รถถูกขโมยแล้วเกิดความเสียหาย รถเป็นรอย เคลมประกันได้ไหม ?

รถเป็นรอยหลังโดนขโมย เคลมประกันรถยนต์ได้ไหม ?

เพื่อคลายความกังวลของเจ้าของรถ ขอตอบเกี่ยวกับกรณีรถถูกขโมย แล้วพบว่ารถมีร่องรอยความเสียหายก่อนเลย ว่าถ้าหากคุณทำประกันรถยนต์ชั้น 1, 2 และ 2 พลัสเอาไว้ “สามารถแจ้งเคลมประกันได้” เนื่องจากอยู่ในเงื่อนไขความคุ้มครอง “รถยนต์สูญหาย”

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงความเสียหาย ที่เกิดจากการชิงทรัพย์ ลักทรัพย์ หรือยักยอกทรัพย์ด้วย ดังนั้นหากรถเป็นรอยหลังจากโดนขโมย ผู้เอาประกันสามารถเคลมประกันรถยนต์ได้ เนื่องจากอยู่ในขอบเขตความคุ้มครองตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ จึงเป็นเหตุผลที่ควรเช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ และความคุ้มครองให้ดีก่อนตัดสินใจทำประกันรถยนต์

รถหายรถถูกขโมยต้องผ่อนต่อหรือเปล่า ?

อีกหนึ่งประเด็นที่เจ้าของรถเกิดความสงสัยตามมา คือ รถถูกขโมยยังต้องผ่อนต่อรถต่อหรือไม่? หากอ้างอิงตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 567 ซึ่งระบุว่า “ถ้าทรัพย์สินซึ่งให้เช่าสูญหายไปทั้งหมดนั้น ท่านว่าสัญญาเช่าก็ย่อมระงับไปด้วย” หมายความว่าสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ที่คุณยังผ่อนอยู่จะถูกระงับ จึงไม่มีความจำเป็นต้องผ่อนต่อ

แต่ถึงอย่างนั้นก็อย่าเพิ่งดีใจหรือโล่งใจไป เพราะคุณอาจต้อง “จ่ายค่าเสียหาย” อื่น ๆ โดยแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้

• 1. กรณีซื้อประกันรถยนต์

  หากคุณซื้อประกันรถยนต์แล้วปรากฏว่ารถหาย รถถูกขโมย บริษัทประกันภัยจะต้อง “จ่ายค่างวดที่เหลือตามจริง” ให้กับไฟแนนซ์ตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ หากค่างวดที่เหลือไม่เกินจำนวนทุนประกัน ผู้เอาประกันก็ไม่จำเป็นต้องผ่อนค่างวดต่อ

  แต่ถ้าหากค่างวดเหลือมากกว่าทุนประกันรถยนต์ที่ทำไว้ ผู้เอาประกันจะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบ “ส่วนที่เกินมา” ด้วยการผ่อนค่างวดรถส่วนที่เหลือจนกว่าจะครบ

• 2. กรณีไม่ซื้อประกันรถยนต์

  ในทางกฎหมายขอยืนยันอีกครั้ง ว่า “ผู้เสียหายมีสิทธิ์ที่จะไม่ชำระค่างวดต่อ” ด้วยการแจ้งไปที่บริษัทไฟแนนซ์ได้เลย จากนั้นทางบริษัทฯ จะทำเรื่องยื่นฟ้องร้องต่อศาลตามกฎหมาย เพื่อให้ศาลเป็นผู้ตัดสินให้คุณจ่ายส่วนที่เหลือจากการผ่อนชำระค่างวด ซึ่งส่วนนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ในการกำหนดความเสียหายตามสมควร

รถถูกขโมย ทำยังไงดี ?

หลังจากรู้แล้วบริษัทประกันภัยยังคงให้ความคุ้มครองกรณี “รถเป็นรอยหลังจากโดนขโมย” แล้ว ต่อมาเรามาทำความเข้าใจวิธีรับมือกันบ้างดีกว่า เผื่อว่าวันไหนโชคร้ายรถถูกขโมยขึ้นมาจะได้ตั้งรับได้ทัน ซึ่งมีวิธีรับมือดังต่อไปนี้

• 1. ตั้งสติ

  เมื่อรู้ตัวว่ารถถูกขโมย รถหาย แน่นอนว่าหลายคนคงลนลาน และสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่สิ่งที่แนะนำให้ทำมากที่สุดคือ “ตั้งสติ” เพื่อที่จะได้คิดหาวิธีแก้ไข จนสามารถผ่านช่วงเวลาดังกล่าวไปได้ด้วยดี

• 2. ติดต่อบริษัทประกันภัย หรือไฟแนนซ์ทันที

  หลังจากตั้งสติได้เรียบร้อยแล้ว ให้ทำการโทรแจ้งบริษัทประกันภัยที่ทำประกันรถยนต์เอาไว้ หรือบริษัทไฟแนนซ์ที่ผ่อนรถอยู่ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และจะได้ดำเนินการขั้นตอนต่อไปได้ทันที โดยไม่ติดขัดเรื่องใด ๆ

• 3. แจ้งความ

  ลำดับต่อมาให้เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมถึงติดตามรถที่หายไปคืนมาด้วย นอกจากนี้การลงบันทึกประจำวัน ยังใช้เป็นหลักฐานประกอบการแจ้งเคลมประกันได้อีกด้วย

• 4. ติดต่อบริษัทประกันภัยอีกครั้ง

  หลังจากลงบันทึกประจำวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ติดต่อกลับไปหาบริษัทประกันภัยอีกครั้ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และประเมินค่าสินไหมทดแทนตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

ขอย้ำอีกครั้งว่าถ้าหากคุณทำประกันรถยนต์ชั้น 1, 2 พลัส หรือชั้น 2 เอาไว้ ก็หายห่วงได้เลย เพราะจะได้รับความคุ้มครองกรณีรถหาย รถถูกขโมย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการดำเนินการของแต่ละบริษัท ว่าจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนยังไง ซึ่งปกติแล้วจะไม่จ่ายเกินกว่าที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์

วิธีป้องกันรถหาย รถถูกขโมย ทำได้อย่างไรบ้าง ?

หากคุณไม่อยากรับมือกับวุ่นวายกับเหตุการณ์รถถูกขโมย กันไว้ดีกว่าแก้ย่อมดีกว่าวัวหายแล้วล้อมคอก อยาก “ป้องกัน” ไว้แต่เนิ่น ๆ MrKumka มีวิธีป้องกันมาบอกต่อที่ไม่ได้ยุ่งยากเลย หมั่นทำให้เป็นนิสัยรับประกันว่าการจอดรถของคุณจะอุ่นใจได้มากกว่าเดิมอย่างแน่นอน

• 1. เลือกจุดจอดที่ปลอดภัย

  สถานที่จอดรถถือเป็นจุดสำคัญ ที่ทำให้คนร้ายตัดสินใจว่าจะขโมยหรือไม่ขโมยรถยนต์ของคุณ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงจุดจอดที่ค่อนข้างเปลี่ยว มืด ห่างไกลผู้คน ทางที่ดีแนะนำให้จอดในที่ที่มี รปภ.คอยดูแล ก็จะช่วยป้องกันรถถูกขโมยได้เยอะ

• 2. ไม่เก็บของมีค่าไว้ในรถ

  หากจำเป็นต้องเก็บของมีค่าไว้ในรถจริง ๆ แนะนำให้เก็บในลิ้นชัก หรือจุดที่มองเห็นได้ยาก เพราะของมีค่าเหล่านั้นอาจล่อตาล่อใจคนร้ายให้ก่อเหตุได้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่เพียงแต่จะขโมยของมีค่าเท่านั้น แต่อาจโดนขโมยรถด้วยก็ได้

• 3. ถอดฟิวส์และชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสตาร์ท

  กรณีที่จำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้ที่เดิมเป็นเวลานาน แน่นอนว่าเสี่ยงที่รถจะหายง่ายมาก ๆ แนะนำให้ “ถอดฟิวส์” หรือชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสตาร์ทรถได้ออก เพื่อให้รถยนต์ใช้งานไม่ได้ชั่วคราว

  เทคนิคนี้เป็นวิธีป้องกันได้อย่างดีเยี่ยมแต่อาจต้องอาศัยความรู้เรื่องรถสักหน่อยเพราะต่อให้คนร้ายจะพยายามงัดจนเข้าไปนั่งในรถได้สำเร็จ แต่ในท้ายที่สุดก็จะไม่สามารถขับรถออกไปได้ง่าย ๆ เพราะรถสตาร์ทไม่ติดนั่นเอง

• 4. สังเกตผู้คนบริเวณรอบรถ

  แม้จะจอดรถในจุดจอดที่ปลอดภัยแล้ว แต่อย่าได้ชะล่าใจจนเกินไป แนะนำให้สังเกตผู้คนบริเวณรอบข้างให้ดีด้วย เพราะคุณอาจถูกสัญญาณรบกวนจากคนร้าย ทำให้รถยนต์ล็อกไม่ได้ เนื่องจากการใช้วิธีดังกล่าว (Remote Jamming) คนร้ายจะต้องอยู่ใกล้รถของคุณพอสมควร

  แนะนำให้สังเกตพิรุธของคนที่อยู่บริเวณนั้นให้ดีก่อน รวมถึงควรตรวจสอบรถยนต์ของตัวเอง ด้วยการลองเปิดประตูรถอีกครั้งก่อนไปทำธุระที่อื่น

• 5. ติดเครื่องมือล็อกกันขโมย

  หากเป็นกังวลกลัวว่ารถจะโดนขโมย สามารถเพิ่มการป้องกันที่หนาแน่นให้มากขึ้นได้ ด้วย “เครื่องมือป้องกันขโมย” ที่มีให้เลือกใช้มากมาย เช่น อุปกรณ์ล็อกเบรก, ที่ล็อกพวงมาลัยรถยนต์, ที่ล็อกล้อ และอื่น ๆ เพิ่มทำให้คนร้ายโจรกรรมได้ยากขึ้น และใช้เวลาในการขโมยรถมากกว่าปกติ จนเปลี่ยนใจไม่ขโมยรถคุณต่อก็เป็นได้