หัวข้อที่น่าสนใจ
- ไดชาร์จ vs ไดสตาร์ท คืออะไร ?
- ไดชาร์จ
- ไดสตาร์ท
- ปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับไดสตาร์ท มีอะไรบ้าง ?
- 1. ไดสตาร์ท ถ่านหมด
- 2. ไดสตาร์ทค้าง
- 3. ไดสตาร์ทไฟอ่อนหรือเสื่อม
- จะรู้ได้ยังไง ว่าแบบนี้คืออาการไดสตาร์ท เสีย ?
- 1. สตาร์ทรถไม่ติด
- 2. สตาร์ทรถติด แต่มีอาการอื่น ๆ พ่วงมาด้วย
- วิธีแก้ปัญหาเมื่อไดสตาร์ทเสีย ต้องทำยังไงบ้าง ?
- 1. สตาร์ทรถอย่างรวดเร็ว
- 2. เข็นรถก่อนสตาร์ท (เกียร์กระปุก)
- 3. นำโลหะมาเคาะไดสตาร์ท
ปัญหาการใช้รถที่แน่นอนว่าไม่มีใครอยากเจอมากที่สุดคงหนีไม่พ้นการที่รถสตาร์ทไม่ติด เพราะถ้าเจออาการนี้ คนจะไม่สามารถขับรถได้เลย จะค่อย ๆ ขับไปทิ้งรถอู่ยังไม่ได้ อาการที่อาจเกิดจากไดชาร์จหรือไดสตาร์ทเสีย รวมถึงเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ร่วมด้วย หากไม่อยากให้การเดินทางติดขัด เสียเวลา และเสียเงินซ่อมรถ มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้รวบรวมประเด็นที่น่าสนใจ ความหมาย วิธีบำรุงรักษา รวมถึงวิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้นมาให้เรียบร้อยแล้ว ทำความเข้าใจเพื่อหาทางรับมือพร้อม ๆ กันได้เลย
ไดชาร์จ vs ไดสตาร์ท คืออะไร ?
หลายคนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับไดชาร์จรถยนต์ และไดสตาร์ทอยู่บ่อย ๆ ว่าเป็นอุปกรณ์เดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วอุปกรณ์ทั้งสองทำหน้าที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนี้
ไดชาร์จ
หน้าที่ของไดชาร์จรถยนต์ คือ ปั่นไฟเพื่อเลี้ยงอุปกรณ์ที่ต้องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดภายในรถยนต์ รวมถึงปั่นไฟเพื่อเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ในการสตาร์ทรถด้วยเช่นกัน หากไดชาร์จเสียจะทำให้แบตเตอรี่ไม่มีไฟ และทำให้รถยนต์สตาร์ทไม่ติด หลายคนมักไม่รู้หรือไม่เคยฉุกคิดมาก่อนว่าเป็นเพราะไดชาร์จเสีย สตาร์ทไม่ติด เนื่องจากคิดว่า ‘แบตเตอรี่’ เป็นเพียงอุปกรณ์ชิ้นเดียวที่ใช้ในการหล่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าทั้งหมดภายในรถยนต์
ไดชาร์จรถยนต์เสีย อาการจะสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ดังนี้
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำงานผิดปกติ
- แผงหน้าปัดมีไฟแบตเตอรี่ขึ้นเตือน
- แบตเตอรี่หมดเร็ว
- รถเริ่มสตาร์ทติดยาก
- มีเสียงหอนจากใต้ท้องรถ
- มีกลิ่นสายไฟไหม้
ไดสตาร์ท
ส่องเข้าไปดูหน้าที่หลักของไดสตาร์ท คือ สตาร์ทเครื่องยนต์ ทำงานด้วยระบบไฟฟ้ากระแสตรงแรงดันต่ำ โดยต่อตรงมาจากแบตเตอรี่ผ่านการกระตุ้นด้วยกุญแจ และเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าที่เกิดขึ้นให้กลายเป็นพลังงานกล แล้วช่วยฉุดเครื่องยนต์ให้ติดจนสามารถทำงานได้
จะเห็นได้ว่าหน้าที่ของอุปกรณ์ทั้งสองแตกต่างกันอย่างชัดเจน และในบทความนี้จะพูดถึง “ ไดสตาร์ท ” เป็นหลัก เนื่องจากเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้รถยนต์ของคุณสตาร์ทไม่ติด หรือรถเสียตอนกลางคืน ฉุกเฉิน จะมีรายละเอียดอื่น ๆ ที่น่าสนใจอะไรบ้าง ตามไปทำความเข้าใจเพิ่มเติมกันเลย
ปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับไดสตาร์ท มีอะไรบ้าง ?
ต้องบอกก่อนว่าปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับไดสตาร์ท หรือมอเตอร์สตาร์ทเสียหลัก ๆ แล้วมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเด็น โดยไดสตาร์ทเสีย เกิดจาก ‘สาเหตุ’ ที่แตกต่างกันดังนี้
1. ไดสตาร์ท ถ่านหมด
หากอาการไดสตาร์ทเสียที่พบคือ ไดสตาร์ท หมุนช้า อืด หรือไม่หมุน ขั้นตอนแรกให้ตรวจสอบแรงดันไฟภายในแบตเตอรี่ก่อน หากแรงดันปกติ ไม่ต่ำหรือสูงเกินไป แสดงว่าอาการดังกล่าวเกิดจาก “แปรงถ่านหมดอายุ” ต้องรีบนำรถยนต์เข้าไปตรวจสภาพและทำการเปลี่ยนแปรงถ่าน
2. ไดสตาร์ทค้าง
เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ติดแล้ว แต่พบว่าไดสตาร์ทยังหมุนและมีเสียงตลอดเวลา อาจมีสาเหตุมาจากสนิทหรือสิ่งสกปรกเกาะบริเวณไดสตาร์ท ทำให้ ‘โซลินอย’ เกิดอาการฝืด ไม่เด้งกลับ จึงทำให้มอเตอร์ค้างและหมุนตลอดเวลา
สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยการถอดขั้วแบตเตอรี่รถยนต์ออก เพื่อเป็นการตัดกระแสไฟไม่ให้ชิ้นส่วน หรืออุปกรณ์ดังกล่าวทำงาน เพราะถ้าหากปล่อยให้ค้างเป็นเวลานานหรือบ่อยครั้ง อาจทำให้ไดสตาร์ท เกิดการไหม้ได้
3. ไดสตาร์ทไฟอ่อนหรือเสื่อม
อาการไดสตาร์ทไฟอ่อนหรือเสื่อม จะคล้ายกับอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม แต่ทั้งนี้เครื่องยนต์ยังสามารถสตาร์ทติดอยู่ แต่เมื่อสตาร์ทแล้วจะได้ยินเสียงแปลก ๆ หรือเกิดอาการรถดับเองขณะรอบต่ำ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าในอนาคต รถยนต์ของคุณอาจเกิดอาการสตาร์ทไม่ติด ดังนั้นจึงควรแก้ไขโดยด่วนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการใช้งานรถยนต์ภายหลัง
หากไม่อยากเป็นกังวลกับปัญหารถเสียฉุกเฉิน เนื่องจากความผิดปกติที่เกิดกับไดสตาร์ท หรือปัญหาอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นบนท้องถนน การมี “ประกันภัยรถยนต์” ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทุกประเด็นปัญหาการใช้รถนับว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะส่วนใหญ่มักมีบริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน หรือศูนย์ช่วยเหลือรถเสียคอยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อประกันแบบไหนให้มีช่วยเหลือฉุกเฉิน มีบริการรถลาก แทรกในกรมธรรม์ด้วย สามารถเข้ามาเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับ มิสเตอร์ คุ้มค่า ก่อนได้ ที่นี่มีแผนประกันให้เลือกหลากหลาย แถมมีราคาที่เป็นมิตรสุด ๆ
วิธีบำรุงรักษาไม่ให้ไดสตาร์ทเสียเร็ว มีอะไรบ้าง ?
หากอยากบำรุงรักษาเพื่อป้องกันหรือหลีกเลี่ยงไดสตาร์ทเสียเร็ว แต่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ไม่ต้องไปหาข้อมูลจากที่อื่นให้เสียเวลา เพราะ มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้รวบรวมวิธีบำรุงรักษาไดสตาร์ท เลี่ยงรถดับเมื่อขับรถคนเดียวหรือรถเสียตอนกลางคืนมาให้แล้ว ตามไปดูกันเลย
- ขณะสตาร์ทรถยนต์เมื่อเครื่องยนต์ติดให้ปล่อยมือทันที ไม่ควรบิดกุญแจหรือกดปุ่มสตาร์ทไว้นาน เพราะอาจทำให้ไดสตาร์ทไหม้ได้
- หมั่นเช็คบริเวณไดสตาร์ทอยู่เสมอ ไม่ควรมีคราบน้ำมันหรือฝุ่นเกาะบริเวณดังกล่าว เพราะอาจทำให้แปรงถ่านไดสตาร์ท สกปรก ไม่สามารถหมุนหรือทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- ควรหลีกเลี่ยงการทำให้ไดสตาร์ท โดนน้ำหรือความชื้น เพราะจะทำให้แปรงถ่านขัดตัว ทำให้ไดสตาร์ทไม่หมุน เป็นเหตุให้อุปกรณ์ภายในเกิดสนิมและเกิดความเสียหายได้
จะรู้ได้ยังไง ว่าแบบนี้คืออาการไดสตาร์ท เสีย ?
ใช้รถเสียกลางทางหรือสตาร์ทรถไม่ติดตอนอยู่ข้างนอก ก่อนอื่นหากไม่มั่นใจว่าอาการแบบนี้คือมอเตอร์สตาร์ทเสียหรือไม่ เรามีวิธีสังเกตง่าย ๆ ด้วยกัน 2 วิธี คือ สตาร์ทรถไม่ติด หรือสตาร์ทติดแต่มีอาการอื่น ๆ พ่วงมาด้วย ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. สตาร์ทรถไม่ติด
สาเหตุที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด อาจบ่งบอกได้ว่าไดสตาร์ทเสียทั้งหมด 3 ลักษณะ ซึ่งแต่ละลักษณะจะมีอาการแตกต่างกันออกไป ดังนี้
- สตาร์ทแล้วรถเงียบ: ไม่มีเสียง หรือไม่มีอาการใด ๆ เกิดขึ้นเลย แปลว่าไดสตาร์ทเสียแน่นอน แต่ถ้ายังไม่ชัวร์ แนะนำให้ลองสตาร์ทอีก 2-3 รอบ เพื่อดูอาการเพิ่มเติม
- ไดสตาร์ททำงาน แต่เครื่องยนต์ไม่ติด: อาจเกิดจาก ‘ชุดเฟือง’ หรืออุปกรณ์ที่อยู่ในไดสตาร์ทเสีย
- ไดสตาร์ท ไม่หมุน: แม้ว่าจะมีไฟเพียงพอแต่รถกลับสตาร์ทไม่ติด อาจเป็นเพราะว่า ‘แปรงถ่านหมด’ หรือไดสตาร์ทเสีย ควรให้ช่างแกะเช็กเพื่อเปลี่ยนและซ่อมตามอาการ
2. สตาร์ทรถติด แต่มีอาการอื่น ๆ พ่วงมาด้วย
ในกรณีที่สตาร์ทรถติด แต่กลับมีอาการอื่น ๆ พ่วงมาด้วย เช่น มีเสียงดังครืดคราดผิดปกติ หากเป็นแบบนี้ควรรีบนำรถเข้าไปตรวจเช็กสภาพ โดยแจ้งถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด ว่าเป็นที่ไดสตาร์ทเสีย หรือมาจากส่วนอื่น ๆ ของเครื่องยนต์กันแน่
วิธีแก้ปัญหาเมื่อไดสตาร์ทเสีย ต้องทำยังไงบ้าง ?
ในกรณีที่ไดสตาร์ทเสียแบบออกอาการชัดเจน คุณสามารถสตาร์ทรถให้ติดได้ด้วย 3 วิธี โดยมีรายละเอียดวิธีการแก้ปัญหาไดชาร์จเสีย สตาร์ทไม่ติดดังนี้
1. สตาร์ทรถอย่างรวดเร็ว
หากคุณสัมผัสได้ถึงอาการแปลก ๆ ที่ส่อแววว่าไดสตาร์ทกำลังจะเสีย ให้รีบติดเครื่องยนต์ (สตาร์ทรถ) ทันที จากนั้นนำรถเข้าศูนย์หรืออู่ซ่อมอย่างเร่งด่วน
2. เข็นรถก่อนสตาร์ท (เกียร์กระปุก)
ขอย้ำก่อนว่าวิธี “เข็นรถก่อนสตาร์ท” ใช้ได้เฉพาะกับรถเกียร์กระปุกเท่านั้น โดยเริ่มจากเข้าเกียร์ 1 พร้อมเหยียบคลัตช์ และบิดกุญแจไปด้านขวาสุด เมื่อไฟหน้าปัดแสดงผลให้เข็นเพิ่มความเร็วจนเหมาะสม จากนั้นทำการปล่อยคลัตช์แล้วเหยียบคันเร่ง หลังจากที่เครื่องยนต์ติดให้แตะเบรกประคองรถเอาไว้ ก่อนขับไปยังอู่ใกล้เคียง เพื่อซ่อมไดสตาร์ทให้เสร็จเรียบร้อย
3. นำโลหะมาเคาะไดสตาร์ท
วิธีนำโลหะมาเคาะไดสตาร์ท สามารถใช้ได้กับรถเกียร์ออโต้ที่มีอาการไดสตาร์ท เสียขั้นต้นเท่านั้น โดยให้นำโลหะ เช่น ประแจ หรือแม่แรงมาเคาะเบา ๆ ที่ไดสตาร์ท บริเวณทรงกลมดำที่มีสติกเกอร์ติดอยู่ ประมาณ 3-4 ครั้ง หากหลังจากเคาะแล้วรถสตาร์ทติด ให้นำเข้าศูนย์หรืออู่ใกล้บ้านทันที
หากไม่อยากพบเจอกับปัญหาไดสตาร์ทเสีย ทั้งก่อนหรือระหว่างเดินทาง หรือลำบากต้องไปถามอากู๊(Google) ผ่านคำค้นหา รถลากใกล้ฉัน ดีที่สุดเลยเพื่อป้องกันคือการนำรถไปตรวจเช็กสภาพอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าหากเกิดปัญหาไดชาร์จเสีย สตาร์ทไม่ติดขึ้นมาแล้ว การรับมืออย่างถูกต้องเป็นแผนสำรองที่ต้องมี มีเบอร์ รู้ราคา เช็คหา ราคารถลาก รถเสีย ติดมือถือไว้ นอกจากนี้หากไม่อยากเคว้งคว้างเมื่อรถเสียเมื่อขับรถคนเดียว แนะนำให้เลือกซื้อประกันรถเสียที่ให้ความคุ้มครองตอบโจทย์ ก็จะช่วยให้คุณรู้สึกอุ่นใจได้มากกว่า
คำจำกัดความ
ฉุกคิด | คิดขึ้นมาได้ทันที, บังเอิญคิดได้ |
กระตุ้น | บีบ หรือกระแทกเบา ๆ ให้รู้ตัว, เร่งให้ทำ, เตือนให้ทำเร็วขึ้น, ช่วยเร่งให้คืนสู่สภาพปกติ, ช่วยเร้า |
พ่วง | ตามติด, ห้อยท้าย, ต่อท้าย |