รวมไว้ครบทุกอุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถยนต์ มีติดไว้ อุ่นใจกว่า

8 อุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถยนต์ที่จำเป็น มีอะไรบ้าง ?

สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าต้องเตรียมอุปกรณ์ติดรถยนต์ยามฉุกเฉินอะไรบ้าง มิสเตอร์ คุ้มค่า ลิสต์ 8 อุปกรณ์สำคัญที่ควรมีติดรถเอาไว้ ใครไม่มีอะไหน รีบหาไว้ติดรถด่วน!

• 1. ไฟฉาย

  หนึ่งในอุปกรณ์สำคัญที่หลายคนมักมองข้าม หรือบางครั้งอาจมองว่าไม่จำเป็น คือ “ไฟฉาย” แต่จริง ๆ แล้วสำคัญมากโดยเฉพาะในตอนที่รถเสีย หรือเจอเรื่องฉุกเฉินในยามค่ำคืน สามารถใช้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือต่าง ๆ ได้ หรือฉายไฟเพื่อซ่อมรถเล็ก ๆ น้อย ๆ ในปัจจุบันไฟฉายมีอยู่ด้วยกันหลายฟังก์ชัน สามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการ แถมยังหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไปอีกด้วย

• 2. ค้อนนิรภัยทุบกระจก

  ที่ทุบกระจกรถหรือค้อนนิรภัยทุบกระจก รวมถึงอุปกรณ์ตัดเข็มขัดนิรภัยถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะมันจะช่วยให้คุณเอาชีวิตรอดออกมาจากตัวรถได้อย่างง่ายดาย หรือในกรณีที่รถยนต์เกิดอุบัติเหตุระหว่างเดินทางไกล ไม่สามารถปลดเข็มขัดนิรภัยออกมาได้ อุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณหลุดออกมาจากสถานการณ์อันตรายได้อย่างปลอดภัย

• 3. ป้ายสัญญาณเตือนสะท้อนแสง

  หลายครั้งที่เดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัด กลับบ้านปีใหม่ หรือใด ๆ เหตุการณ์น่าปวดหัวที่อาจตามมาได้เสมอคือ “รถเสียระหว่างทาง” มิหนำซ้ำยังมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน เนื่องจากผู้ขับขี่ (คันอื่น) ไม่ทันสังเกตเห็นรถคันที่จอดเสียอยู่

  ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ลดความเสี่ยง ความเสียหาย และความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นตามมา ควรพกป้ายสัญญาณเตือนสะท้อนแสงติดรถเอาไว้ด้วย เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รถเสีย รถชน หรือเหตุที่จำเป็นที่ต้องการส่งสัญญาณบอกผู้ใช้รถคนอื่นบนท้องถนน ให้ตั้งป้ายดังกล่าวเพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่คนอื่น ๆ ระมัดระวังขณะขับผ่าน

• 4. ยางอะไหล่และแม่แรงฉุกเฉิน

  ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายางอะไหล่และแม่แรงฉุกเฉิน เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถยนต์ที่หลายคนไม่อยากพกพา ด้วยน้ำหนักที่เยอะและขนาดใหญ่ ทว่ามันกลับเป็นอุปกรณ์ฉุกเฉินรถยนต์ที่จำเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากยางแบนหรือเกิดระเบิดระหว่างทาง อุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยให้รถคุณไปต่อจนถึงจุดหมายได้

• 5. สายพ่วงแบตเตอรี่

  หนึ่งในอุปกรณ์ติดรถยนต์ยามฉุกเฉิน ที่ควรมีและขาดไม่ได้เลยคือ “สายพ่วงแบตเตอรี่” เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยจั๊มแบตเตอรี่รถยนต์จากคันอื่นในกรณีที่เกิดเหตุการณ์รถสตาร์ทไม่ติด ซึ่งมันจะช่วยให้รถของคุณกลับมาวิ่งได้ใหม่อีกครั้ง

  ข้อควรระวัง : เมื่อนำสายพ่วงแบตเตอรี่ไปจั๊มกับรถคันอื่น ต้องแน่ใจก่อนว่ารถทั้ง 2 คันปิดระบบไฟต่าง ๆ และดับเครื่องยนต์ทั้งหมดแล้ว และก่อนจะนำสายพ่วงไปชาร์จให้เช็คดูว่าไม่มีการรั่วซึมของน้ำกรดแบต หรือการแตกหักของแบตทั้ง 2 คัน เมื่อถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ออกระวังอย่าให้ปลายสายสัมผัสกัน

• 6. ชุดปฐมพยาบาล

  อีกหนึ่งอุปกรณ์ฉุกเฉินรถยนต์ที่มองข้ามไม่ได้เลย คือ “ชุดปฐมพยาบาล” ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาล้างแผล, น้ำยาฆ่าเชื้อ, สำลีสะอาด ฯลฯ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่มีประโยชน์มาก ๆ โดยเฉพาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ในระหว่างที่รอความช่วยเหลือสามารถหยิบมาใช้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้

  ดังนั้นการพก power bank และสายชาร์จแบตโทรศัพท์ไปด้วยเสมอ ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยมาก ๆ แนะนำให้หยิบพกไปไหนมาไหนด้วยจนชินมือ เพียงแค่นี้จะสามารถขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แล้ว อย่าลืมบันทึกเบอร์โทรฉุกเฉินต่าง ๆ ไว้ในเครื่องด้วยล่ะ!

• 7. power bank และสายชาร์จแบตโทรศัพท์

  แน่นอนว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองได้ สิ่งที่ต้องทำและควรทำคือโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ โทรศัพท์จึงกลายมาเป็นอุปกรณ์ช่วยคุณได้มากในวินาทีนั้น แต่คงจะไม่ดีแน่หากอุปกรณ์ดังกล่าวแบตหมด ไม่สามารถใช้งานได้

• 8. แกลลอนน้ำมันสำรอง

  ถังหรือแกลลอนน้ำมันสำรอง นับเป็นตัวช่วยสำคัญที่รถทุกคันควรจะมีติดรถเอาไว้ เพราะถ้าหากต้องเดินทางไกล หรือท่องเที่ยวต่างจังหวัด รวมถึงเดินทางไปในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก ไม่มีปั๊มน้ำมัน อย่างน้อยยังอุ่นใจว่ายังมีน้ำมันสำรองเตรียมไว้อยู่

ถังดับเพลิงในรถ จำเป็นไหม เลือกแบบไหนดีกว่า ?

อีกหนึ่งอุปกรณ์ติดรถยนต์ยามฉุกเฉินที่ขาดไม่ได้เลย คือ ถังดับเพลิงในรถ เพราะช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อไฟไหม้รถได้ทันที ลดความรุนแรงและความเสียหายที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะในบางครั้ง ‘ไฟ’ อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างร้ายแรง

หากถามว่าควรเลือกถังดับเพลิงในรถแบบไหนดี คำตอบคือควรเลือกถังที่มีสารดับเพลิงที่สามารถดับไฟได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพในการดับไฟ เช่น สารดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง หรือสารดับเพลิงชนิดคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งสารทั้งสองประเภทเหมาะสำหรับการนำมาใช้ดับไฟภายในรถยนต์นั่นเอง

นอกจากจะให้ความสำคัญในการเลือกซื้ออุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถยนต์ อย่างถังดับเพลิงในรถแล้ว “ประกันภัยรถยนต์” เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย จากความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อย่างครอบคลุม หากไม่รู้ว่าจะต้องเลือกซื้อแผนไหนที่ตอบโจทย์ แถมราคาสบายกระเป๋า แนะนำให้เข้ามาเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับ มิสเตอร์ คุ้มค่า ก่อนตัดสินใจได้เลย

กล้องติดรถยนต์แม้ไม่ใช่อุปกรณ์ฉุกเฉินรถยนต์ แต่ทำไมถึงจำเป็น ?

หลายคนมองว่ากล้องติดรถยนต์ไม่ใช่สิ่งจำเป็นอะไร ไม่ใช่อุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถยนต์ แถมยังเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย แต่ในความเป็นจริงแล้วกล้องดังกล่าวจำเป็นมาก ๆ ในยุคสมัยที่ผู้คนไม่ค่อยมีวินัยในการขับขี่เช่นนี้ เพราะมันจะคอยทำหน้าที่เป็นเครื่องยืนยันเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เมื่อเกิดอุบัติเหตุสามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานได้

เพราะหลายต่อหลายครั้งที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะการเฉี่ยวชนเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่างฝ่ายอาจไม่ทันได้สังเกตว่าใครเป็นฝ่ายผิดหรือถูก และคงเป็นเรื่องยากแน่ ๆ หากจะพูดปากเปล่าว่าเราเป็นฝ่ายถูก และปรักปรำว่าคู่กรณีเป็นฝ่ายผิด

ข้อดีของกล้องติดรถยนต์ มีอะไรบ้าง ?

หากลองนึกดูดี ๆ แล้ว ยังมองไม่ออกว่ากล้องติดรถยนต์มีประโยชน์ต่อคุณยังไง มิสเตอร์ คุ้มค่า ลิสต์ข้อดีของอุปกรณ์ชนิดมาให้แล้ว จะมีอะไรบ้าง? ตามไปดูกันเลย

• 1. ปลอดภัยจากผู้ไม่หวังดี

  นอกจากกล้องติดรถยนต์จะมีส่วนช่วยในการบันทึกเหตุการณ์ (อุบัติเหตุ) ต่าง ๆ แล้ว ยังช่วยให้คุณปลอดภัยจากผู้ไม่หวังดีได้อีกด้วย โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่ได้ขับรถหรือไม่ได้อยู่ภายในรถ แต่จอดรถไว้ตามห้าง อาคารหรือลานจอดรถอื่น ๆ แล้วมีผู้ไม่ประสงค์ดีจะกระทำการใด ๆ กับรถของคุณ หากเขาเห็นกล้องอย่างน้อยอาจช่วยเปลี่ยนใจไม่ให้ลงมือทำบางสิ่งที่ไม่ควรจะทำได้

• 2. ช่วยบันทึกการเดินทาง

  เมื่อเวลาผ่านไปแล้วคุณอยากย้อนดูว่าเราไปไหนมาบ้าง ไม่ว่าจะท่องเที่ยวต่างจังหวัด กลับบ้านปีใหม่ หรือเดินทางไกลใด ๆ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อย่างอื่นด้วย เช่น อยากรู้ว่าช่วงไหนรถติด, ย้อนดูสถานที่ต่าง ๆ ที่ขับผ่าน รวมถึงกรณีที่ขับรถเดินทางไกลแล้วหลงทาง จะเปิดย้อนดูทางที่ขับมาก็ได้เช่นกัน

• 3. บันทึกพฤติกรรมของผู้ขับขี่

  สำหรับข้อนี้เป็นข้อดีในภาคธุรกิจหรือผู้ประกอบการที่มีพนักงานขับรถ โลจิสติกส์ หรือมีรถยนต์ในองค์กรจำนวนมาก อาจต้องบันทึกเหล่านี้ในการตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่และนำไปประเมิน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของการปฏิบัติงานขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นการขับรถโดยประมาท การขับขี่ด้วยความเร็ว เลนเดินรถที่ใช้ เส้นทางที่ใช้ และอื่น ๆ