สำหรับยอดผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศญี่ปุ่นที่สูงมาก เพิ่มขึ้นวันละหลักแสน ทำให้คนญี่ปุ่นรู้สึกตื่นกลัวและหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น นอกจากเรื่องสวมหน้ากากอนามัยอยู่ตลอด หมั่นล้างมืออยู่เสมอแล้ว ชาวญี่ปุ่นยังดูแลตัวเองจากสิ่งที่รับประทานด้วยเช่นกัน คือการรับประหาร “สารอาหาร” ที่มีส่วนช่วยในการป้องกันและบรรเทาความรุนแรง ของการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน สารอาหารที่ว่ามีอะไรบ้าง MrKumka จะมาเล่าให้ฟัง
สารอาหารที่คนญี่ปุ่นนิยมประทานเพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด
“สารอาหาร” ที่คนญี่ปุ่นนิยมรับประทานเพื่อการดูแลสุขภาพ ตนเองและคนในครอบครัว ในช่วงสถานการณ์ที่โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน มีทั้งหมด 5 สารอาหารดังต่อไปนี้
-
1. วิตามินเอ
วิตามินเอ ช่วยดูแลสุขภาพ ในเรื่องของการ “เสริมสร้างความแข็งแรง” ของเยื่อเมือกที่หลอดลมและผิวหนัง ขึ้นชื่อว่าเป็นวิตามินที่ช่วยต้านการติดเชื้อไวรัส และแบคทีเรียได้เป็นอย่างดี สำหรับอาหารที่อุดมไปด้วย วิตามินเอ ได้แก่ ชีส บร็อคโคลี่ ไข่ ตำลึง ผักบุ้ง ฟักทอง แครอท ผักคะน้า มันเทศ รวมถึงผลไม้ที่มีสีเหลือง-ส้ม อาทิ แคนตาลูป มะม่วงสุก และมะละกอ
-
2. วิตามินซี
วิตามินซี มีคุณสมบัติในเรื่อง “ขจัดสารอนุมูลอิสระ” ที่เข้าไปทำลายเยื่อบุผิวหนังในร่างกาย แถมยังช่วยขจัดสารเคมีแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย ที่สำคัญ ! ช่วย “สร้างภูมิคุ้มกัน” ของร่างกายให้แข็งแรง สำหรับอาหารที่อุดมไปด้วย วิตามินซี ได้แก่ เกรปฟรุต ส้ม สตอร์เบอร์รี่ พริกหวาน บร็อคโคลี่ เป็นต้น
-
3. วิตามินดี
วิตามินดี ช่วย “เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก” ช่วยควบคุมและช่วยให้การทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันดี สำหรับอาหารที่อุดมไปด้วย วิตามินดี ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาทู ปลาซาร์ดีน เห็ดหอมแดง ไข่แดง น้ำมันตับปลาคอต และนม รวมไปถึงการตากแดดวันละ 30 นาที จะช่วยให้ร่างกายสร้าง วิตามิน ดี ได้เช่นกัน
-
4. วิตามินอี
วิตามินอี ช่วย “กระตุ้น” การทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันดี และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันเซลล์ จากการถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระ สำหรับอาหารที่อุดมไปด้วย วิตามินอี ได้แก่ ถั่วลิสง ถั่วอัลมอนด์ ถั่ววอลนัท อะโวคาโด มันเทศ เมล็ดทานตะวัน จมูกข้าวสาลี และผักปวยเล้ง
-
5. แร่ธาตุสังกะสี (Zinc)
สำหรับแร่ธาตุสังกะสี ถือเป็นแร่ธาตุที่ “จำเป็น” สำหรับการเจริญและการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน แถมยังช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ถูกทำลาย จากปฏิกิริยาออกซิเดชัน สำหรับอาหารที่อุดมไปด้วย แร่ธาตุสังกะสี ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อหมู ปู กุ้ง หอยนางรม ปลาซาร์ดีน ผักคะน้า ธัญพืชหรือผลิตภัณฑ์จากธัญพืช หน่อไม้ฝรั่ง ไข่ และผลิตภัณฑ์จากนม
ด้วยค่านิยมที่พ่อแม่ชาวญี่ปุ่นไม่สนับสนุนให้เด็กเล็กฉีดวัคซีน แม้จะมีการอนุมัติให้ฉีดในเด็กวัย 5-11 ปีได้แล้ว ดังนั้นการดูแลสุขภาพจากการเลือกอาหารการกิน จึงเป็นปัจจัยที่พ่อแม่ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ รวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียดจนเกินไป พร้อมกับออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ล้วนเป็นสิ่งที่จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย ให้พร้อมสู้กับไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตามถ้าหากคุณรับประทานสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการป้องกันและบรรเทาความรุนแรงจากการติดเชื้อโควิด19 แต่ไม่วายเกิดอาการสุ่มเสี่ยงจากโรคร้ายนี้ สามารถตรวจหาเชื้อได้ง่าย ๆ ตามสถานพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันมี 2 ประเภท คือ
-
1. RT-PCR (Reverse Transcriptase Polymerase Chain Reaction)
RT-PCR คือ วิธีการตรวจหาเชื้อไวรัสจากการใช้เอนไซม์ Reverse Transcriptase เปลี่ยน RNA ของไวรัส SARS-CoV-2 ให้เป็น DNA หลังจากนั้นจะใช้เครื่องเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรม “คัดลอก” ชิ้นส่วน DNA ของไวรัสให้มีปริมาณมากพอที่จะวิเคราะห์ DNA ได้
สำหรับวิธีการตรวจด้วยวิธี RP-PCR สามารถตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อได้โดยตรง แม้ว่าในร่างกายจะมีประมาณเชื้อที่น้อยนิดก็ตาม รวมถึงในกรณีที่ติดเชื้อจนเริ่มดีขึ้นแล้วยังสามารถตรวจพบ “ซากเชื้อ” ได้เช่นกัน ซึ่งถือเป็นวิธีที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ เนื่องจากมีความแม่นยำสูง
-
2. Rapid Test
Rapid Test คือ การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 จากการใช้ “ชุดทดสอบ” ที่มีความรวดเร็ว ราคาจะถูกกว่าการตรวจแบบ RT-PCR แต่จะมีความจำเพาะและความแม่นยำ “น้อยกว่า” ซึ่งในปัจจุบันชุดตรวจ Rapid Test มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ
-
Antigen Test Kit (ATK)
ชุดตรวจ atk หรือ ชุดทดสอบสำหรับตรวจหาแอนติเจนของเชื้อไวรัส ในสารคัดหลั่งทางโพรงจมูก ทราบผลได้เร็วแต่มีความแม่นยำน้อยกว่า RT-PCR เหมาะสำหรับผู้ที่ “เริ่มมีอาการ” หากใช้ในตอนที่มีเชื้อไม่มากพอ ผลอาจจะเป็นลบได้ หรือหากเคยติดเชื้อจนภูมิคุ้มกันจัดการเชื้อได้หมด สามารถส่งให้ผลเป็นลบเช่นเดียวกัน
-
Rapid Antibody Test
ชุดทดสอบสำหรับตรวจเลือดเพื่อหาแอนติบอดี ชนิด IgG และ IgM ที่ร่างกายสร้างขึ้นเมื่อได้รับเชื้อ เหมาะกับการตรวจหลังจากได้รับเชื้อมาแล้ว 7 วันขึ้นไป เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายสร้างแอนติบอดีแล้ว หากตรวจในช่วง 1-5 วันแรก ผลอาจจะเป็นลบได้
-
แม้ปัจจุบันโควิด19 สายพันธุ์โอมิครอน จะสามารถหายได้เองและไม่มีอาการรุนแรงเหมือนกับสายพันธุ์ก่อนหน้า แต่ถึงอย่างไร Long Covid ยังน่ากลัวกว่าที่หลายคนคิด ! แถมบางคนยังใช้เวลานานหลายเดือนกว่าร่างกายจะกลับมาเป็นปกติ ถึงจะไม่มีเชื้อหลงเหลืออยู่แล้วหลังรักษาหาย ดังนั้นการรับประทานสารอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงรักษาระยะห่างทางสังคม จะช่วยให้คุณปลอดภัยและห่างไกลจากเชื้อไวรัสตัวร้ายได้ในระดับหนึ่ง ! รวมไปถึงการมีออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเผื่อไว้ด้วย เผื่อไว้เวลาที่คุณติดเชื้อโควิดขึ้นมา จะได้ไม่ต้องปวดหัวกับค่ารักษา