เกิดอะไรขึ้น ทำไมรถถึงเกิดอาการเครื่องยนต์สั่น ป้องกันยังไงได้บ้าง ?

อาการเครื่องยนต์สั่น เกิดจากอะไรได้บ้าง ?

สำหรับอาการเครื่องยนต์สั่น หลายคนอาจมองว่าเป็นปัญหาที่ดูไม่ร้ายแรงมาก เป็นเพียงสัญญาณเตือนว่าเครื่องยนต์มีปัญหาเพียงเล็กน้อย บอกไว้เลยว่าไม่ควรปล่อยไว้เด็ดขาด ควรเช็คให้แน่ใจ ซึ่งอาการต่าง ๆ เกิดจาก ‘สาเหตุ’ ไหนได้บ้าง ? ตามไปดูกันเลย

• 1. ท่อ Vacuum รั่ว

  ท่อ Vacuum มีหน้าที่จุดระเบิด หากท่อเกิดอาการรั่วอาจทำให้เครื่องยนต์สั่นได้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในช่วงรอบเดินเครื่องต่ำ จะทำให้เกิดอาการสั่นมากปกติจนผู้ขับขี่รู้สึกได้

• 2. ยางแท่นเครื่องเสื่อมสภาพ

  สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เครื่องยนต์สั่น คือ ยางแท่นเสื่อมสภาพ เนื่องจากยางแท่นมีหน้าที่ดูดซับแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ หากเสื่อมสภาพจะทำให้ดูดซับแรงสะเทือนได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้เกิดอาการสั่นเมื่อเดินรอบเครื่องต่ำ

  แม้ว่าการเร่งเครื่องให้รอบสูงขึ้น จะทำให้อาการดังกล่าวหายไป แต่ก็ไม่ใช่วิธีแก้ถาวร ดังนั้นหากยางแท่นเสื่อมสภาพควรเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ เพราะถือเป็นวิธีแก้ที่ดีที่สุดนั่นเอง

  วิธีเช็คยางแท่นเครื่องที่ถูกต้อง ควรทำยังไง ?

  อย่างที่ทราบกันดีว่า ‘ยางแท่นเครื่อง’ เมื่อเกิดการเสื่อมสภาพ จะทำให้เกิดอาการเครื่องยนต์สั่นตามมา หากคุณต้องการสังเกตเพื่อป้องกันเครื่องยนต์มีปัญหา มิสเตอร์ คุ้มค่า ลิสต์รายละเอียดที่เป็นประโยชน์มาให้แล้ว ตามไปดูกันเลย

  1. เช็คด้วยการสังเกต

     • เช็คว่ายางแท่นเครื่องมีรอยแตกหรือมีแผลหรือไม่
     • เช็คว่ามีการยืดหยุ่นอย่างเหมาะสมหรือไม่ หากยืดหยุ่นง่ายแสดงว่ายังไม่เสื่อมสภาพ

  2. เช็คด้วยการใช้เครื่องมือ

     • ใช้แทนช์เครื่องยนต์ในการเช็คว่ายางแท่นเครื่องเสื่อมสภาพหรือไม่ ด้วยการเคลื่อนย้ายแทนช์เครื่องยนต์ไปมา หากมีเสียงดังหรือรู้สึกเครื่องยนต์สั่น แสดงว่ายางแท่นเครื่องเสื่อมสภาพแล้ว
     • ใช้ก้านเช็คยางแท่นเครื่อง เพื่อตรวจสอบ ‘ระยะห่าง’ ระหว่างยางแท่นเครื่องกับเครื่องยนต์ หากระยะห่างมีค่ามากกว่าปกติ แนะนำให้นำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อรับการตรวจสอบอย่างถูกต้องและตรงจุด

• 3. ลิ้นปีกผีเสื้ออุดตันหรือสกปรก

  อาจเกิดจาก ‘คราบเขม่า’ อุดตัน โดยลิ้นปีกผีเสื้อมีหน้าที่ควบคุมอาการเผาไหม้ หากเกิดอุดตันขึ้นมา นอกจากจะทำให้เครื่องยนต์สั่นแล้ว ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้รถยนต์กินน้ำมันมากกว่าปกติด้วย

  หากเกิดปัญหาในส่วนนี้ มีวิธีแก้ไขง่าย ๆ เพียงถอดปีกผีเสื้อออกมาล้าง หรือหากไม่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์ แนะนำให้เข้าอู่เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการจะดีกว่า นอกจากจะแก้ไขได้อย่างตรงจุดแล้ว ยังช่วยป้องกันปัญหาอื่น ๆ ที่อาจตามมาด้วย

• 4. หัวเทียนชำรุด

  เมื่อหัวเทียนทำงานไม่สมบูรณ์ มีหัวเทียบสูบใดสูบหนึ่งไม่ทำงาน (สังเกตได้จากสัญลักษณ์เครื่องยนต์มีปัญหา บนหน้าปัดรถยนต์) ก็ทำให้เครื่องยนต์สั่นได้เช่นกัน แนะนำให้เช็คสภาพหัวเทียนด้วยการสังเกตลักษณะภายนอก หากเห็นว่าหัวเทียนดำและแห้ง แสดงว่ามีคราบน้ำมันเกาะหนา

  แต่ถ้าหากหัวเทียนเปียก หมายความว่าลูกสูบสึกหรอหรือหลวม หากหัวเทียนไหม้แสดงว่าอุณหภูมิสูงเกินไป และถ้ามีคราบขาวจับแสดงว่าไฟอ่อนเกินไป เมื่อไหร่ก็ตามที่พบว่าหัวเทียนมีสภาพต่าง ๆ ดังกล่าว ควรเปลี่ยนหรือซ่อมเพื่อให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ

• 5. มอเตอร์ควบคุมรอบเดินเบาหรือไอเดิล วาล์วสกปรก

  ไอเดิล วาล์ว ทำหน้าที่ควบคุมรอบเดินเบารถ หากเกิดสกปรกหรือเกิดการอุดตันจะทำให้เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ สั่น และเร่งเครื่องได้ช้า นอกจากจะสร้างความรำคาญแล้ว ยังทำให้ขับขี่ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพด้วย

• 6. หัวฉีดรถยนต์สกปรก

  กรณีที่หัวฉีดรถยนต์หรือปั้มหัวฉีดรถยนต์สกปรก ก็อาจทำให้เครื่องยนต์สั่นได้เช่นกัน วิธีแก้คือเติมสารล้างหัวฉีดรถยนต์ที่หาซื้อได้ตามปั๊มน้ำมันทั่วไป จากนั้นเติมสารดังกล่าวลงในน้ำมัน อัตราส่วน 1 ชวดต่อน้ำมันเต็มถัง

  หรือจะนำรถเข้าศูนย์เพื่อถอดล้างปั๊มหัวฉีดรถยนต์ก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังควรสังเกตหัวฉีดรถยนต์เสีย อาการเป็นอย่างไร คอยตรวจดูอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันปัญหาอื่น ๆ ที่อาจตามมาในภายหลัง

ต้องบอกก่อนว่าปัญหาเครื่องยนต์สั่น เป็นปัญหาจุกจิกที่สามารถเกิดขึ้นได้แทบกับทุกคน และการที่เครื่องยนต์มีปัญหาอาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดังนั้นการเลือกซื้อ ‘ประกันภัยรถยนต์’ ที่ให้ความคุ้มครองตอบโจทย์ ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันภัยรถยนต์ 2+ หรือชั้นไหน ๆ ก็ช่วยแบ่งเบาภาระได้เยอะ เปรียบเทียบประกันรถยนต์ที่ใช่ ราคาที่ชอบกับ มิสเตอร์ คุ้มค่า ก่อนใครได้เลย

วิธีแก้ไขเครื่องยนต์สั่น ทำยังไงได้บ้าง ?

เมื่อรถยนต์เกิดอาการเครื่องยนต์สั่น ไม่ว่าจะสั่นเบาหรือสั่นรุนแรง เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงคิดหาวิธีแก้ไขเพื่อคลายความรำคาญ และความกังวลใจอย่างแน่นอน ซึ่งวิธีการแก้ไขหลัก ๆ มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี ดังนี้

• 1. เปลี่ยนยางแท่นเครื่อง

  การเปลี่ยนยางแท่นเครื่องใหม่ จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนอื่น ๆ ของเครื่องยนต์มีปัญหา หรือเกิดความเสียหายตามมา โดยวิธีการเปลี่ยนก็ง่ายมาก แค่ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น ใช้สกรูขนาดใหญ่และแม่เหล็ก เพื่อช่วยในการเปลี่ยนนั่นเอง

• 2. ซ่อมแซมอุปกรณ์อื่น ๆ

  การซ่อมแซมอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาเครื่องยนต์สั่น รวมถึงรถเกิดเสียงดังขณะวิ่ง ถือเป็นวิธีการแก้ไขที่ดีและมีประสิทธิภาพ เช่น การทำความสะอาดส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็นหม้อกรองอากาศ, สายพานส่งกำลัง, เครื่องปั๊มน้ำ ฯลฯ

นอกจากนี้ยังรวมถึงการตรวจสอบสายไฟ และสายสัญญาณต่าง ๆ เพื่อตรวจหาความเสียหายซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์สั่น หากพบว่าสายไฟหรือสายสัญญาณเสียหาย สามารถซื้อมาเปลี่ยนแทนได้เลย

ป้องกันเครื่องยนต์สั่นได้ไหม มีวิธียังไง ?

ในกรณีที่ไม่อยากให้เกิดอาการเครื่องยนต์สั่น ด้วยการหา ‘วิธีป้องกัน’ ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี ที่ช่วยลดอาการเครื่องยนต์มีปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปัญหาเครื่องยนต์สั่น หลัก ๆ เกิดจาก ‘ยางแท่นเครื่อง’ เพราะฉะนั้นควรตรวจสภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อเครื่องยนต์มีการใช้งานตลอดเวลา

รวมถึงใช้งานในสภาพที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนบ่อย ๆ หรือใช้งานในสภาพที่อากาศมีความชื้นสูงกว่าปกติ เนื่องจาก ‘อากาศชื้น’ จะทำให้ยางแท่นเครื่องเสื่อมสภาพได้เร็วนั่นเอง

นอกจากนี้การขับรถอย่างรุนแรง หรือการขับขี่ในเส้นทางที่ถนนไม่สมบูรณ์ ก็อาจทำให้เครื่องยนต์สั่น และยางแท่นเครื่องเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น ดังนั้นควรขับรถด้วยความระมัดระวัง พร้อมกับตรวจสภาพยางแท่นเครื่องเป็นประจำ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย

เครื่องยนต์สั่น เครื่องยนต์มีปัญหา เคลมประกันได้หรือไม่ ?

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ส่วนใหญ่ ‘ประกันภัยรถยนต์’ ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้น 1, ประกัน 2+ หรือชั้นไหน ๆ ก็ตาม ล้วนให้ความคุ้มครองเมื่อเครื่องยนต์มีปัญหา เครื่องยนต์สั่น “เมื่อเกิดการชนหรืออุบัติเหตุเท่านั้น”

ซึ่งการเคลมประกันสำหรับกรณี ‘ เครื่องยนต์สั่น ‘ จากการเกิดอุบัติเหตุ จะต้องอาศัยการตรวจสอบของช่างเทคนิคที่ได้รับการรับรองจากบริษัทประกันภัย ด้วยการตรวจสอบอาการที่เกิดขึ้น รวมถึงสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้เครื่องยนต์มีปัญหา เพื่อประเมินความเสียหายและความเหมาะสมในการเคลมประกัน

ส่วนใหญ่บริษัทฯ จะรับเคลมเมื่อเกิดจากสาเหตุที่เกี่ยวกับภัยคุกคาม และไม่ได้เกิดจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย และขึ้นอยู่กับการตรวจสอบของช่างเทคนิคที่ได้รับการรับรองจากบริษัทฯ เป็นหลัก หากไม่มั่นใจว่าประกันที่ทำอยู่ให้ความคุ้มครองในส่วนนี้หรือไม่ แนะนำให้สอบถามหรือปรึกษากับบริษัทหรือโบรกเกอร์โดยตรง