อย่างที่ทุกคนพอจะทราบกันว่า รีไฟแนนซ์รถ คือการ “ลดภาระดอกเบี้ย” รวมถึงค่างวดในการผ่อนชำระให้กับเจ้าของรถ ซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ว่าการรีไฟแนนซ์รถ ก็มีค่าใช้จ่ายที่คุณจะต้องรับผิดชอบเช่นกัน Mrkumka จึงได้รวบรวมการเตรียมตัวและเตรียมเงิน เพื่อไม่ให้เกิดอุปสรรคในตอนยื่นขอรีไฟแนนซ์ มาให้คุณได้ทำความเข้าใจเรียบร้อยแล้ว โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
รีไฟแนนซ์รถ คืออะไร
การรีไฟแนนซ์รถ คือ การนำรถยนต์ (สินทรัพย์) มาเป็นหลักค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งเหมือนกับการออกรถป้ายแดงในตอนแรกนั่นเอง แต่สำหรับรถยนต์ใช้แล้วที่ต้องการ “รีไฟแนนซ์” ทางธนาคารหรือสถาบันการเงิน จะมีการประเมินสภาพรถ ณ ปัจจุบัน โดยอ้างอิงกับราคากลางของรถรุ่นนั้น ๆ ว่าอยู่ในระดับใด
เรียกได้ว่าเป็นการ “ลดต้นทุนการเงิน” ที่ตอบโจทย์ผู้ที่มีภาระหนี้ที่เหลือไม่น้อยกว่า 3-5 ปี สามารถขอรีไฟแนนซ์กับสถาบันเดิมได้ แต่ต้องสอบถามรายละเอียดให้ดี โดยเฉพาะในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยว่าช่วยลดภาระให้คุณได้จริงหรือไม่ หรือจะเปลี่ยนแหล่งเงินกู้ก็ได้ หากมีธนาคารหรือสถาบันการเงินใหม่ ๆ ที่ให้อัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า
รีไฟแนนซ์รถ มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ?
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เรารวบรวมมาให้คุณ มีทั้งหมด 5 ส่วนด้วยกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ค่าจัดสินเชื่อ
สิ่งแรกที่คุณต้องจ่ายคือ “ค่าจัดสินเชื่อ” โดยจะต้องจ่ายให้กับสถาบันการเงินแห่งใหม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับธนาคารหรือสถาบันการเงินที่คุณยื่นขอสินเชื่อ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 1% ของวงเงินกู้ทั้งหมด แนะนำให้เปรียบเทียบรายละเอียดในส่วนนี้ของแต่ละแห่งให้ดี เพราะบางธนาคารหรือบางสถาบันการเงิน อาจมี “โปรโมชั่น” เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ด้วย
2. ค่าปรับกรณีคืนเงินกู้ก่อนกำหนด
ก้อนที่สองที่คุณจำเป็นต้องจ่ายคือ “ค่าปรับ” โดยจ่ายให้กับสถาบันการเงินแห่งเดิม ซึ่งเป็นเพราะว่าสถาบันนั้น ๆ ต้องแบกรับ “ความเสียเปรียบ” ในด้านอัตราดอกเบี้ยระยะอันเนื่องมาจากคุณปิดยอดก่อนกำหนด ส่วนใหญ่จะคิดในอัตราไม่เกิน 2% ของวงเงิน
3. ค่าประเมินราคาหลักประกัน
ในส่วนนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่คุณต้องจ่ายให้กับสถาบันการเงินแห่งใหม่ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1,500 บาท - 0.25% ของราคาประเมิน เช่น หากสถาบันการเงินประเมินราคารถยนต์ของคุณได้ 300,000 บาท คุณจะต้องจ่ายค่าประเมินราคาหลักประกัน 1,500 - (300,000 x 0.25/100) = 750 บาท
4. ค่าอากรแสตมป์
ค่าอากรแสตมป์เป็นค่าใช้จ่ายที่ขาดไม่ได้ ในการนำรถรีไฟแนนซ์ โดยส่วนใหญ่จะจ่ายที่ประมาณ 0.5% ของวงเงินกู้ที่ได้จากการรีไฟแนนซ์นั่นเอง
5. ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ในส่วนนี้เป็นค่าจิปาถะอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการรีไฟแนนซ์ แต่ก็แฝงมาในขั้นตอนการรีไฟแนนซ์ เช่น ค่าเสียเวลา ค่าเดินทาง ค่าน้ำมันรถ ค่าอาหารการกิน เป็นต้น ขึ้นอยู่กับว่าการดำเนินการในส่วนนี้ใช้เวลามากน้อยแค่ไหน ซึ่งขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวของคุณด้วย
เมื่อรู้แล้วว่าค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์มีอะไรบ้าง นอกจากจะต้องเตรียมเงินให้พร้อม ยังต้องศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วนซะก่อน ว่าคุ้มค่าและช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้คุณจริงหรือไม่ หากมองแล้วว่าสามารถตอบโจทย์ได้ การยื่นรีไฟแนนซ์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์
อยากรีไฟแนนซ์รถแต่ยังผ่อนไม่หมด ทำได้หรือไม่ ?
เชื่อว่าหลายคนคงมีคำถามในเรื่องนี้พอสมควร สำหรับรถยนต์ที่ยังคงผ่อนอยู่จะสามารถกู้อีกรอบได้ไหม ? ตอบตรงนี้เลยว่า “กู้ได้” ส่วนใหญ่สถาบันการเงินหรือธนาคารต่าง ๆ จะรับรถยนต์ที่ผ่อนไปแล้ว “อย่างน้อย” 50% ของสัญญา เช่น รถยนต์ของคุณมีระยะเวลาผ่อนค่างวดทั้งหมด 6 ปี และคุณผ่อนค่างวดไปแล้ว 3 ปี ก็สามารถยื่นรีไฟแนนซ์ได้
ก่อนจะรีไฟแนนซ์ต้องพิจารณา 3 ข้อนี้ !
การรีไฟแนนซ์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ใช่การมองที่ “วงเงินกู้” เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ด้วย
1. วงเงินที่ได้ต้องครอบคลุมเงินที่ต้องการใช้จ่าย
จุดประสงค์หลักของการรีไฟแนนซ์ก็คือ “เงินก้อน” ที่สามารถนำไปใช้กรณีเร่งด่วน หรือนำไปเพิ่มสภาพคล่องให้กับตัวเองให้มากขึ้น ดังนั้นควรเช็กวงเงินเบื้องต้นให้ครอบคลุมจำนวนเงินที่คุณต้องการ แต่อย่าขอวงเงินที่สูงเกินความจำเป็น เพราะวงเงินดังกล่าวก็คือ “หนี้” ที่คุณจะต้องแบกรับต่อไปในอนาคต
2. ค่างวดควรผ่อนสบายกว่าเดิม
นอกจากการได้รับวงเงินที่ครอบคลุมแล้ว “ค่างวด” หลังรีไฟแนนซ์ ควรมีสัดส่วนที่น้อยลงกว่าเดิม หรือใกล้เคียงกับค่างวดก่อนหน้าเท่านั้น เพื่อที่คุณจะได้นะเงิน “ส่วนต่าง” จากการรีไฟแนนซ์ไปใช้ประโยชน์ต่อได้
3. อัตราดอกเบี้ยคุ้มค่ากว่าหนี้ก้อนเก่า
หลายคนเลือกรีไฟแนนซ์เพื่อต้องการ “ปิดหนี้” จากอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูง หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่แบกรับภาระในส่วนนี้มากจนเกินไป และต้องการหาทางออกเพื่อลดภาระของตัวเองให้น้อยลง แนะนำให้มองหาไฟแนนซ์ที่มีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือต่ำกว่าดอกเบี้ยจากยอดหนี้เดิม เพื่อให้การรีไฟแนนซ์เกิดประโยชน์สูงสุด
การรีไฟแนนซ์ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม หากต้องการ “เปลี่ยนรถให้กลายเป็นเงินก้อน” สำหรับหมุนเวียนค่าใช้จ่ายในแต่ละวันให้คล่องขึ้น นอกจากจะต้องเตรียมเอกสารแล้ว จำเป็นจะต้องเตรียมค่าใช้จ่ายที่เราบอกไปเมื่อข้างต้นเอาไว้ด้วย ในกรณีที่คุณไม่รู้ว่าจะรีไฟแนนซ์กับที่ไหนดี เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของคุณอย่างครอบคลุม เราขอแนะนำ MrKumka เราพร้อมให้คำปรึกษาเพื่อทุกคำตอบ เช็กวงเงินรีไฟแนนซ์ ค่าธรรมเนียม และอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นได้ตลอดเวลา คลิกเลยที่ MrKumka.com