“ความปลอดภัย” ของลูกน้อย คือสิ่งที่พ่อแม่ให้ความสำคัญมาก ๆ แม้กระทั่งตอนอยู่ในรถยนต์ที่ควรติดตั้งคาร์ซีท (Car Seat) เพื่อลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนน MrKumka ได้รวบรวมรายละเอียดที่น่าสนใจมาให้แล้วในบทความนี้ ทำความเข้าใจก่อนเลือกซื้อพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า
วิธีเลือกคาร์ซีท (Car Seat) มีกี่แบบ แล้วแบบไหนดีที่สุด ?
ด้วยความที่ในปัจจุบันมีคาร์ซีท (Car Seat) ให้เลือกซื้อหลากหลายแบบ หากไม่รู้ว่าควรจะต้องการเลือกคาร์ซีทแบบไหน ให้ตอบโจทย์การใช้งาน มีความปลอดภัยมากที่สุด และเหมาะสมกับช่วงอายุของลูกน้อย และมีฟังก์ชันที่น่าสนใจ เราได้รวบรวมมาให้คุณทั้งหมด 2 ประเภท โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
Car Seat แรกเกิด
คาร์ซีทเด็กแรกเกิด สามารถสับย่อยได้อีก 2 ประเภท ดังนี้
แบบ New Born Only
คาร์ซีทเด็กแรกเกิด ถูกออกแบบมาในลักษณะกระเป๋าเหมาะสำหรับติดตั้งแบบหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์เท่านั้น บางรุ่นสามารถวางบนเบาะได้เลย และบางรุ่นสามารถใช้งานควบคู่กับรถเข็นได้ แนะนำให้ทำความเข้าใจให้ดีก่อนเลือกซื้อ เพื่อให้สามารถใช้งานได้หลากหลายมากที่สุด
แบบ Convertible
เป็นคาร์ซีทเด็กแรกเกิดไปจนถึงเด็กโต เบาะนั่งเด็กแบบนี้ปรับใช้งานได้ 2 รูปแบบ คือ หันหน้าเข้าหาเบาะรถและหันหน้าไปหน้ารถ สามารถใช้งานได้กับเด็กหลายช่วงอายุ ถือเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีขนาดใหญ่ มีฟังก์ชั่นเยอะ และสะดวกต่อการใช้งาน
Car Seat เด็กโต
คาร์ซีทเบาะนั่งเด็กโต สามารถแบ่งย่อยได้อีก 2 ประเภท โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
Forward Facing
เป็นคาร์ซีทตัวที่ 2 ของเด็ก ๆ ที่ได้รับความนิยมากที่สุด เนื่องจากโครงสร้างของเบาะที่นั่งค่อนข้างใหญ่ พนักพิงสูง นั่งเดินทางระยะไกลได้สบาย ๆ ไม่อึดอัด แถมยังให้ความปลอดภัยได้ดีมาก ๆ เหมาะสำหรับเด็กที่นั่งชันหลังได้อย่างแข็งแรง
Booster seat
มีลักษณะคล้ายกับคาร์ซีทแบบ Forward facing แต่แตกต่างตรงที่ Booster seat ไม่มีพนักพิง ในส่วนของฟังก์ชันการใช้งานยังน้อยกว่า ทำให้มีน้ำหนักเบา พกพาง่าย เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป
คาร์ซีท “ราคา” เท่าไหร่ แพงไหม ?
หนึ่งในเหตุผลที่พ่อแม่หลายคนไม่นิยมซื้อคาร์ซีทเบาะนั่งเด็กให้ลูกน้อย เป็นเพราะ “ราคา” ที่ค่อนข้างสูง เพราะมีราคาตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับแบรนด์ รุ่น และฟังก์ชันการใช้งาน และจงจำไว้ว่า “ของดี ไม่ใช่ของที่ราคาแพงเสมอไป” ดังนั้นสามารถเลือกซื้อตามกำลังทรัพย์ที่มีได้เลย
เพราะสิ่งที่พ่อแม่ควรให้ความสำคัญมาก ๆ คือ “ความปลอดภัย” ของลูกน้อย เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา บางครั้งอาจรุนแรงเกินกว่าที่ “อ้อมกอด” ของคนเป็นแม่จะปกป้องลูกได้ ดังนั้นการเลือกซื้อคาร์ซีทที่เหมาะสมกับช่วงวัย มีมาตรฐาน และมีสภาพสมบูรณ์ จะช่วยปกป้องชีวิตของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี แถมช่วยให้อุ่นใจตลอดการเดินทางอีกด้วย
ติดตั้งคาร์ซีทยังไงให้ปลอดภัย ปกป้องลูกน้อยได้ดีที่สุด ?
เมื่อเลือกซื้อคาร์ซีทเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ลูกน้อยแล้ว ยังควรต้อง “ติดตั้ง” อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพมากที่สุด มีวิธีการติดตั้งอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่า
- อ่านและทำความเข้าใจคู่มือการติดตั้งอย่างละเอียด พร้อมกับติดตาม “คำแนะนำ” ของผู้ผลิต ในการติดตั้งและใช้งาน เช็กให้ดีว่าคาร์ซีทที่ซื้อมา มีระบบการติดตั้งแบบไหน
- เลือกตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับติดตั้งคาร์ซีท แต่ไม่ว่ายังไงไม่ควรติดตั้งที่เบาะหน้าเด็ดขาด
- เมื่อเลือกตำแหน่งได้แล้ว ก่อนติดตั้งให้ทำความสะอาดพื้นที่ที่จะติดตั้งให้สะอาด และเช็ดให้แห้งก่อน
- จากนั้นติดตั้งคาร์ซีทตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างถูกต้อง และตรวจสอบให้แน่ใจว่าติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม พร้อมกับตรวจสอบ “ความมั่นคง” ว่าคาร์ซีทจะไม่เคลื่อนไหวออกจากที่ติดตั้ง ด้วยการ “เขย่า” และดึงไปมา เพื่อดูว่าเคลื่อนไหวมากน้อยแค่ไหน หากไม่มั่นคงควรติดตั้งใหม่
- ตรวจสอบให้มั่นใจว่าระบบยึดติดของคาร์ซีททำงานอย่างถูกต้อง ไม่มีอุปกรณ์ใด ๆ ขาดหายไป หรือมีความเสียหายเกิดขึ้น
ไอโซฟิก (iSOFix) คืออะไร ?
ไอโซฟิก คือ การติดตั้งคาร์ซีทตามมาตรฐานสากล เป็นการ “บังคับใช้” อย่างแพร่หลายทั่วโลก แต่ละประเทศจะใช้ชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป แต่ไม่ว่าจะเรียกแบบไหนการติดตั้งแบบนี้ ได้รับการยืนยันถึงความปลอดภัย “ระดับสูงสุด” แถมยังติดตั้งง่าย ไม่ต้องใช้เข็มขัด
เนื่องจากมีลักษณะเป็นแกนเหล็ก ที่โรงงานผู้ผลิตรถได้ติดตั้งมาให้แล้ว “ไม่สามารถติดเพิ่มได้” ตามปกติแล้วหากเป็นรถยุโรปจะมี ไอโซฟิก ทุกรุ่น แต่ถ้ารถญี่ปุ่นจะมีเฉพาะรุ่นหลังปี 2014 เท่านั้น ทั้ง 2 แบบจะถูกติดตั้ง ไอโซฟิก แตกต่างกันออกไป แนะนำให้เช็กให้ดีก่อน เพราะถ้าหากเป็นรถญี่ปุ่นบางยี่ห้อ บางรุ่น จะติดตั้งเหล็กลึกจากเบาะค่อนข้างเยอะ หากเลือก ไอโซฟิก แบบก้าน อาจทำให้การติดตั้งยุ่งยาก หรือในบางครั้งไม่สามารถติดตั้งได้
ปฏฺเสธไม่ได้เลยว่า “คาร์ซีท” เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ ที่ช่วยปกป้องชีวิตของลูกน้อยจากอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี ในปัจจุบันมีให้เลือกหลายแบบ หลายรุ่น หลายฟังก์ชัน แนะนำให้เลือกซื้อและติดตั้งในแบบที่ตอบโจทย์มากที่สุด แต่ไม่แนะนำให้ซื้อมือสอง เพราะถ้าหากเจอคาร์ซีทที่ “หมดอายุแล้ว” จะไม่สามารถปกป้องลูกน้อยของคุณได้ ถ้าจะซื้อแนะนำให้ดู “วันหมดอายุ” ที่คาร์ซีทให้ดีก่อน