ประกันชีวิต หัวข้อที่ใครหลายคนเลือกมองผ่าน ด้วยความรู้สึกและข้อมูลข่าวสารร้าย ๆ ที่ได้รับจากการทำประกัน เล่นเอาหลายคนขยาดไม่อยากทำประกัน แต่รู้ไหมว่า หลายครั้ง เรื่องประกันชีวิตนี้สามารถมอบโอกาสที่ดีกับชีวิตได้ซึ่งมาจากการเข้าถึงการรักษาที่รวดเร็ว ทันเวลา และดีที่สุด ซึ่งในปัจจุบันได้มีรูปแบบการทำประกันหลายประเภทแยกตามหมวดหมู่ของอาการ เช่น ประกันมะเร็ง ประกันโรคร้ายแรง หรือแม้แต่ ประกันสุขภาพ
แล้วประกันแต่ละประเภทมีความแตกต่างอย่างไร มาทำความรู้จักกับรูปแบบการทำประกันแต่ละประเภท รวมไปถึงขอบเขตการควบคุมความคุ้มครอง ที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ทำประกันได้มากที่สุด มิสเตอร์ คุ้มค่า จะเล่าให้ฟัง
รู้จักกับการทำ “ประกันสุขภาพ” “ประกันโรคร้ายแรง” และ “ ประกันมะเร็ง ” ในรูปแบบต่าง ๆ
ในปัจจุบันนี้การทำประกันไม่ได้จำกัดเพียงแค่การทำ “ประกันสุขภาพ” เพื่อการดูแลอาการเจ็บป่วยทั่วไปเท่านั้น แต่ยังขยายเพิ่มเติมต่อไปถึงการ “ประกันโรคร้ายแรง” และ “ ประกันมะเร็ง ” อีกด้วย ข้อแตกต่างก็คือ ความครอบคลุมของการทำประกันในแต่ละแบบนั้น แตกต่างกัน มาดูกันระหว่าง ประกันแต่ละแบบนั้นครอบคลุมการดูแลรักษาในรูปแบบใดกันบ้าง
1. ประกันสุขภาพ การคุ้มครองขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรมี
เชื่อว่าทุกคนคงคุ้นเคยกับการทำประกันสุขภาพกันมาแล้ว การประกันสุขภาพเป็นการสร้างหลักประกันในการรักษาโรคให้กับการเจ็บป่วยทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นกับเราอย่างฉับพลันทันด่วน ซึ่งในขณะนั้นเราอาจไม่มีเงินหมุนเวียนเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น แต่การทำประกันสุขภาพครอบคลุมไว้ ในยามเจ็บป่วยครั้งใดเราไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพื่อการรักษาพยาบาล เพราะระบบการประกันชีวิตจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แทนเรา “ตามวงเงินที่ได้ตกลงกันไว้ในกรมธรรม์” ทำให้คุณสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ โดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องค่าใช้จ่าย
2. ประกันโรคร้ายแรง ความใส่ใจเพิ่มเติมที่เพิ่มเข้ามาในการทำประกัน
การทำประกันชีวิตกับบางบริษัทจะมีส่วนเสริมเข้ามาว่า จะเลือกป้องกันโรคร้ายแรงหรือไม่ โดยส่วนใหญ่กว่า 90% ทุกคนเลือกที่จะตัดความคุ้มครองนี้ออกไปเพราะไม่ต้องการชำระเบี้ยประกันเพิ่ม นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะในเวลานี้ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าสถานการณ์ด้านการอนามัยในประเทศไทยเป็นอย่างไร ข้อมูลชี้ชัดเลยว่ามีผู้เจ็บป่วยและเสียชีวิตจากเหตุโรคร้ายแรงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
คำถามก็คือ ! แล้วอะไรล่ะคือโรคร้ายแรง ที่มีความคุ้มครองของประกันเข้ามาครอบคลุมด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทจะแบ่งโรคร้ายแรงออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ โรคร้ายแรงสำคัญห้าโรค ดังต่อไปนี้
- ● โรคหลอดเลือดสมองที่ต้องได้รับการผ่าตัดลอกหลอดเลือดแดงคาโรติด
- ● โรคมะเร็งระยะไม่ลุกลาม
- ● โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองที่รักษาโดยใช้ขดลวดผ่านสายสวนทางหลอดเลือด
- ● โรคหลอดเลือดสมองที่ได้รับการรักษาโดยวิธีใส่สายสวนเส้นเลือดแดงบริเวณคอ
เงื่อนไขการจ่ายเงินประกันในการตรวจเจอโรคเหล่านี้ บริษัทจะมีอัตราการจ่ายที่แตกต่างกันออกไป ผู้ซื้อประกันภัยจะต้องดูรายละเอียอตรงนี้ให้ดี ส่วนในอีกรูปแบบจะเป็นการทำประกันครอบคลุมโรคร้าย 45 ชนิด สามารถสรุปได้โดยง่ายคือ โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับความดันโลหิต โรคไต โรคเกี่ยวกับปอดสมอง และ โรคมะเร็ง บางรายการได้มีรูปแบบการทำประกันเฉพาะ ซึ่งเป็นที่มาของการทำ “ ประกันสำหรับกรณีโรคมะเร็ง ” ที่กำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นในขณะนี้
3. ประกันมะเร็ง ความคุ้มครองเฉพาะสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
เหตุที่ประกันมะเร็งเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นนั้น เป็นผลมาจากการเจ็บป่วยของคนไทยในโรคมะเร็งมีสูงขึ้นมาก ไปจนถึงได้เห็นจากคนใกล้ตัว เนื่องจากโภชนาการ การใช้ชีวิต ตลอดจน สารเคมีตกค้างจะสิ่งรอบด้าน ทั้งหมดส่งผลให้คนไทย “มีความเสี่ยง” ต่อการเป็นโรคมะเร็งเพิ่มมากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลการเจ็บป่วยมะเร็งนั้นสูงมาก เพราะทั้งในเรื่องของยาที่ต้องใช้ มีความเฉพาะเจาะจง รวมไปถึงการตรวจชิ้นเนื้อและการทำเคมีบำบัดที่บางกรณีมีค่าใช้จ่ายนับล้านบาท กลายเป็นปัญหาที่ทำให้คนไม่กล้าไปรักษาและต้องจมอยู่กับความเจ็บป่วยที่สร้างความเจ็บปวดให้กับคนที่เฝ้าอยู่ข้างหลังด้วย ดังนั้นการทำประกันมะเร็ง จึงเป็นหลักประกันที่จะนำคุณเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุด โดยที่ไม่ต้องกังวลในเรื่องค่ารักษาหรือผลกระทบต่อคนรอบข้างแม้แต่นิดเดียว
รูปแบบการทำประกันมะเร็งที่มีอยู่ในปัจจุบัน
สำหรับการทำประกันมะเร็งในเวลานี้มีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ การทำประกันในรูปแบบตรวจพบมะเร็งแล้วจึงจ่าย “เจอ จ่าย จบ” กับการทำประกันมะเร็งเพื่อการรักษาพยาบาลที่ถือเป็นการเพิ่มความคุ้มครองให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ใครบ้างที่ควรทำประกันมะเร็ง
สำหรับคนทั่วไปที่มีสุขภาพดีหรือคนในครอบครัวไม่มีประวัติเจ็บป่วยเกี่ยวกับมะเร็ง คงมองว่าการทำประกันมะเร็งเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น แต่ในความเป็นจริงกับรูปแบบการใช้ชีวิตในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ อีกทั้งยังมีโอกาสได้รับสารพิษหรือสารเคมีจากการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้การทำประกันมะเร็งจึงเป็นสิ่ง “จำเป็นสำหรับทุกคน” เป็นเหมือนการเตรียมการณ์เผื่อไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว
มีประกันสุขภาพ และ ประกันโคร้ายแรงอยู่แล้ว ควรทำประกันมะเร็งหรือไม่ ?
แม้ว่าเราจะมีประกันสุขภาพ หรือ ประกันโรคร้ายแรงต่าง ๆ แต่ถึงกระนั้นความคุ้มครองอาจได้ไม่เต็มที่ ทำให้เราต้องหาค่ารักษาพยาบาลมาเพิ่มเติม แต่การทำประกันมะเร็งที่มีอัตราการจ่ายเบี้ยประกันที่ต่ำมาก จะช่วยให้คุณมีความพร้อมต่อสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจด้วยความอุ่นใจอย่างที่สุด