“โทงเทงฝรั่ง” หรือ เคพกูสเบอร์รี่ (Cape Gooseberry) เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ขนาดเล็ก มีกลิ่นและรสชาติเฉพาะตัว มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมหาศาล เพราะอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารหลากหลาย เหมาะสำหรับทานเป็นของว่างเพื่อคุมน้ำหนัก รวมถึงป้องกันโรคร้ายแรงต่าง ๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังหาผลไม้ดี ๆ ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ตัวเองอยู่ล่ะก็ ไปทำความรู้จักผลไม้ชนิดนี้ให้มากขึ้นกัน
รู้จักกับ เคพกูสเบอร์รี่ กันสักหน่อย
เคพกูสเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากทวีปแอฟริกาใต้ อาทิ เปรู ชิลี เอกวาดอร์ บราซิล และโคลอมเบีย มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ (ทางวิทยาศาสตร์) ว่า Physalis Peruviana L. ซึ่งในปัจจุบันได้รับความนิยมไปทั่วโลก ไม่ว่าจะประเทศไหน ๆ ก็สามารถเพาะพันธ์ุผลไม้ชนิดนี้ได้ เนื่องจากเป็นผลไม้ที่เติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศอบอุ่น และในประเทศไทยของเรา ก็มีการเพาะพันธ์ุและวางจำหน่ายมาสักพักใหญ่ ๆ แล้วล่ะ
ความแตกต่างระหว่าง โทงเทงฝรั่ง vs โทงเทงไทย
หลายคนอาจจะเรียก และรู้จักในชื่อไทยๆ ว่า “โทงเทง” ต้องบอกก่อนว่าจริง ๆ แล้วประเทศไทย ก็มี “โทงเทง” เป็นของตัวเองด้วยเหมือนกัน ซึ่งเป็นโทงเทงสายพันธุ์ท้องถิ่น นับเป็น “วัชพืช” ที่ขึ้นง่าย มีลักษณะที่แตกต่างจากเคพกูสเบอร์รี่พอสมควร แถมในส่วนของรสชาติก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยของไทยจะมีสรรพคุณทางยา ดังนี้
- ช่วยลดอาการอักเสบในลำคอ
- ช่วยแก้ไข้ แก้หวัด ตัวร้อน
- ช่วยแก้เก็บคอ
- ช่วยขับเสมหะ แก้ไอ
แต่ในส่วนของ “โทงเทงฝรั่ง” หรือ “เคพกูสเบอร์รี่” จะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีลักษณะคล้ายกับมะเขือเทศ มีรสชาติค่อนไปทางเปรี้ยวปนหวานนิด ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนทานองุ่นกับมะเขือในเวลาเดียวกัน ในส่วนของสรรพคุณทางยาก็ไม่น้อยไปกว่าโทงเทงของไทยแม้แต่น้อย ดังนี้
- อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย
- มีวิตามินซีมากกว่าเลมอน 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคหวัดและโรคภูมิแพ้
- มีสารแคโรทีนอยด์ ช่วยป้องกันโรคร้ายแรง อย่างโรคมะเร็งและโรคหัวใจ
- มีวิตามินเอ ป้องกันอาการตาบอดในที่มืด
นอกจากนี้ก็ยังมีคุณค่าทางอาหารมากมาย หากเปรียบเทียบที่ 100 กรัม ร่างกายของคุณก็จะได้รับพลังงาน 53 กิโลแคลอรี, โปรตีน 1.90 กรัม, ไขมัน 0.70 กรัม และคาร์โบไฮเดรต 11.2 กรัมอีกด้วย
เคพกูสเบอร์รี่ ต้านมะเร็งได้อย่างไร ?
ด้วยความที่ผลไม้ชนิดนี้มีวิตามินสูงมาก นอกจากสรรพคุณช่วยในเรื่องโรคหวัดและภูมิแพ้แล้ว อีกด้านจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยังพบว่า เจ้าวิตามินซีในเคพกูสเบอร์รี่นี้ยังเข้าไปช่วยลดความเสี่ยงของร้ายแรง อย่างโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะมะเร็งที่มีความเสี่ยงสาเหตุมาจากการอักเสบ จึงเป็นหนึ่งในอาหารต้านมะเร็ง
หาซื้อเคพกูสเบอร์รี่ได้จากที่ไหน ?
สำหรับใครที่สนใจและต้องการรับประทานเคพกูสเบอร์รี่ สามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ ตามซูเปอร์มาเก็ตชั้นนำ ร้านค้าโครงการหลวง รวมถึง Golden Place ได้ตามสะดวก หรือถ้าหากคุณไปท่องเที่ยวทางภาคเหนือ หรือมีที่พักอาศัยใกล้เคียง ก็สามารถหาซื้อได้มากกว่าท้องที่อื่น ๆ โดยราคาจัดจำหน่ายจะอยู่ที่ประมาณ 60-100 บาท ขึ้นอยู่สถานที่จำหน่ายนั้น ๆ เป็นสำคัญ หรือบางที่ก็จะมีการแบ่งเป็นกล่องเล็ก ๆ ประมาณ 40-50 บาท หากคุณต้องการลองชิมรสชาติดูก่อน ก็สามารถเลือกซื้อกล่องเล็กก่อนได้เลย
เพิ่มความอร่อยให้มากขึ้น ด้วยเมนูอาหารต้านมะเร็ง “เคพกูสเบอร์รี่โยเกิร์ตสมูทตี้”
เคพกูสเบอร์รี่ก็เหมือนกับผลไม้ชนิดอื่น ๆ ที่สามารถนำมาดัดแปลงเป็นเมนูต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความอร่อยให้มากขึ้น โดยเฉพาะการนำมาทำเมนูคลายหิว พลังงานน้อย แต่อิ่มกำลังดี อย่างเมนู “เคพกูสเบอร์รี่โยเกิร์ตสมูทตี้” โดยส่วนประกอบต่าง ๆ ก็หาซื้อได้ง่าย ๆ ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป แต่อาจจะต้องมีเครื่องปั่นติดบ้านไว้สักหน่อย เพื่อความสะดวกในการรังสรรค์เมนู
ส่วนผสมเมนูเคพกูสเบอร์รี่โยเกิร์ตสมูทตี้
- เคพกูสเบอร์รี่ 50 กรัม (สามารถใส่เพิ่มได้ตามความชื่นชอบ) ให้พลังงาน 27 kcal
- นมขาดมันเนย 80 กรัม ให้พลังงาน 36 kcal
- โยเกิร์ต 0% fat รสวุ้นมะพร้าว 1 ถ้วย ให้พลังงาน 80 kcal
- น้ำผึ้ง 1/2 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 32 kcal
- เกลือ (ใส่ปริมาณเล็กน้อย)
- น้ำมะนาว 1/2 ลูก ให้พลังงาน 10 kcal
- น้ำแข็ง (ตามความชื่นชอบ)
วิธีทำเคพกูสเบอร์รี่โยเกิร์ตสมูทตี้
สำหรับวิธีการรังสรรค์เมนูแสนอร่อยก็ไม่มีขั้นตอนไหนยุ่งยากเลย โดยมีรายละเอียดดังนี้
- 1. นำเคพกูสเบอร์รี่มาแยกเปลือกออกให้เรียบร้อย หลังจากนั้นนำไปล้างทำความสะอาด และหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้ปั่นง่ายขึ้น
- 2. เติมส่วนผสมต่าง ๆ ลงไป อาทิ โยเกิร์ต นมขาดมันเนย น้ำผึ้ง มะนาว เกลือ และตามด้วยน้ำแข็ง
- 3. หลังจากนั้นก็ทำการปั่นให้ส่วนผสมทั้งหมดกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
- 4. เทให้แก้วพร้อมตกแต่งตามความชื่นชอบ (หรือไม่ตกแต่งก็ได้)
เพียงเท่านี้คุณก็จะได้เมนูที่แสนอร่อย และให้คุณประโยชน์อย่างมากมายกันเลยทีเดียว สำหรับแก้วนี้ ให้พลังงานเพียง 185 กิโลแคลอรีเท่านั้น เหมาะสำหรับใช้เป็นเครื่องดื่มเพิ่มพลังก่อนออกกำลังกาย หรือเครื่องดังรีบูทหลังออกกำลังกาย รวมถึงรับประทานเป็นของว่างก็ได้ เห็นไหมล่ะว่าประโยชน์เหลือเฟือขนาดไหน !
*หมายเหตุ: สามารถใส่เคพกูสเบอร์รี่ได้ตามความชอบ แต่อย่าลืมว่าผลไม้ชนิดนี้มีฤทธิ์ช่วยในการขับถ่ายด้วย หากไม่อยากวิ่งเข้า-ออกห้องน้ำทั้งวัน ก็ควรจะยั้งมือกันสักเล็กน้อย
หากรับประทานเคพกูสเบอร์รี่ในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้ได้รับสารอาหารและคุณประโยชน์ต่าง ๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่อย่าได้พลาดรับประทานตอนที่ยังไม่สุกดีเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ “สารพิษตกค้าง” รวมถึงเกิดความผิดปกติในร่างกาย เช่น ปวดท้อง หรือท้องเสียได้ง่าย ๆ และถ้าหากคุณเป็นกังวลในเรื่องของ “โรคมะเร็ง” นอกจากเลือกรับประทานของดี มีประโยชน์แล้ว อย่าลืม “ซื้อประกันมะเร็ง” เอาไว้ด้วยล่ะ เพียงเท่านี้ชีวิตของคุณก็จะง่ายขึ้นแล้ว แต่ถ้าหากไม่รู้จะซื้อกับที่ไหน MrKumka ช่วยคุณได้ !