อยากเป็นเจ้าของรถสักคัน การ เลือกสีรถยนต์ ถือว่ามีความสำคัญค่อนข้างมาก เพราะสีรถต้องอยู่กับคุณไปอีกนาน หากต้องการเปลี่ยนจะมี “ค่าใช้จ่าย” ที่ต้องควักเพิ่ม หรือบางสีเมื่อต้องการขาย อาจส่งผลต่อราคาได้เช่นกัน MrKumka จึงได้รวบรวม “ข้อเสียของสีรถ” มาให้ทำความเข้าใจคร่าว ๆ เพื่อไม่ให้คุณต้องมานั่งเสียใจในภายหลังหากมีการขายรถ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย !
รู้จักประเภทสีก่อนตัดสินใจ เลือกสีรถยนต์
ก่อนที่จะไปทำความเข้าใจ “ข้อเสีย” ของสีรถยนต์ เรามาทำความเข้าใจ “ประเภทสีรถยนต์” กันก่อนดีกว่า เพื่อให้คุณได้รับรถที่มีสีสันสวยงาม ถูกใจ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 4 ประเภท ดังนี้
-
1. สีมาตรฐาน
สีมาตรฐาน ซึ่งเป็นประเภทสีที่หลายคนนิยมเรียกกันว่า “สี OEM” คือสีที่ออกแบบและผลิตมาจากโรงงาน หากต้องซ่อมสีรถใหม่สามารถหาได้ง่าย ราคาจับต้องได้ ความคงทนสูง แถมยังการดูแลรักษาไม่ยาก แค่ล้างรถบ่อย ๆ ก็เพียงพอแล้ว แต่อาจแลกมาด้วย “ความเรียบง่าย ที่ไม่มีความโดดเด่น”
-
2. สีเมทัลลิค
สีเมทัลลิค ให้ความเรียบหรู เงางาม ให้ฟีลคล้ายรถสปอร์ตหรือรถซูเปอร์คาร์ เนื่องจากมีการผสม “ผงอะลูมิเนียม” เข้าไปด้วย ช่วยให้สะท้อนแสงและเปล่งประกายได้ดี แต่ข้อเสียคือฝุ่นเกาะง่ายมาก ต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นพิเศษ แถมมีค่าใช้จ่ายสูง
-
3. สีมุก
สีมุก เป็นสีที่มีความสว่าง เงางาม “มากกว่า” สีเมทัลลิค แถมยังมีความซับซ้อนและความลึกของเฉดสี เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงแดดจะมีเฉดสีที่แตกต่างออกไป ข้อเสียคือมีราคาค่อนข้างสูง และต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นพิเศษ เห็นคราบฝุ่นได้ง่ายกว่าสีเมทัลลิคหลายเท่าตัว
-
4. สีด้าน
สีด้าน อีกหนึ่งประเภทสีที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก โดยเฉพาะสีเงิน สีเทา และสีดำ เนื่องจากให้ความโดดเด่น เท่ และให้ความแตกต่างจากสีมาตรฐานอย่างชัดเจน แต่ก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง หากมีคราบสกปรกเกิดขึ้น โดยเฉพาะ “คราบขี้นก” จะต้องรีบทำความสะอาดรถทันที เพราะสามารถกัดกร่อนเนื้อสีชนิดนี้ได้
ข้อเสียของการเลือกซื้อรถ “สีขาว”
“สีขาว” เป็นสีที่เป็นตัวเลือกอันดับ 1 ของใครหลาย ๆ คน เพราะให้ความสวยงาม สังเกตเห็นได้ง่ายในตอนกลางคืน แต่นอกจากจะต้องควักเงินจ่ายเพิ่มสำหรับรถสีนี้แล้ว คุณรู้ไหมว่า “สีขาวยังมีข้อเสียอีกมาก” และเราจะเล่าให้คุณฟังเอง !
- เห็นคราบสกปรกง่ายมาก เนื่องจากเป็นสีสว่างยิ่งตอนที่โดนสิ่งสกปรก เช่น โคลน ดิน คราบขี้นก ฯลฯ ยิ่งมองเห็นคราบต่าง ๆ ได้ชัด อาจต้องทำความสะอาดรถบ่อยหน่อย เพื่อให้รถกลับมาขาวสะอาดอีกครั้ง
- เมื่อใช้รถไปนาน ๆ อาจเจอปัญหา “สีหมอง” ได้ บางคันแทบจะกลายเป็นสีเหลืองเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะรถยนต์ที่ไม่ได้ล้างรถบ่อย หรือรถที่เลือกใช้ Wax เคลือบสีที่ไม่ได้มาตรฐาน
- มีราคาแพงกว่าสีอื่น โดยเฉพาะ “สีขาวมุก” ที่คุณต้องควักเงินจ่ายเพิ่มเติม เพื่อแลกกับ “ความสวย” ที่โดดเด่น สะดุดตา เหตุผลที่ทำให้มีราคาแพงคือ ไม่ใช่แค่การพ่นสีขาวพื้นแบบ Solid เท่านั้น แต่มีการพ่นแบบสีมุก Pearl อีกชั้น เพื่อให้ตัวสีมีความชัดเจน และซับซ้อนกว่าสีรถอื่นทั่ว ๆ ไป
- ในกรณีที่ต้องการทำสีรถ อาจเกิดการผิดเพี้ยนได้ เพราะอย่าลืมว่าสีขาวมีหลายเฉดมาก ๆ ทั้ง สีขาวธรรมดา สีมุก มีความเป็นไปได้ว่าสีจะผิดเพี้ยนไปจากเดิม ซึ่งถือเป็นสีที่ปราบเซียนมาก ๆ เลยล่ะ
ข้อเสียของการเลือกซื้อรถ “สีดำ”
แม้ว่ารถสีดำจะเป็น “สีในดวงใจ” ของใครหลาย ๆ คน เพราะให้ความน่าหลงใหล ดุดัน แต่คุณรู้ไหมว่า ? “สีดำ คือสีที่น่าหงุดหงิดใจ” มากที่สุด ซึ่งจะมีเรื่องอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
- สีดำทำให้มองเห็นรอยขีดข่วนได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นรอยขนแมวเล็ก ๆ ไปจนถึงรอยขีดข่วนขนาดใหญ่ แถมตัวสีดำเองยังเป็นสีที่เกิดรอยได้ง่ายอีกด้วย
- สีดำเป็นสีที่ให้ความเท่ ดุดัน น่าหลงใหล แต่แฝงมาด้วยความเลอะเทอะและสกปรกได้ง่าย ยิ่งโดนฝุ่น ดินแดง หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ บอกเลยว่าแทบจะเปลี่ยนสีรถได้เลย
- หากล้างรถไม่ดีจะเห็นรอยต่าง ๆ ได้ง่ายมาก โดยเฉพาะรอยคราบหยดน้ำที่เช็ดไม่แห้งสนิทดี หากไม่อยากปวดหัวในเรื่องนี้ คงจะต้องพิถีพิถันในการล้างรถสักหน่อย
- หากลง Wax ไม่เนียน คราบขาวมาแน่นอน นอกจากนี้ยังรวมถึงน้ำยาอื่น ๆ อีกด้วย ถ้าเลือกไม่ดีรับรองว่าปวดหัวแน่ ๆ
- ด้านการดูแลรักษา ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสีรถ หรือขั้นตอนการทำความสะอาดรถที่ยุ่งยาก จุกจิก (เมื่อเทียบกับรถยนต์สีอื่น) บางทีล้างรถมาแค่แป้บเดียวกลับเลอะอีกแล้ว
สีรถยนต์ส่งผลต่อ “ราคาขายรถ” จริงไหม ?
สีของรถยนต์นอกจากจะส่งผลต่อราคาขายรถแล้ว ยังส่งผลต่อระยะเวลาในการขายด้วยเช่นกัน เพราะรถยนต์ที่มีสีสันฉูดฉาดเป็นการออกแบบเพื่อ “สร้างความน่าจดจำ” เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสีส้ม สีฟ้า สีชมพู ฯลฯ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสีเหล่านั้นอาจดูเชย หรือคนส่วนใหญ่มองว่าเป็นสีที่แปลก เมื่อตัดสินใจขายต่อ ขายเป็นรถมือสอง อาจจะได้ “ราคา” ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้
เว้นแต่ว่าสีรถยนต์ของคุณไปตรงกับ “สีที่ทำตลาดอยู่” อาจมีราคาขายที่ดีกว่า เพราะคุณสามารถใช้คำข้ออ้างว่า “คันนี้เป็นสีเปิดตัวของรุ่น” แต่ถึงยังไงไม่อาจสู้สีเรียบ ๆ อย่างสีขาว สีดำ หรือสีเทาได้อยู่ดี แม้จะมีจุดขาย แต่ถ้าคนที่มาซื้อต่อไม่ถูกใจสี คุณอาจจะถูกกดราคาหรือไม่สามารถปิดการขายได้นั่นเอง
จะเห็นได้ว่า “สีรถยนต์” มีความสำคัญค่อนข้างมาก และถึงแม้ว่าสีขาวและสีดำจะมี “ข้อเสีย” ที่หลายคนคาดไม่ถึง แต่ยังเป็นสีมาตรฐานที่ “ครองใจ” คนส่วนใหญ่อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง หน้าที่ของคุณคือการตัดสินใจให้ดี ชั่งน้ำหนักความชอบและข้อเสียให้ถี่ถ้วน เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง โดยเฉพาะคนที่เปลี่ยนรถบ่อย การซื้อรถที่มีสีรถฉูดฉาดถือเป็น “สิ่งต้องห้าม” เนื่องจากส่งผลต่อราคาขายต่อค่อนข้างมาก แต่ถ้าคุณไม่ติดเรื่องนี้ จะซื้อสีฉูดฉาดแค่ไหน เลือกที่ชอบได้เลย ไม่ต้องกังวล หรือจะเลือกตามสีรถถูกโฉลกตามวันเกิด ก็ย่อมได้