รถยนต์เมื่อใช้งานไปนาน ๆ มักเกิดร่องรอยต่าง ๆ ตามมาจากการใช้งาน ทั้งรู้ตัวไม่รู้ตัวจากผู้ใช้หรือเกิดอุบัติเหตุ เล็ก ๆ น้อย ๆ จนทำให้หลายคนอยากจะเคลมสีรอบคัน สำหรับรถเป็นรอย แต่ไม่รู้ว่าประกันชั้น 1 จะเคลมได้ไหม ? เนื่องจากบางร่องรอยก็เกิดจากการชนรั้วบ้าน ชนกระถาง หรือมีร่องรอยเกิดขึ้นแบบงง ๆ หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังสงสัยเรื่องการเคลมสีรอบคันประกันชั้น 1 มิสเตอร์ คุ้มค่า ลิสต์ประเด็นที่น่าสนใจมาให้เรียบร้อยแล้ว ไปดูพร้อม ๆ กันเลย
เคลมรถรอบคัน คืออะไร ?
รู้หรือไม่ว่าการเคลมสีรอบคัน ถ้าคุณต้องจ่ายเองมีค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลย เพราะเหมือนทำสีรถทั้งคันทุกชิ้นส่วน สำหรับการเคลมรอบคันหรือเคลมสีรอบคัน คือ การให้บริษัทประกันภัยมาซ่อมรถให้ทั้งคัน จัดการกับทุก ๆ ร่องรอยที่เกิดขึ้น ไม่ว่าความเสียหายนั้น ๆ จะเกิดจากอะไรก็ตาม รวมถึงกรณีสีถลอก รอยขนแมว และรอยการชนรอบ ๆ ตัวรถ ซึ่งเป็นการ “เคลมประกันรถยนต์รวดเดียวจบ”
ซึ่งแน่นอนว่าการรอแจ้งเคลมประกันหลาย ๆ แผลในคราวเดียว “สามารถทำได้” แต่ก็ต้องเข้าใจในเรื่องค่าเสียหายส่วนแรกด้วย แน่นอนว่ามันจะมากขึ้นตามจำนวนรอยที่ต้องการเคลมประกัน เช่น มีร่องรอยความเสียหายทั้งหมด 5 จุด โดยที่ 3 จุดแรกเกิดจากเหตุการณ์เดียวกัน แต่ 2 จุดที่เหลือเกิดจากคนละเหตุการณ์ แบบนี้จะจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกทั้งหมด 3 ครั้งนั่นเอง
ประกันชั้น 1 เคลมสีรอบคันได้ไหม ?
หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจคือ เคลมสีรอบคันประกันชั้น 1 ได้ไหม ? ซึ่งต้องอธิบายให้เข้าใจก่อน ว่า ประกันชั้น 1 เคลมสีรอบคัน นั้นตามปกติแล้วการเคลมประกันรถยนต์จะเป็นไปตามหลักการสำคัญจำง่าย ๆ คือ “การซ่อมให้สภาพเหมือนเดิม ณ วันที่เกิดเหตุ ไม่ใช่ซ่อมให้รถเหมือนใหม่” ดังนั้นการเคลมสีรอบคันหรือเปลี่ยนอะไหล่ใด ๆ ก็ตาม จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัทประกันภัยแต่ละเจ้าเป็นหลัก
สำหรับคำถามที่ว่ารถเป็นรอยสามารถเคลมประกันรอบคันได้ไหม ? หากเป็นการทําสีรถยนต์รอบคันโดยตรง ไม่สามารถทำได้ เว้นแต่กรณีรถเป็นรอยอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีคู่กรณีก็ตาม แล้วอยากเคลมสีรอบคัน แบบนี้สามารถทำได้ หรือกรณีที่อยากเปลี่ยนสีรถยนต์ใหม่ ให้ต่างจากสีเดิม (ทำเพื่อความสวยงาม หรือเปลี่ยนสีรถถูกโฉลกตามวันเกิด) ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายส่วนต่างเอง
เคลมสีรอบคันกับประกันรถยนต์ชั้น 1 มีค่าใช้จ่ายไหม ?
หากต้องการแจ้งเคลมประกันโดยเฉพาะเคลมรอบคัน แต่ไม่สามารถระบุคู่กรณี ลักษณะการเกิดเหตุ วัน และเวลา หรืออื่น ๆ ได้เคลมสีรอบคันที่ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายจะเป็น “ค่าเสียหายส่วนแรก (Excess)” เป็นปกติอยู่แล้ว เนื่องจากถือเป็นการเคลมประกันรถยนต์แบบไม่มีคู่กรณี โดยมี “เหตุการณ์” ที่พบได้บ่อย ดังนี้
1. โดนชนแล้วหนี
หากเกิดเหตุการณ์ชนแล้วหนี โดยที่ผู้ขับขี่หรือผู้เอาประกันไม่สามารถตามตัวคู่กรณีได้ จะต้องเสียค่า Excess เนื่องจากเป็นการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี จึงเป็นเหตุผลที่หลาย ๆ คนนิยมติดกล้องหน้ารถกันมากขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยระบุเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แล้ว ยังเป็น “ส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 และอื่น ๆ” ได้อีกด้วย
2. โดนกลั่นแกล้ง
ต้องบอกก่อนว่าการกลั่นแกล้ง หรือการมุ่งร้าย ซึ่งเกิดจากการใช้รถหรือใด ๆ ก็ตาม ไม่ถือว่าเป็นการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นจึงไม่รวมอยู่ในการเคลมประกันภายใต้เงื่อนไขของประกันรถยนต์
3. รถเป็นรอย แต่บอกวัน เวลาที่เกิดเหตุไม่ได้
ถือเป็นการแจ้งเคลมประกันที่พบเจอได้บ่อยมาก ๆ ซึ่งรถเป็นรอย บุบ แตก ร้าว โดยที่ผู้ขับขี่/ผู้เอาประกันไม่มีภาพถ่ายหลักฐานว่าเกิดจากอะไร เมื่อนำรถไปทำการเคลมสีรถยนต์ หรือแก้รอยต่าง ๆ แบบนี้ต้องเสียค่า Excess โดยไม่มีข้อยกเว้น
4. มีรอยขนแมว รอยข่วนทั่วไป
ร่องรอยที่เกิดจากสัตว์ หรือวัตถุต่าง ๆ เช่น กิ่งไม้ข่วน หินตก/กระเด็นใส่ จนทำให้รถเป็นรอย แบบนี้จะถือว่าต้องจ่ายค่า Excess เช่นกัน
ชวนรู้จักค่า Excess คืออะไร ? ก่อนเคลมสีรอบคัน
ค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) มีชื่อเต็มว่า “ค่าเสียหายส่วนแรกภาคบังคับ” พูดง่าย ๆ คือ “ค่าใช้จ่ายที่บังคับเก็บ” ไม่ว่าคุณจะทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 หรือชั้นไหน ๆ หรือบริษัทใดก็ตาม ส่วนใหญ่จะเรียกเก็บในการแจ้งเคลมประกัน ที่อาจทำให้สงสัยว่าคุณแจ้งเคลมประกันรถยนต์ โดยที่ไม่มีเหตุเกิดขึ้นจริงเพื่อหวังซ่อมฟรี โดยแบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้
- การแจ้งเคลมประกันไม่ได้เกิดจากการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การชนหรือคว่ำ
- กรณีเกิดอุบัติเหตุจริง แต่ไม่สามารถหาคู่กรณีได้
ส่วนใหญ่จะเรียกเก็บค่า Excess ต่อการแจ้งเคลมประกัน “ครั้งละ” 1,000 บาทต่อเหตุการณ์ เช่น วันนี้คุณโชคร้าย ดวงการใช้รถตกสุด ๆ ทั้งหินตกใส่รถและขับรถเหยียบตะปูในคราวเดียว แบบนี้จะนับเป็น 2 เหตุการณ์ หมายความว่าคุณจะต้องจ่ายค่า Excess ทั้งหมด 2,000 บาทนั่นเอง
ซึ่งต้องบอกก่อนว่าค่า Excess จากการเคลมรถรอบคัน ที่อธิบายไปก่อนหน้า เป็นเพียง “ค่าเสียหายเบื้องต้น” ตามเงื่อนไขกรมธรรม์เท่านั้น ไม่ใช่ยอดค่าซ่อมรถแต่อย่างใด เพราะเวลาซ่อมจริงมีทั้งการขัดสี การลงสีพื้น และขั้นตอนอื่น ๆ อีกเพียบ ดังนั้น “มูลค่าความเสียหาย” อาจจะมากกว่า 1,000 บาทก็ได้ ยิ่งถ้าหากรถเป็นรอยใหญ่ ลึก อาจใช้เวลาในการซ่อมนานกว่าปกติ แถมยังอาจมีค่าใช้จ่ายในการเคลมสีรอบคันเพิ่มเติมก็เป็นได้ ดังนั้นก่อนเลือกซื้อประกัน แนะนำให้เปรียบเทียบประกันรถยนต์และทำความเข้าใจเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ดีก่อน
เคลมรถรอบคัน มีวิธีเคลมประกันรถยนต์ยังไง ?
สำหรับการเคลมรถรอบคันสามารถเลือกได้ทั้งแบบ “เคลมสด” และ “เคลมแห้ง” โดยมีขั้นตอนในการแจ้งเคลมประกันแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ไปดูวิธีเคลมประกันรถยนต์แต่ละแบบกันเลย
เคลมสด
เป็นการเคลมประกันรถยนต์ “ทันที” ที่เกิดเหตุ ไม่ว่าคุณจะทำประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือชั้นไหน ๆ ก็ตาม จะถือเป็นการ “เคลมสด” ทั้งหมด โดยผู้ขับขี่จะต้องโทรแจ้งบริษัทประกันภัยด้วยตัวเอง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของทางบริษัทประกันรถยนต์เข้ามาตรวจสอบ ณ ที่เกิดเหตุ เก็บข้อมูล ประเมินความเสียหาย เพื่อออก “ใบเคลม” สำหรับนำรถยนต์ส่งซ่อมที่ศูนย์บริการหรืออู่ในเครือ
โดยการแจ้งเคลมประกันแบบ “เคลมสด” สามารถแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
เคลมสดแบบมีคู่กรณี
คือ การเกิดอุบัติเหตุแบบรถชนรถ โดยเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัยจะตรวจสอบ และพิจารณาว่าใครเป็นฝ่ายผิด ซึ่งฝ่ายผิดจะต้องจ่ายค่า Deductible ให้กับฝ่ายถูก ตามที่ตกลงกันไว้กับทางบริษัทฯ จากนั้นจะเรียกคืนได้ภายใน 7 วัน
เคลมสดแบบไม่มีคู่กรณี
คือ กรณีที่รถของผู้เอาประกันชนเข้ากับสิ่งของ หรือวัตถุต่าง ๆ จนเกิดความเสียหาย หรือพูดง่ายว่าเกิดจากการใช้รถ โดยไม่สามารถแจ้งรายละเอียดคู่กรณีได้ และมีการแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับพนักงานสอบสวน กรณีนี้ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายค่า Excess ก่อนเสมอ
เคลมแห้ง
หากคุณมองว่ารถเป็นรอยนิดเดียว หากนำไปเข้าศูนย์หรืออู่คงเสียเวลาน่าดู “ค่อยเคลมประกันทีหลังดีกว่า” แบบนี้จะเรียกว่าเคลมแห้ง ซึ่งการเก็บร่องรอยต่าง ๆ ไว้เคลมรอบคันสีเดียว ขอย้ำอีกคร้ังว่าสามารถทำได้ แต่จะต้องเกิดจากการเกิดอุบัติเหตุ ที่สามารถระบุคู่กรณีได้ มีหลักฐานยืนยันว่าแต่ละร่องรอยมาจากไหน สาเหตุมาจากอะไร หากเกิดจากการใช้รถ เช่น ขับรถชนรั้ว ชนต้นไม้ ฯลฯ แบบนี้จะเสียค่า Excess
สำหรับคนที่อยากแจ้งเคลมรอบคันก่อนหมดประกัน จะมีเพียงการเคลมจากประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น โดยผู้เอาประกันสามารถนำรถยนต์เข้าไปติดต่อซ่อมที่ “อู่ในเครือ” ได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับความสะดวกของตัวเองเป็นหลัก แต่ต้องไม่เกินระยะเวลาความคุ้มครองตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
เชื่อว่าหลายคนคงเข้าใจคร่าว ๆ แล้วว่าประกันชั้น 1 เคลมสีรอบคันได้ไหม ? มีค่าใช้จ่ายในการเคลมสีรอบคันอย่างไรบ้าง? (ค่า Excess) จากนี้หากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้รถเป็นรอย ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุหรือจากการใช้รถ แนะนำให้เก็บหลักฐานให้ดี เพื่อที่จะได้ไม่ต้องควักเงินจ่ายค่า Excess หลาย ๆ จุด
คำจำกัดความ
ค่า Deductible | เป็นค่าเสียหายส่วนแรกที่จะต้องจ่าย เมื่อต้องการเคลมประกันรถยนต์ ซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณี และเราเป็นฝ่ายผิด |
ใบเคลม | เอกสารที่บริษัทประกันได้ออกให้กับรถที่ประสบอุบัติเหตุ เพื่อเป็นหลักฐานให้เรานำรถไปติดต่อขอจัดซ่อมกับทางศูนย์หรืออู่ หรือออกให้คู่กรณีที่ได้ความเสียหายจากความประมาทของรถที่ทำประกันรถยนต์ไว้ เพื่อในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน |