หัวข้อที่น่าสนใจ
- ประกันภัยรถยนต์ ระบุชื่อผู้ขับขี่ คืออะไร ?
- ประกันภัยรถยนต์ ไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ vs ระบุผู้ขับขี่ ต่างกันยังไง ?
- ประกันภัยรถยนต์ ระบุชื่อผู้ขับขี่
- ประกันภัยรถยนต์ ไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่
- ประกันภัยรถยนต์ ระบุชื่อผู้ขับขี่ ใครขับก็เคลมประกันรถยนต์ได้หมด ใช่หรือไม่ ?
- ข้อดีของการระบุชื่อผู้ขับขี่ มีอะไรบ้าง ?
- 1. เบี้ยประกันถูกกว่า
- 2. ควบคุมความเสี่ยงได้ดี
ทางเลือกที่ช่วยประหยัดค่าเบี้ยอีกทางอย่างประกันภัยรถยนต์ ระบุชื่อผู้ขับขี่ แบบนี้ถ้าหาก “คนอื่น” ที่ไม่มีชื่ออยู่ในกรมธรรม์ขับรถไปชน หรือรถเกิดอุบัติเหตุอื่น ๆ จะถือว่าผิดเงื่อนไขกรมธรรม์หรือเปล่า ? ที่สำคัญเลยคือจะสามารถเคลมประกันรถยนต์ได้หรือไม่ ? มิสเตอร์ คุ้มค่า ลิสต์ประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องนี้มาย่อยให้อ่านกัน ไปทำความเข้าใจก่อนซื้อประกันภัยรถยนต์กันเลย
ประกันภัยรถยนต์ ระบุชื่อผู้ขับขี่ คืออะไร ?
สำหรับคนที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 สามารถเลือกได้ว่าจะทำประกันภัยรถยนต์ ระบุชื่อผู้ขับขี่ หรือประกันภัยรถยนต์ ไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ โดย “แบบระบุผู้ขับขี่” เป็นการระบุชื่อบุคคลที่เป็นผู้ใช้รถลงในกรมธรรม์ประกันภัย โดยระบุได้สูงสุด 2 คน หรือถ้าหากใช้รถคนเดียวก็ระบุคนเดียวก็ได้
มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล (รหัส 110) และรถโดยสารส่วนบุคคล (รหัส 210) เท่านั้น และข้อดีของการเลือกทำประกันภัยรถยนต์ ระบุชื่อผู้ขับขี่ ที่ทำให้หลาย ๆ คนหันมาเลือกทำประกันรูปแบบนี้ เพราะว่าสามารถ “ลดค่าเบี้ยประกัน” ได้ผ่านการคำนวณจากข้อมูลช่วงอายุของผู้ขับขี่ ดังนี้
- ช่วงอายุตั้งแต่ 18-24 ปี ถือเป็นช่วงอายุที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด จึงได้รับส่วนลดเพียง 5% เท่านั้น
- ช่วงอายุตั้งแต่ 25-35 ปี ได้รับส่วนลด 10%
- ช่วงอายุตั้งแต่ 36-50 ปี ได้รับส่วนลด 15%
- ช่วงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ถือเป็นช่วงอายุที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด จะได้รับส่วนลดมากถึง 20%
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่สนใจและอยากซื้อประกันภัยรถยนต์ อย่างประกันชั้น1 ราคาสูง ๆ ที่นอกจากจะให้ความคุ้มครองครอบคลุม แถมยังได้รับ “ส่วนลดค่าเบี้ยประกัน” ในคราวเดียวกัน แนะนำให้เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 ให้ดี รวมถึงเปรียบเทียบประกันรถยนต์แต่ละเจ้าให้ดี เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองตอบโจทย์ ค่าเบี้ยตรงใจ สบายกระเป๋ามากที่สุด
ประกันภัยรถยนต์ ไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ vs ระบุผู้ขับขี่ ต่างกันยังไง ?
อย่างที่ทราบกันดีว่าประกันภัยรถยนต์ ไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ เป็นประกันภัย “ดั้งเดิม” ที่ใช้กันมาเนิ่นนาน ให้ความคุ้มครองความรับผิดและความเสียหายต่อรถยนต์ ที่เกิดขึ้นระหว่างการใช้งานหรือการขับขี่ของบุคคลใด ๆ ก็ตาม ที่ได้รับการยินยอมจากผู้เอาประกันภัย
โดย “ความต่าง” ของประกันภัยรถยนต์ ไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่และระบุชื่อผู้ขับขี่ แน่นอนแตกต่างกันในส่วนที่เกี่ยวกับ “ความคุ้มครอง” โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ประกันภัยรถยนต์ ระบุชื่อผู้ขับขี่
ในเหตุของรถเกิดอุบัติเหตุ ความเสียหายเกิดขึ้นอันเนื่องจากมา “คนอื่น” เป็นผู้ขับขี่ แถมดันไม่มีชื่ออยู่ในกรมธรรม์ แม้จะได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกัน เช่นกรณี ให้เพื่อนยืมรถไปขับ แล้วเกิดอุบัติเหตุ ผู้เอาประกันจะต้องรับผิดชอบในส่วนของความเสียหายส่วนแรก (ค่าเสียหายส่วนแรก) ด้วย
ประกันภัยรถยนต์ ไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่
จำง่าย ๆ ว่าเมื่อไม่ระบุชื่อก็คือ “ใครขับก็ได้” หากรถเกิดอุบัติเหตุแล้วความผิดหรือความเสียหายได้เกิดขึ้น ณ ขณะที่มีบุคคลที่ได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกัน(คนอื่นเป็นผู้ขับขี่) ผู้เอาประกัน “ไม่จำเป็น” ต้องเข้ามาร่วมรับผิดในความเสียหายส่วนแรก (ค่าเสียหายส่วนแรก) แต่อย่างใด เพราะไม่ได้ระบุชื่อผู้ขับขี่เอาไว้ตั้งแต่แรก ไม่ว่าใครจะขับรถคันนั้น ๆ ก็จะได้รับความคุ้มครองเสมอ
ชื่อผู้รับผลประโยชน์ เมื่อซื้อประกันภัยรถยนต์คือใคร ?
“ผู้รับผลประโยชน์” หมายถึง ผู้รับสินไหมทดแทนกรณีรถยนต์สูญหาย หรือเสียหายสิ้นเชิง จนต้อง “คืนทุนประกัน” (ไม่ได้รับผลประโยชน์อื่น ๆ เช่น สินไหมอุบัติเหตุส่วนบุคคล, สินไหมคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล) แบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
กรณีไม่ระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์
หากในวันที่ซื้อประกันภัยรถยนต์ ผู้เอาประกันไม่ได้ระบุผู้รับผลประโยชน์ หมายความว่า “ผู้เอาประกันกับผู้รับผลประโยชน์คือคนเดียวกัน” ในตอนที่รับค่าสินไหมต้องแสดงหลักฐาน ว่าเป็นเจ้าของรถยนต์อย่างแท้จริง (สำหรับรถยนต์ที่ผ่อนหมดแล้ว)
กรณียังผ่อนชำระไม่หมด
ในกรณีที่รถยนต์ยังไม่ปลอดภาระ (ผ่อนยังไม่หมด) ผู้รับผลประโยชน์เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ เสียหายสิ้นเชิง สูญหาย ฯลฯ ก็คือ “บริษัทไฟแนนซ์” ทางบริษัทประกันจะจ่ายสินไหมให้กับบริษัทไฟแนนซ์ ตามจำนวนหนี้ที่ผู้เอาประกันมีต่อไฟแนนซ์
จากนั้นบริษัทไฟแนนซ์ก็จะดำเนินการหักหนี้สินที่ค้างอยู่ และส่วนที่เหลือผู้เอาประกันถึงจะได้คืน ในกรณีที่หักแล้วแต่ก็ยังไม่พอชำระหนี้คงค้าง ไฟแนนซ์ก็จะเรียกเก็บกับผู้ผ่อนเพิ่มเติม
ประกันภัยรถยนต์ ระบุชื่อผู้ขับขี่ ใครขับก็เคลมประกันรถยนต์ได้หมด ใช่หรือไม่ ?
สรุปให้ชัด ๆ เข้าใจตรงกันอีกรอบว่าประกันภัยรถยนต์ ระบุชื่อผู้ขับขี่ต่อให้ใครขับรถชน ขับรถเกิดอุบัติเหตุหรือใด ๆ ก็ตามที่ทำให้รถยนต์คันที่เอาประกันได้รับความเสียหาย สามารถเคลมประกันได้ทั้งหมด แต่ประเด็นที่ต้องจำไว้คือ ผู้เอาประกันจะต้องเข้ามารับผิดชอบในส่วนของ “ค่าเสียหายส่วนแรก” โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
- 2,000 บาทแรก สำหรับความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- 6,000 บาทแรก สำหรับความเสียหายต่อรถยนต์คันเอาประกันภัย ที่เกิดจากการชน การคว่ำ
แต่ต้องบอกก่อนว่าเงินที่ต้องจ่ายส่วนที่ 2 (จำนวน 6,000 บาท) หากเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำของบุคคลภายนอก และรู้ตัวผู้ต้องรับผิดตามกฎหมาย (คู่กรณี) ผู้เอาประกันไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกส่วนนี้ เนื่องจากบริษัทประกันมีสิทธิไปเรียกค่าเสียหายจากบุคคลภายนอกได้
ข้อดีของการระบุชื่อผู้ขับขี่ มีอะไรบ้าง ?
หลังจากทำความเข้าใจประกันภัยรถยนต์ ระบุชื่อผู้ขับขี่ไปแบบเจาะลึกแล้ว หลายคนคงทราบดีว่า “ข้อดี” ของประกันแบบระบุชื่อผู้ขับขี่ คือได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกัน เป็นการคำนวณจากช่วงอายุของผู้ขับขี่ แต่จริง ๆ แล้วยังมีข้อดีที่มากกว่านั้น แต่จะมีอะไรบ้าง ? ตอบโจทย์ได้ดีแค่ไหน? ตามไปทำความเข้าใจกันเลยดีกว่า
1. เบี้ยประกันถูกกว่า
การซื้อประกันภัยรถยนต์แบบระบุชื่อผู้ขับขี่ ช่วยให้เบี้ยประกันถูกกว่าแน่นอน “หากประวัติดี” เนื่องจากบริษัทประกันจะพิจารณาจาก “ประวัติการขับขี่ของผู้ขับขี่แต่ละคน” จึงเป็นเหตุผลที่คนที่มีประสบการณ์การขับรถมากกว่า แถมยังมีพฤติกรรมการขับรถที่ปลอดภัย จะจ่ายเบี้ยประกันน้อยกว่ามือใหม่
ยกตัวอย่างเช่น นาย A อายุ 45 ปี ขับรถมานานกว่า 8 ปี ไม่เคยมีประวัติขับรถชนเลย หรือถ้ามีการเกิดอุบัติเหตุก็เป็นฝ่ายถูกมาตลอด ก็จะได้รับส่วนลดที่มากกว่านาย B ที่มีอายุ 25 ปี แถมยังเป็นมือใหม่หัดขับ เป็นต้น
2. ควบคุมความเสี่ยงได้ดี
ตอบโจทย์สำหรับ “ผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงสูง” เช่น มือใหม่หัดขับรถ, วัยรุ่น หรือคนที่มีประวัติเกิดอุบัติเหตุบ่อย ๆ ดังนั้นการทำประกันภัยรถยนต์แบบระบุชื่อผู้ขับขี่ จะช่วยควบคุมค่าเบี้ยประกัน แถมยังลดความเสี่ยงของการเคลมประกันรถยนต์บ่อย ๆ ได้ดีมาก
แต่ก็ใช่ว่าประกันภัยรถยนต์รูปแบบนี้ จะมีแต่ข้อดีเต็มไปหมด เพราะ “ข้อเสีย” ของมันก็คือ “ความไม่ยืดหยุ่น” หากให้บุคคลอื่นที่ไม่ได้ระบุชื่อในกรมธรรม์ขับขี่รถ แถมยังขับรถชนจนทำให้รถคันที่เอาประกันได้รับความเสียหาย บริษัทประกัน (บางแห่ง) อาจปฏิเสธการเคลมได้ แนะนำให้สอบถามเงื่อนไขและรายละเอียดความคุ้มครองให้ดี ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อประกันภัยรถยนต์ เนื่องจากประกันชั้น 1 ราคาสูง ซื้อทั้งทีควรได้รับความคุ้มครองแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะกรณีใด ๆ ก็ตาม
หากถามว่าประกันภัยรถยนต์ ระบุชื่อผู้ขับขี่ ดีกว่าประกันภัยรถยนต์ ไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ไหม ? คนที่สามารถตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด คือ “ผู้เอาประกันเอง” แนะนำให้สำรวจไลฟ์สไตล์การขับขี่ของตัวเอง และคนที่จะระบุชื่อในกรมธรรม์ให้ดี ว่าขับรถชนบ่อยไหม เคลมประกันรถยนต์แต่ละครั้งเป็นฝ่ายถูกหรือผิด จากนั้นถึงค่อยมากพิจารณาแบบเจาะลึก ว่าควรซื้อประกันภัยรถยนต์แบบไหน ถึงจะตอบโจทย์ได้มากที่สุด อย่าลืมเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 ให้ดีด้วย เพื่อให้คุณได้รับค่าเบี้ยประกันที่สบายกระเป๋า แถมยังได้รับความคุ้มครองแบบจัดเต็ม
คำจำกัดความ
ดั้งเดิม | เก่าก่อน, เก่าแก่, เดิมที, แต่เดิม |
รับผิด | ยอมรับว่าผิด, ยอมรับในความผิดที่ทำ |
กรมธรรม์ | เอกสารทางกฎหมายที่เป็นสัญญาระหว่างบริษัทประกันภัย (Insurance Company) และผู้เอาประกัน (Policyholder) ซึ่งกำหนดรายละเอียดและเงื่อนไขของความคุ้มครองที่บริษัทประกันจะให้กับผู้เอาประกันในระหว่างระยะเวลาที่ระบุในกรมธรรม์ |