็นยังไง มีอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยอะไรบ้าง ตามไปเช็คลิสต์ทีละข้อกันเลย

• 1. ติดตั้งกล้องวงจรปิด

  เพราะการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) บริเวณลานจอดรถ จะช่วยในการรักษาความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ผิดปกติ เช่น รถหาย หรืออุบัติเหตุต่าง ๆ ก็สามารถขอดูกล้องวงจรปิดเพื่อตามหาคนผิดมารับผิดชอบ หรือเพื่อใช้เป็นหลักฐานในกาแจ้งความ เพื่อติดตามรถที่หายไปได้เช่นกัน

• 2. ระบบไม้กั้น

  ถือเป็นระบบที่มีความสำคัญมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นรับฝากรถรายวัน ห้ามสรรพสินค้า หรือสถานที่ไหน ๆ เพราะสามารถตรวจสอบและคัดกรองบุคคลเข้าพื้นที่ได้ ช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับคุณและลูกค้าคนอื่น ๆ ที่ใช้บริการ

  ยิ่งถ้าลานจอดรถรายเดือน รายวันแห่งไหนใส่ใจลูกค้า ด้วยการใช้ระบบไม้กั้นควบคู่กับระบบบริหารลานจอดรถอัจฉริยะอื่น ๆ เช่น ระบบ License Plate Recognition (LPR) ที่เจ้าของพื้นที่สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ ก็ถือเป็นลานรับฝากรถรายวันที่ดีมาก ๆ เลยล่ะ

• 3. ระบบเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

  ต่อให้ระบบต่าง ๆ จะทันสมัย และช่วยติดตามหรือเป็นหลักฐานเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยังจำเป็น เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาจริง ๆ “คน” จะเร็วกว่าเทคโนโลยีมาก สามารถสกัดจับ หรือให้ความช่วยเหลือ ณ วินาทีนั้นได้ทันที

  รวมถึงในกรณีที่ระบบไม้กั้น หรือระบบประตูอัตโนมัติเสียหาย คุณก็จะได้รับความช่วยเหลือในเรื่องนี้ โดยไม่ต้องลงจากรถไปจัดการเองเลย ดังนั้นหากกำลังมองหาลานจอดรถดี ๆ ที่ตอบโจทย์ทุกด้านอยู่ล่ะก็ อย่าลืมลิสต์ข้อนี้เอาไว้ด้วย

ทั้งหมดนี้ถือเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่จริง ๆ แล้วลานจอดรถทุกแห่งควรมี แต่บางที่กลับละเลย จึงเป็นเหตุผลที่คุณควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจใช้บริการ เพราะถ้าหากเลือกเพราะราคาถูก เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมามันจะได้ไม่คุ้มเสียเอา

ใช้บริการที่จอดรถเอกชนเป็นกิจวัตร ทำประกันรถยนต์ชั้นไหนดี ?

ถึงแม้ว่าที่จอดรถรายวัน รายเดือนที่คุณพิจารณาและเลือกมาเป็นอย่างดี จะตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยได้อย่างรอบด้าน แต่ขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุและเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ไม่มีใครการันตีได้ว่ามันจะไม่เกิด ดังนั้นการทำหรือต่อประกันรถยนต์ ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมก็ดูจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีมาก ๆ แต่ควรจะทำประกันรถยนต์ชั้นไหนดีล่ะ ถึงจะได้รับความคุ้มครองคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป?

คำตอบคือ “ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1” แม้จะมีราคาสูงกว่าประกันชั้นอื่น ๆ แต่ให้ความคุ้มครองสูงที่สุด ไม่ว่าจะขับรถไปชนกับอะไร, ใครขับมาเฉี่ยวจนรถเป็นรอย กระจกหัก, มีหรือไม่มีคู่กรณี รวมถึงรถหายก็อุ่นใจได้มากกว่า เพราะมีคนมาแบ่งเบาภาระที่หนักอึ้งให้คุณแล้ว

แต่ถ้ารู้สึกว่าประกันชั้น 1 เวอร์เกินไป เพราะด้วยอายุของรถ ลักษณะการใช้งาน หรือปัจจัยอื่น ๆ ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และชั้น 2 ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ตอบโจทย์เช่นกัน เพื่อลดความสับสนเราไปดูความคุ้มครองของทั้ง 2 ชั้นนี้ก่อนตัดสินใจกันเลยดีกว่า

ไม่ว่าคุณจะสนใจประกันภัยรถยนต์ประเภทไหน คุ้มครองสูงที่สุดหรือไม่ แนะนำให้เปรียบเทียบประกันรถยนต์ให้ดีก่อนตัดสินใจ ด้วยการสำรวจไลฟ์สไตล์การขับขี่ของตัวเอง รวมถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น หากเลือกประกันที่คุ้มครองไม่ครอบคลุม ก็กลายเป็นว่าการทำประกันรถยนต์ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

รถหาย บริษัทประกันจ่ายไหม จ่ายเท่าไหร่ ?

ในกรณีที่รถหาย ไม่ว่าจะเกิดจากการชิงทรัพย์, ลักทรัพย์, ยักยอกทรัพย์ หรือใด ๆ ก็ตาม บริษัทประกันภัยจะให้ความคุ้มครองตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดย “จ่ายค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวน ตามที่ระบุเอาไว้” เว้นแต่ทางบริษัทฯ จะพิสูจน์ได้ว่ารถที่หายไปนั้น เกิดจากความประมาทเลินเล่อของเจ้าของเอง

ซึ่งจะเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ มาตรา 879 ที่ระบุไว้ว่า “ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดชอบ เมื่อความวินาศภัยหรือเหตุอื่นซึ่งได้ระบุไว้ในสัญญานั้น ได้เกิดขึ้นเพราะความทุจริต หรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์”

นอกจากนี้ยังมีข้อยกเว้นกรณีรถหาย ที่บริษัทประกันจะไม่รับผิดชอบอีก 2 ประเด็น คือ รถหายจากการที่เอาไปใช้ที่ต่างประเทศ (นอกประเทศไทย) และรถหายจากการโดนคู่สมรสขโมย หากหายเพราะข้อใดข้อหนึ่งก็เตรียมใจไว้ได้เลย

รถหายแต่ได้คืน แบบนี้ต้องทำยังไงต่อ ?

กรณีที่บริษัทประกันจ่ายเงินชดเชยตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์เรียบร้อยแล้ว และในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสามารถตามรถคืนมาได้ ทางบริษัทฯ จะส่งหนังสือมาแจ้งผู้เอาประกัน โดยสามารถเลือกได้ 2 ทาง ได้แก่

1. ขอรับรถยนต์คืน และคืนเงินชดเชยที่ได้มา
2. ไม่รับรถยนต์คืน และเก็บเงินชดเชยไว้

ถ้าหากคุณเลือกรับรถยนต์คืน และพบกว่ามีร่องรอยความเสียหายเกิดขึ้น ในส่วนนี้ไม่ต้องกังวลหรือจิตตกเลย เพราะบริษัทประกันจะรับผิดชอบซ่อมให้ด้วย