บอกต่อ วิธีขับรถหน้าฝน ยังไงให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ ! โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมที่ฝนฟ้าคะนองวางใจไม่ได้ ขับขี่ใช้รถย่อมมีอันตรายแฝงอยู่รอบด้าน ดังนั้นเพื่อให้การขับรถในวันที่ฝนตกของคุณ “ปลอดภัย” มากที่สุด จะมีอะไรบ้าง ? MrKumka รวบรวมมาให้คุณแล้ว ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลย
5 วิธีขับรถหน้าฝน ขับรถชิว ๆ ช่วงหน้าฝน
สำหรับวิธี ขับรถขณะฝนตก ให้ห่างไกลจากอุบัติเหตุ ที่เรากำลังจะบอกต่อในวันนี้ ถือเป็นเคล็ดลับที่สามารถทำความเข้าใจ และทำตามได้ง่าย ๆ โดยแต่ละวิธีก็มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. การเปิดไฟหน้ารถ
การเปิดไฟหน้ารถถือเป็นสัญญาณที่ดีที่สุด เพราะจะช่วยให้รถที่ตามมาข้างหลังมองเห็นรถของคุณได้ชัดเจนขึ้น แถมยังช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้มาก ซึ่งการเปิดสัญญาณไฟหน้ารถก็มีดังนี้
- ใช้สัญญาณไฟแบบปกติ หากมีไฟตัดหมอกสามารถเปิดได้ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ไฟฉุกเฉิน-ไฟกะพริบ เพราะรถคันที่ตามมาข้างหลัง ไม่รู้ว่ารถของเรากำลังจอดหรือขับอยู่บนถนน
- ไม่เปิดไฟหน้าสูง เพราะจะทำให้รถคันที่สวนทางมาโดยไฟส่องแยงตา ทำให้ตาพร่ามัวมองวิสัยทัศน์ตรงหน้าได้ไม่ดี อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้
2. เปิดที่ปัดน้ำฝน
การใช้ที่ปัดน้ำฝนมีหลายแบบ แบ่งตามลักษณะฝนที่ตกว่าตกหนักตกเบา เช่น หากฝนตกไม่หนักมากให้เลือกใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบครั้งเดียวหรือปัดสองครั้งแล้วหยุด แต่ถ้าหาก ขับรถขณะฝนตก ค่อนข้างหนัก แนะนำให้ใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติตลอดเวลาหรือปัดถี่เพื่อทัศนียภาพที่ชัดเจนขึ้น
มากไปกว่านั้นอีกทิปส์ที่อยากจะบอกแก่ผู้ใช้รถหลายคนที่มักลืมเมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝนคือ อย่าลืมตรวจสภาพใบปัดน้ำฝนด้วยว่าเป็นยังไง ยางปัดน้ำฝนยังปัดกระจกสะอาดดีเหมือนเดิมหรือเปล่า มีเสียงดังหรือไม่เวลาใช้งาน หากไม่สมบูรณ์ควรเปลี่ยนใหม่ทันที อย่านึกขึ้นในตอนที่ฝนเริ่มตกในทุกที
3. การรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า
น้ำฝนที่ตกกระทบพื้นถนนจะไปชะล้างคราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่อยู่บนพื้นถนน ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ถนนลื่น ความสามารถในการเบรกลดลง ต้องกะระยะในการเบรกเพิ่มขึ้น ดังนั้นแนะนำให้เว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าปกติ เพื่อให้ระยะเบรกของคุณสามารถหยุดรถได้ทัน ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้
4. ความเร็วในการขับขี่
ในขณะที่ฝนหยุดตกไปแล้ว คุณก็ไม่ควรชะล่าใจเด็ดขาด เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงทิ้งร่องรอยของน้ำฝนที่ทำให้ถนนลื่นอยู่ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่ “อาจจะเกิดขึ้น” แนะนำให้รักษาความเร็วในการขับขี่ อยู่ที่ประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากเป็นความเร็วที่เราจะสามารถควบคุมรถไม่ให้ลื่นไถลได้
ต่อเนื่องจากเรื่องความเร็วที่ใช้ เรื่องของเบรกที่ความสามารถอาจลดลงได้จากสภาพอากาศ เพราะฉะนั้นอย่าลืมตรวจสอบการทำงานของระบบห้ามล้อให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในหน้าฝนนี้ด้วย ใช้ความเร็วที่เหมาะสมควบคู่ไปกับสมรรถนะการเบรกสูงสุด ความปลอดภัยในการใช้รถย่อมสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
5. การป้องกันการเกิดฝ้าที่กระจก
“ฝ้าที่กระจก” เป็นสาเหตุที่กวนใจแบบสุด ๆ ไปเลยล่ะ เพราะจะบดบังทัศนียภาพบนท้องถนน ดังนั้นคุณต้องสังเกตให้ดีว่าฝ้าที่เกิดขึ้น เป็นฝ้าภายในหรือภายนอก หลังจากนั้นก็รักษาอุณหภูมิภายในและภายนอกรถให้เท่ากัน เพื่อลดการเกิดฝ้าทั้งในและนอกตัวรถ โดยมีวิธีแก้ไขดังนี้
- ใช้ผ้าหรือที่ปัดน้ำฝนเช็ด เพื่อลดฝ้าที่เกิดขึ้น
- ปรับทิศทางของแอร์ ไม่ให้หันไปโดนกระจก
- ลดกระจกลงเล็กน้อย เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
- ปรับอุณหภูมิภายในรถ เพื่อให้อากาศภายในและภายนอกรถเท่ากัน
เพียงแค่คุณปฏฺิบัติตาม 5 วิธีที่เรานำมาบอกต่อเมื่อข้างต้น ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากการ ขับรถขณะฝนตก ได้แล้ว ไม่ว่าคุณจะรีบร้อนอย่างไร อย่าได้เหยียบคันเร่งในตอนที่ถนนเปียกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้
เคล็ด (ไม่) ลับ ดูแลภายนอกรถยนต์หลังจากขับรถฝ่าฝน
นอกจากข้อแนะนำแล้ว เรายังนำข้อควรระวังมาบอกต่อคุณด้วยเช่นกัน ! หากไม่อยากให้รถคู่ใจมีปัญหา อย่าทำแบบนี้หลังจากขับรถฝ่าฝนมา “เด็ดขาด”
-
1. อย่ารีบเช็ดรถทันที
หลายคนคิดว่าการ ขับรถขณะฝนตก ถือเป็นอีกหนึ่งข้อดี เพราะเป็นการล้างรถไปในตัว กลับถึงบ้านก็ใช้ผ้าเช็ดรถทันที บอกเลยว่าเป็นการกระทำที่ “ผิดมาก” เพราะหลังจากขับรถฝ่าฝนมา มักจะมีเศษฝุ่น เศษโคลน เศษกรวดเล็ก ๆ หรือใบไม้ปลิวมากติดรถ หากคุณเช็ดรถทันที อาจจะทำให้สิ่งเหล่านั้นขูดตัวรถ จนทำให้เกิดรอยยังไงล่ะ
-
2. ล้างรถด้วยน้ำทันที
การล้างรถทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน จะช่วยไม่ให้เกิดคราบน้ำและเศษฝุ่นแห้งติดรถ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สีรถเสื่อมสภาพ หลังจากล้างรถแล้วก็ควรเคลือบสีรถ เวลาที่ต้องขับรถลุยฝนอีก น้ำฝนจะได้ไม่เกาะตัวรถมาก แต่ไม่แนะนำให้ล้างรถตอนเย็นหรือช่วงหัวค่ำ เนื่องจากจะต้องเผชิญกับน้ำค้างในตอนกลางคืน นอกจากจะทำให้รถแห้งช้าแล้ว ยังอาจทำให้ชิ้นส่วนภายในรถเกิดสนิมได้
-
3. ใช้ผ้าคลุมรถ
หลังจากล้างรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เช็ดรถให้แห้งและคลุมรถทันที เพื่อปกป้องรถจากแสงแดด แต่ถ้าหากจำเป็นจะต้องจอดกลางแจ้ง แนะนำให้ใช้ผ้าคลุมรถแบบกันน้ำ เพราะถ้าหากฝนตกลงมาอีก จะได้ไม่ต้องเสียเวลาล้างรถครั้งที่สองนั่นเอง
สำหรับคำแนะนำและข้อระวังที่เรานำมาบอกต่อคุณในวันนี้ว่าด้วยเรื่องการใช้รถในช่วงฤดูที่ยาวนานที่สุดในบ้านเรา “หน้าฝน” หวังว่าจะช่วยเป็นแนวทางให้ใครหลาย ๆ คนได้นำไปปรับใช้ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่อย่างที่ทุกคนทราบกันดี ว่าอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก เราไม่ชนเขาเขาก็อาจมาชนเราได้ และหากคุณไม่อยากเผชิญหน้ากับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ มีประกันรถยนต์ติดไว้อุ่นใจกว่า เช็กเบี้ยประกันรถยนต์กับ MrKumka เพื่อมอบความคุ้มครองที่ครอบคลุม “คุ้มค่า” ให้รถของคุณได้แล้ววันนี้ !