หัวข้อที่น่าสนใจ
- เช็คระยะรถยนต์คืออะไร ? ทำไมถึงต้องเช็คเป็นประจำ ?
- เช็คระยะรถยนต์แต่ละช่วง ต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง ?
- ระยะเวลา 1-6 เดือน หรือระยะทาง 5,000 กิโลเมตร
- ระยะเวลา 6-12 เดือน หรือระยะทาง 10,000 กิโลเมตร
- ระยะเวลา 12-24 เดือน หรือระยะทาง 20,000 กิโลเมตร
- ระยะเวลา 12-24 เดือน หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร
- ระยะเวลา 36 เดือน หรือระยะทาง 60,000 กิโลเมตร
- ระยะเวลา 60 เดือน หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร
- จะเกิดอะไรหากคุณดูแลรักษารถด้วยการเช็คระยะสม่ำเสมอ ?
- 1. เพิ่มมูลค่ารถยนต์
- 2. ประหยัดเงินในกระเป๋า
- 3. เพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถ
- เทียบระหว่างเช็คระยะกับอู่นอก vs ศูนย์บริการ เลือกแบบไหนดี ?
ใช้รถอย่าขับอย่างเดียว เรื่องการดูแลต้องมีให้ แต่หลายคนมักมองข้ามการเช็คระยะรถยนต์ เนื่องจากการเช็คระยะมี “ค่าใช้จ่าย” ที่ต้องแบกรับมากน้อยตามระยะไมล์ แถมยังมองว่าการการบำรุงรักษารถยนต์รูปแบบนี้ เป็นวิธีการที่สิ้นเปลืองโดยใช้เหตุเพราะเห็นว่ารถยังขับใช้งานได้ปกติ ทั้งที่ความเป็นจริงอาจมีสัญญาณความเสียหายซ่อนอยู่.. ไปดูกันกับเรื่องการดูแลรักษารถด้วยการเช็คระยะตามตารางที่กำหนด เข้าใจถึง “ข้อดี” มิสเตอร์ คุ้มค่า จะเล่าให้ฟังในบทความนี้
เช็คระยะรถยนต์คืออะไร ? ทำไมถึงต้องเช็คเป็นประจำ ?
รถใช้งานปกติอาจไม่ได้สมบูรณ์อย่างที่คุณเห็น เพราะอย่าลืมว่าทุกอย่างเมื่อใช้งานไปย่อมเสื่อมสภาพ และหากขาดการดูแลความพินาศอาจรุนแรงกว่าที่ควรจะเป็น เช่นกันสำหรับความหมายของคำว่า “เช็คระยะรถยนต์” ก็คือการตรวจสภาพรถยนต์เพื่อดูแลรักษารถและชะลอความเสื่อมสภาพของเครื่องยนต์แต่ละชิ้นส่วน รวมถึงองค์ประกอบภายในต่าง ๆ ให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการบำรุงรักษารถยนต์ตาม “ระยะ” ที่ศูนย์บริการกำหนดนั่นเอง
เหตุผลที่ควรเช็คระยะรถเป็นประจำก็ไม่มีอะไรซับซ้อน หากคุณต้องการ “ยืดอายุการใช้งานรถยนต์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น” ป้องกันความเสียหายของอะไหล่ต่าง ๆ ในอนาคต การนำรถยนต์เข้าสู่กระบวนการดูแลรักษารถเบื้องต้น ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ตอบโจทย์ และส่งผลดีต่อรถยนต์คู่ใจมาก ๆ เลยล่ะ
เช็คระยะรถยนต์แต่ละช่วง ต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง ?
ต้องอธิบายให้เข้าใจตรงกันก่อนถึงนิยามคำว่าเช็คระยะว่าต้องนับกันยังไง ?การเช็คระยะรถยนต์แต่ละครั้งจะวัดจาก “ระยะทางหรือระยะเวลา” ขึ้นอยู่กับว่าข้อไหนมาก่อนก็ให้เลือกแบบนั้น และทุก ๆ ช่วงมีสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแตกต่างกันออกไป และแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็จะแตกต่างกันตามไปด้วย ดังนี้
ระยะเวลา 1-6 เดือน หรือระยะทาง 5,000 กิโลเมตร
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง
- ตรวจเช็คยางรถยนต์
- ตรวจเช็คระบบจานเบรกและผ้าเบรก
ระยะเวลา 6-12 เดือน หรือระยะทาง 10,000 กิโลเมตร
- สลับยาง รถยนต์ ถ่วงล้อ
- ตรวจการรั่วซึมของท่อและสายน้ำมันคลัตช์
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง
- ตรวจความเสื่อมสภาพของที่ปัดน้ำฝน
- เช็คระบบช่วงล่างทั้งโช้คอัพหน้าและหลัง
- ตรวจเช็คระบบเบรกและระบบคลัตช์
ระยะเวลา 12-24 เดือน หรือระยะทาง 20,000 กิโลเมตร
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง และน้ำมันเกียร์
- เช็คระบบช่วงล่าง ตั้งแต่ระบบบังคับเลี้ยว คันชัก-คันส่ง และลูกหมาก
- เช็คความตึงและหย่อนของสายพานขับ และสายพานเครื่องยนต์
ระยะเวลา 12-24 เดือน หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร
- เปลี่ยนสายพานขับปั๊ม สายพานแอร์ และใบปัดน้ำมัน
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรค น้ำมันคลัตช์ น้ำมันพวงมาลัย น้ำมันเกียร์ออโต้ และน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์
ระยะเวลา 36 เดือน หรือระยะทาง 60,000 กิโลเมตร
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง
- เปลี่ยนอุปกรณ์บางอย่างที่ถึงอายุการใช้งาน เช่น หัวเทียน แบตเตอรี่ กรองน้ำมันเชื้อเพลิง หรืออื่น ๆ
ระยะเวลา 60 เดือน หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร
- ตรวจเช็คระบบของเหลวในรถทั้งหมด
- เช็คยางรถยนต์
- เช็คหม้อน้ำทั้งระบบ ท่อยางหม้อน้ำบน-ล่าง
ในการเช็คระยะรถยนต์ตามระยะที่กำหนด จะช่วยลด “ความเสียหาย” ที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี รวมถึงปัญหาอื่น ๆ ที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของน้ำมันเครื่อง ยางรถยนต์ และอื่น ๆ แต่ “อุบัติเหตุ” สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา คงจะดีไม่ใช่น้อยหากคุณมีประกันภัยรถยนต์ช่วยเพิ่มความอุ่นใจ หากไม่รู้ว่าจะซื้อกับที่ไหน ความคุ้มครองแบบใด เช็คราคาประกันรถยนต์กับ มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เรายินดีนำเสนอแผนความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ให้คุณอย่างถึงที่สุด
ราคาน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนแต่ละครั้งต้องจ่ายประมาณเท่าไหร่ ?
ตามตารางเช็คระยะรถยนต์ที่เราบอกไปก่อนหน้านี้ จะเห็นได้ว่าน้ำมันเครื่องเป็นสิ่งที่ต้องเปลี่ยนบ่อยมาก ๆ เรียกได้ว่า “บ่อยที่สุด” เลยก็ว่าได้ ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยไปตาม ๆ กัน ว่าราคาน้ำมันเครื่องในการเปลี่ยนแต่ละครั้ง ต้องเตรียมเงินไปที่เท่าไหร่ดี ? แพงไหม ?
คำตอบคือ ราคาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแต่ละครั้งไม่แพงอย่างที่คิด มีตั้งแต่ราคา 500 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ประเภทเครื่องยนต์ เช่น เครื่องดีเซลจะมีราคาที่สูงกว่าเครื่องเบนซิน นอกจากนี้ “สถานที่” ในการเปลี่ยนก็มีผลต่อราคาเช่นกัน หากเปลี่ยนที่ศูนย์บริการแน่นอนว่าจะแพงกว่าอู่ทั่ว ๆ ไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกแบบไหน
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ไม่ควรมองข้ามหรือเพิกเฉยการดูแลรักษารถด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแม้แต่น้อย เพราะอาจทำให้ “เครื่องยนต์” ได้รับความเสียหายตามมาได้ เนื่องจากน้ำมันเครื่องที่สกปรกมักเต็มไปด้วยตะกอนฝุ่น ทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ดึงความร้อนจากเครื่องยนต์ได้อีกต่อไป หมายความว่าเครื่องยนต์จะทำงานหนักขึ้น เกิดอาการร้อนจัด และอาจทำให้ประเก็นฝาสูบระเบิดได้
จะเกิดอะไรหากคุณดูแลรักษารถด้วยการเช็คระยะสม่ำเสมอ ?
สำหรับคนที่กำลังสงสัยในส่วนของ “ข้อดี” ในการบำรุงรักษารถยนต์ ด้วยการเช็คระยะรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องไปหาข้อมูลจากที่อื่นให้เสียเวลา เพราะเราลิสต์รายละเอียดต่าง ๆ มาให้เรียบร้อยแล้ว หลัก ๆ มีข้อดีทั้งหมด 3 ข้อ ดังนี้
1. เพิ่มมูลค่ารถยนต์
รถยนต์ที่ได้รับการดูแลรักษารถเป็นอย่างดีทั้งภายในและภายนอก ถือว่ายังคงสามารถรักษาสภาพ ประสิทธิภาพ และคุณภาพการใช้งานได้เป็นอย่างดี ทำให้รถยนต์คันนั้น ๆ มีมูลค่าที่ดีดังเดิม หากคิดจะขายรถมือสองราคาก็ไม่ตกมากเท่าไหร่นัก
2. ประหยัดเงินในกระเป๋า
หากมีการเช็คระยะรถยนต์ตามตารางที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้รถยนต์ได้รับการดูแล ซ่อมแซม หรือเปลี่ยนอุปกรณ์/อะไหล่ต่าง ๆ ตรงตามอายุการใช้งาน ทำให้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดจาก “ความเสียหาย” ที่อาจเกิดขึ้นตามมาในภายหลัง
3. เพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถ
เนื่องจากมีการเช็คระยะรถยนต์เป็นประจำ ทำให้รถยนต์คู่ใจของคุณได้รับการดูแลรถอยู่เสมอ เวลาใช้งานไม่ว่าจะเดินทางไกลหรือใกล้ก็อุ่นใจ แถมยังช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ดีมาก ๆ
ทั้งหมดนี้คือ “ข้อดี” ของการเช็คระยะรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ อาจจะเสียเวลา เสียเงินบ่อยไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าปัญหา และความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคต แน่นอนว่าคุณจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่มากกว่านี้หลายเท่า ยิ่งถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาล่ะก็ บอกเลยว่า “บานปลาย” มากกว่าที่คิด
เทียบระหว่างเช็คระยะกับอู่นอก vs ศูนย์บริการ เลือกแบบไหนดี ?
อีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนสงสัยกันมากที่สุด คือ ควรเช็คระยะรถยนต์กับที่ไหนดี ? ระหว่างเช็คระยะรถยนต์ศูนย์ vs เช็คระยะกับอู่ซ่อมใกล้ฉัน ซึ่งทั้ง 2 แบบมีจุดเด่น/จุดขายที่แตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจน เช่น อู่นอกมีราคาถ่ายของเหลวที่ถูกกว่า แต่อุปกรณ์บางส่วนที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ อาจไม่ได้รับการดูแลที่ครอบคลุม
หรือถ้าหากเป็นการจองคิวเช็คระยะ (เช็คศูนย์) ก็จะมีในเรื่องของ “ค่าแรง” ที่แพงกว่า รวมถึงค่าบริการอื่น ๆ แต่ในส่วนของจุดสำคัญต่าง ๆ จะได้รับการดูแลอย่างครบครัน นอกจากนี้ “อะไหล่” ที่ทั้ง 2 แห่งใช้ก็มีความแตกต่างกัน คนที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดก็คือตัวคุณเอง ลองชั่งน้ำหนักและเปรียบเทียบจุดเด่น และจุดด้อยให้ดีก่อนตัดสินใจ เพื่อให้รถยนต์ของคุณได้รับการดูแลอย่างตอบโจทย์
หากต้องการคงสภาพรถยนต์ให้ยาวนาน สามารถใช้งานไปได้อีกหลายกิโล การเช็คระยะรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ เช็คตามตารางที่กำหนดไม่ขาด ก็ถือเป็นการดูแลรักษารถที่ดีมาก ๆ ช่วยให้ใช้งานรถยนต์ได้อย่างไร้ปัญหากวนใจ อนาคตอยากจะเปลี่ยนคันใหม่ เมื่อขายต่อก็ไม่เข้าเนื้อมากจนเกินไปอีกด้วย
คำจำกัดความ
คำจำกัดความ | สลับยาง |
ถ่วงล้อ | การหาสมดุลของล้อและยางรถยนต์ |
ลูกหมาก | ชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ มีหน้าที่รับแรงกระแทก เป็นจุดหมุนให้ระบบช่วงล่างหมุนเป็นครึ่งวงกลม หรือเคลื่อนไหวแนวขึ้น-ลง |