ทุกช่วงชีวิตของคนเรามักมี “ค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้คาดเอาไว้” เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แล้วคุณเคยตั้งคำถามกับตัวเองไหมว่า เงินสํารองฉุกเฉิน ควรมีเท่าไหร่ ถึงจะพอใช้จ่ายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หลายคนไม่ได้วางแผนการเงินในส่วนนี้เอาไว้ ทำให้พบกับปัญหากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จนในบางครั้งต้องไปหาหยิบยืมจากคนอื่น หากคุณไม่ต้องการพบเจอกับปัญหาดังกล่าว เราได้รวบรวมเคล็ดลับดี ๆ มาบอกต่อคุณเรียบร้อยแล้ว ไปดูกันเลย !
เรื่องเงินต้องรู้ ! ว่าด้วย เงินสํารองฉุกเฉิน ควรมีเท่าไหร่
“เงินสำรองฉุกเฉิน” ถ้าจะให้ดีควรมี 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน หรือพูดง่าย ๆ ว่าหากคุณต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ต้องใช้เงินกะทันหัน คุณจะยังมีเงินพอใช้อีกประมาณ 3-6 เดือนแบบไม่ขัดสนเลยสักนิด
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เช่น ในแต่ละเดือนคุณมีรายได้อยู่ที่ 15,000 บาท และมีค่าใช้จ่ายต่อเดือน 12,000 บาท จำเป็นจะต้องมีเงินสำรองฉุกเฉินประมาณ 36,000-72,000 บาท เพื่อนำมาใช้จ่ายในสถานการณ์เร่งด่วน
แนะวิธีปฏิบัติก่อนเก็บเงินฉุกเฉิน
หากคุณสนใจและต้องการเก็บเงินสำรองฉุกเฉิน ให้เริ่มจาก “หักรายได้” มาก่อนเลยคิดเป็น % ก็ได้ ถ้ายังไม่รู้ว่าจะต้องดึงค่าใช้จ่ายส่วนไหนมาออก ให้ดูค่าใช้จ่ายประจำดังนี้
- ค่าใช้จ่ายรายเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต
- ค่าผ่อนสินเชื่อเงินกู้
- ค่าผ่อนบัตรเครดิต
ทั้งหมดนี้คือ “ค่าใช้จ่ายที่สามารถควบคุมได้” ด้วยการติดต่อธนาคารหรือเจ้าหนี้ เพื่อดำเนินการยืดระยะเวลาในการผ่อนชำระ เพื่อให้คุณจ่ายค่างวดน้อยลง สำหรับแบ่งเงินมาเก็บในบัญชีเงินฉุกเฉินนั่นเอง
“ความสำคัญ” ของเงินสำรองฉุกเฉิน ที่คุณอาจเผลอมองข้ามไป
“เงินสำรองฉุกเฉิน” นับเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก ๆ แต่น่าแปลกใจที่หลายคนมักมองข้ามเรื่องนี้ไป ซึ่งเงินสำรองฉุกเฉินเป็น “เงินเก็บ” ที่สามารถนำออกมาใช้จ่ายได้ทันทีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น เข้าโรงพยาบาล ตกงาน ซ่อมรถ หรือเกิดอุบัติเหตุ
โดยเงินในส่วนนี้จะต้องมีสภาพคล่องค่อนข้างสูง เช่น บัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือหน่วยลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ สภาพคล่องสูง สามารถนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ ได้ภายในระยะเวลา 1-2 วัน หากคุณสามารถวางแผนการเงินของเงินก้อนนี้ได้เป็นอย่างดี สถานะทางการเงินของคุณจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ อย่างแน่นอน
เงินสำรองฉุกเฉินควรเอามาใช้ตอนไหน ?
ขอย้ำอีกครั้งว่า “เงินสำรองฉุกเฉิน” คือเงินที่สามารถเอาออกมาใช้ได้ทันที ซึ่งส่วนใหญ่มักนำออกมาใช้ในตอนที่ “จำเป็น” จริง ๆ ดังนี้
ตรวจพบโรคร้ายที่ต้องรักษา
การตรวจพบโรคร้ายแรงที่ต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน แน่นอนว่าจะมีค่าใช้จ่ายในเรื่อง “ค่ารักษาระยะยาว” ตามมาอย่างแน่นอน เงินสำรองฉุกเฉินจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้ซื้อประกันโรคร้ายเอาไว้เลย เพราะจะช่วยให้คุณไม่ต้องแบกรักภาระค่ารักษาจนหลังแอ่น
ขาดรายได้กะทันหัน
กรณีที่คุณถูกเลิกจ้างกะทันหัน หมายความว่ารายได้คงที่ที่ได้รับในแต่ละเดือนได้หายไปแล้ว การนำเงินสำรองฉุกเฉินออกมาใช้ในช่วงเวลานี้ นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยเพิ่มสภาพคล่อง หมดกังวลเรื่องรายได้ขาดมือได้เป็นอย่างดี สามารถนำมาจุนเจือและหมุนเวียนระหว่างหางานใหม่ได้สักระยะ
ประสบอุบัติเหตุ
“อุบัติเหตุ” นำพามาซึ่งค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดมากมาย โดยเฉพาะ “ค่ารักษา” ที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ยิ่งถ้าหากต้องนอนพักรักษาในโรงพยาบาล (ผู้ป่วยใน) ด้วยแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าค่าใช้จ่ายบานปลายอย่างแน่นอน หากคุณไม่ได้ซื้อประกันอุบัติเหตุเอาไว้ แต่มีเงินสำรองฉุกเฉินอยู่ ก็จะช่วยให้คุณผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี
ขาดสภาพคล่อง ไว้ใจให้สินเชื่อรถยนต์ บัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด ดูแลคุณ
กรณีที่คุณไม่ได้วางแผนในส่วนของเงินสำรองฉุกเฉินเอาไว้ตั้งแต่แรก และเมื่อเข้าตาจน ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร สินเชื่อรถยนต์ บัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด นับเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ดีเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์ MrKumka “ทางเลือก” สำหรับเจ้าของรถที่ต้องการกู้เงินธนาคาร เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินหรือลดภาระด้านอื่น ๆ ก็สามารถนำรถยนต์มา “ขอวงเงินสินเชื่อรถยนต์” ได้ โดยมีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบโอนเล่มทะเบียน และแบบจำนำเล่มทะเบียน
“ข้อดี” ของสินเชื่อรถยนต์ MrKumka
ด้วยความที่ในปัจจุบันมีบริษัทสินเชื่อเปิดให้บริการมากมาย อาจทำให้คุณเกิดความสับสน และไม่รู้ว่าจะเลือกขอวงเงินสินเชื่อกับที่ไหนดี เราจึงได้รวบรวม “ข้อดี” ของสินเชื่อรถยนต์ MrKumka มาให้คุณนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจ ดังนี้
- สามารถปรับเปลี่ยนวงเงิน และระยะเวลาในการผ่อนชำระได้
- สามารถเช็กวงเงินสูงสุดได้ด้วยตัวเอง
- สามารถสมัครสินเชื่อรถยนต์ออนไลน์ได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์
จะเห็นได้ว่า “เงินสำรองฉุกเฉิน” นับเป็นเงินก้อนใหญ่ที่มีความสำคัญมาก ๆ ควรวางแผนการเงินส่วนนี้ให้ดี และอย่าได้คิดนำมาออกมาใช้สุรุ่ยสุร่ายเด็ดขาด แต่ในกรณีที่คุณพลาดหรือไม่ได้แบ่งเงินส่วนนี้เอาไว้เลย “สินเชื่อรถยนต์ MrKumka” นับเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ เพียงแค่นำรถยนต์ไปแลกวงเงินสินเชื่อ ก็จะช่วยให้คุณมีเงินก้อนไปใช้จ่ายในสถานการณ์คับขัน หรือเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ ! ยังสามารถใช้งานรถยนต์ได้ตามปกติ ผ่อนชำระสบาย แถมวงเงินที่ได้รับก็เป็นที่น่าพึงพอใจ เช็กวงเงินสินเชื่อได้แล้ววันนี้ คลิกเลย MrKumka.com