เช็คสัญญาณที่บอกว่ารถเก่า ถึงเวลาที่คุณควรเปลี่ยนรถใหม่ได้แล้ว

แชร์ต่อ
เช็คสัญญาณที่บอกว่ารถเก่า ถึงเวลาที่คุณควรเปลี่ยนรถใหม่ได้แล้ว | มิสเตอร์ คุ้มค่า

รถยนต์ ใช้งานทุกวันย่อมเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาและเลขไมล์ ไม่ว่าคุณจะคุ้นมือกับมันมากแค่ไหน ถึงวันหนึ่งเมื่อรถเก่าก็ควรต้องเปลี่ยน จะมี “สัญญาณ” อะไรบ้าง? ที่บอกกับคุณได้ว่าถึงเวลาควรเปลี่ยนรถใหม่ และถ้าไม่เปลี่ยน “ยื้อ” ที่จะใช้ต่อไปไม่เปลี่ยนรถสักที จะเกิดผลเสียมากกว่าผลดียังไง มิสเตอร์ คุ้มค่า จะมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังกัน

5 สัญญาณเตือน ควรเปลี่ยนรถใหม่มีอะไรบ้าง ?

​​5 สัญญาณเตือน ควรเปลี่ยนรถใหม่มีอะไรบ้าง ?​ | มิสเตอร์ คุ้มค่า

หนึ่งในคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัย แต่ยังหาคำตอบไม่ได้สักที คือ “ควรเปลี่ยนรถเมื่อไหร่ดี ?” อย่างที่บอกว่ารถยนต์มีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ดังนั้นเราไปดู “สัญญาณเตือน” ที่บอกว่าคุณควรเปลี่ยนรถได้แล้วกันเลยดีกว่า

  • 1. รถเกิดปัญหาควันขาว

    หนึ่งในสัญญาณที่กำลังบอกคุณว่า “รถไม่ไหวแล้ว อย่าฝืน” เพราะสาเหตุที่ทำให้รถเกิดควันขาวพวงพุ่งออกมาจากเครื่องยนต์ เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่มีประสิทธิภาพ ชิ้นส่วนภายในสึกหรอ ทำให้น้ำมันเครื่องหลุดเข้าไปในขั้นตอนการจุดระเบิด

    ส่งผลให้อุณหภูมิไม่ถึงจุดที่ทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์ เมื่อควันที่ปล่อยออกมาเจอกับอุณหภูมิต่ำกว่าจึงทำให้เกิดควันขาวอย่างที่เห็น นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการ “เครื่องหลวม” ด้วยเช่นกัน

  • 2. ค่าใช้จ่ายในการซ่อมสูงเกินไป

    แน่นอนว่ารถเก่าที่เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา อาจต้องมีการเสียบ้าง ซ่อมบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าหากเสียหรือซ่อมบ่อยมากเกินไป จนเกินมูลค่าการขายรถไปแล้ว การจะซ่อมเพื่อนำมาใช้งานต่ออาจไม่คุ้มค่าสักเท่าไหร่ แบบนี้การเปลี่ยนรถใหม่อาจตอบโจทย์ได้ดีกว่า

    นอกจากนี้เมื่อใช้รถไปนาน ๆ ค่าซ่อมรถ ค่าเสียเวลาซ่อมรถ ค่าบำรุงรักษา รวมถึงค่าอะไหล่ต่าง ๆ จะยิ่งสูงขึ้นตามอายุของอะไหล่/ชิ้นส่วนนั้น ๆ โดยมีราคาเริ่มต้นที่หลักพันไปจนถึงหลักแสน ยิ่งเป็นรถเก่ามาก ๆ อะไหล่จะยิ่งหาเปลี่ยนได้ยากบวกกับราคาค่อนข้างสูง ในท้ายที่สุด การเปลี่ยนรถใหม่อาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุดอยู่ดี

  • 3. รถชน เกิดอุบัติเหตุหนัก

    หากรถยนต์คู่ใจของคุณเกิดอุบัติเหตุอย่างหนัก เช่น รถชนจนยับเยิน แม้ว่าช่างจะประเมินแล้วว่าสามารถซ่อมกลับมาให้ได้งานได้ดั่งเดิม แต่ไม่มีอะไร 100% รวมถึงความคุ้มค่าในการซ่อมแซม ดูแลรักษาสูงมาก ๆ การเปลี่ยนรถใหม่อาจช่วยให้คุณประหยัด และได้รับความคุ้มค่าที่มากกว่า

  • 4. สนิมขึ้นบริเวณตัวถัง

    “สนิม” หากเกิดขึ้นบริเวณชั้นสี ยังสามารถแก้ไข บำรุงให้กลับมาสวยงามดังเดิมได้ แต่ถ้าหากมันดันไปขึ้นบริเวณตัวถัง แนะนำว่าเปลี่ยนรถใหม่จะดีกว่า เพราะจะทำให้เกิดการผุพัง กัดกร่อน ยิ่งปล่อยไว้นานยิ่งลุกลาม ส่งผลต่อการดูดซับกระจายแรงกระแทกน้อยลง และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

  • 5. ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป

    ถ้าไลฟ์สไตล์ความชื่นชอบของคุณเปลี่ยนไป หรือลักษณะการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม มีครอบครัว มีลูกเล็กหรือลูกเริ่มโต การเปลี่ยนรถใหม่จะช่วยตอบโจทย์ได้ดีเช่นเดียวกัน เพราะจะช่วยให้การใช้รถในชีวิตประจำวันสะดวกมากขึ้น เช่น เปลี่ยนไปใช้รถที่ใหญ่ขึ้น บรรจุคนและสัมภาระได้เยอะ หรือถ้าจะไปในเรื่องความประหยัดน้ำมัน เลือกรถไฟฟ้าก็ดีกว่า เป็นต้น

ต้องยอมรับว่า “อายุการใช้งาน” เป็นเรื่องสำคัญในการเปลี่ยนรถใหม่ เพราะถ้าหากใช้รถเก่าไปนาน ๆ ก็เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย แต่อย่าลืมว่าอุบัติเหตุไม่เลือกเวลาเกิด และไม่เลือกว่าจะเป็นรถใหม่หรือรถเก่า ดังนั้นการมีประกันภัยรถยนต์ที่คุ้มครองอย่างอุ่นใจ ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีมาก ๆ แนะนำให้เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ เพื่อความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ แถมราคาสบายกระเป๋า ถ้าไม่รู้ว่าจะต้องซื้อที่ไหนดี เข้ามาเปรียบเทียบประกันกับ MrKumka.com ได้เลย เพราะเรายินดีส่งมอบกรมธรรม์ที่ดีที่สุดให้คุณเสมอ

ควรเพิ่มมูลค่ารถเก่ายังไง ให้ขายรถได้ราคาดี ?

ไม่ว่าบ้านไหนก่อนใหม่จะมาเก่าก็ต้องไป เช่นกันกับรถก่อนจะซื้อคันใหม่ก็ต้องขายคันเก่า แต่ถ้ารถเก่าของคุณเป็นประเภทโทรมจากการใช้งานไม่ค่อยดูแล รุ่นเก่าไม่พอสภาพยังเก่าอีก ฟีลเก่าเก็บมานานหลายปี ทว่าอยากขายให้ได้ราคาดีสูงสุดของราคากลาง เรามี “วิธีเพิ่มมูลค่า” มาบอกต่อ ดังนี้

  • 1. รถต้องใช้งานได้

    พื้นฐานที่สำคัญมาก ๆ ในการขายรถเก่า เริ่มแรกเลยรถยังต้องใช้งานได้ค่อนข้างจะปกติ สตาร์ทติด เครื่องยนต์ทำงานได้ดี ในส่วนของ “สภาพ” ทั้งภายในและภายนอกควรมีสภาพที่ดี หากพบว่าระบบหรือชิ้นส่วนใด ๆ ชำรุด เสียหาย ควรแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนคนซื้อมาดูรถ เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกต่อราคา ยิ่งถ้ารถมีปัญหา หนัก ๆ ชนิดสตาร์ทติดบ้างไม่ติดบ้างหนักกว่าโดนต่อราคาเยอะ ๆ คือ “ขายไม่ออก” และคุณต้องทนเก็บไว้เป็นภาระในการดูแลต่อไปชนิดที่ต้องจำยอม

  • 2. มีอุปกรณ์หรืออะไหล่ให้เพิ่มเติม

    ส่วนใหญ่คนที่ขายรถมัก “ขายรถเปล่า” ไม่มีอุปกรณ์หรืออะไหล่เพื่อนำไปใช้งานต่อ หากคุณต้องการปิดดีลให้ได้เร็ว ๆ แถมยังเพิ่มความประทับใจได้เป็นอย่างดี แนะนำให้ส่งต่ออะไหล่หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วไปพร้อมกับรถ เช่น อุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉิน ยางอะไหล่ ชุดปฐมพยาบาล ฯลฯ เพื่อให้ผู้ซื้อสัมผัสได้ถึงความคุ้มค่า และลดการต่อราคาลงได้ประมาณหนึ่ง

รถเก่า ทำประกันชั้นไหนตอบโจทย์ได้มากกว่า ?

หนึ่งในประเด็นที่หลายคนสงสัยไม่แพ้กัน โดยเฉพาะคนที่ใช้รถเก่ามานาน ว่าควรใช้ประกันชั้นไหนดี ที่สามารถตอบโจทย์ได้ดีที่สุด ซึ่งจริง ๆ แล้วสามารถทำได้หมด ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจในความคุ้มครองของประกันแต่ละชั้น และเงื่อนไขต่าง ๆ ของบริษัทประกัน

แนะนำให้สอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขให้ดีก่อน เช่น ประกันชั้น 2 ไม่มีคู่กรณีเคลมได้ไหม ? ต้องจ่ายค่าอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ? รวมถึงประกันรถยนต์ชั้น 1 รถเก่าทำได้ไหม มีเงื่อนไขอะไรที่ต้องเข้าใจก่อนบ้าง? เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ แต่ถ้ายังเลือกไม่ได้ เราลิสต์ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์แต่ละชั้นมาให้แล้ว ไปดูกันเลย

  1. ประกันรถยนต์ชั้น 1
    อย่างที่บอกไปก่อนหน้าแล้วว่า รถเก่าก็สามารถทำประกันชั้น 1 ได้ แต่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่าง ๆ ของบริษัท บางที่รับรถที่มีอายุสูงสุด 15 ปี รวมถึงมีการพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ประวัติการขับขี่ สภาพรถยนต์ รุ่นรถ รวมถึงการต่อประกันกับเจ้าเดิมเป็นเวลานาน
  2. ประกันรถยนต์ชั้น 2+
    เป็นประกันรถยนต์ที่เหมาะกับรถเก่ามาก ๆ เช่นกัน โดยให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับชั้น 1 “ซ่อมเขา ซ่อมเรา” คุ้มครองกรณีน้ำท่วม ไฟไหม้รถ แถมค่าเบี้ยยังถูกกว่า แต่ถ้าหากไม่มีคู่กรณีจะไม่ได้รับความคุ้มครองเช่นเดียวกับประกันชั้น 2 ไม่มีคู่กรณี
  3. ประกันรถยนต์ชั้น 3+
    เหมาะสำหรับรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 15 ปี ให้ความคุ้มครองกรณีรถชนรถ “ซ่อมเขา ซ่อมเรา” รวมถึงคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย และทรัพย์สินของคู่กรณี และบุคคลภายนอกอีกด้วย

เปลี่ยนรถใหม่ทั้งที รถไฟฟ้ากับรถน้ำมัน เลือกแบบไหนดี ?

ด้วยความกระแส “รถยนต์ไฟฟ้า” มาแรงมาก ๆ ในช่วงนี้ คนที่กำลังตัดสินใจเปลี่ยนรถใหม่คงเกิดความสับสนอยู่ไม่น้อย ว่ารถไฟฟ้ากับรถน้ำมันควรเลือกแบบไหน และแบบไหนตอบโจทย์ได้มากกว่า? แน่นอนว่าคนที่สามารถตอบคำถามเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือตัวคุณเอง ถ้าอย่างนั้นตามไปเปรียบเทียบข้อดีและข้อจำกัดก่อนตัดสินใจกันเลยดีกว่า

ข้อดี และข้อจำกัดของรถน้ำมัน

ข้อดี

  • เติมน้ำมันได้ทุกที่ ทุกเส้นทาง

    เพราะมีปั๊มน้ำมันทั่วประเทศไทย ไม่ว่าจะขับในเมืองหรือขับออกต่างจังหวัดสามารถหายห่วงได้ แถมยังเติมได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องคอยนาน

  • ราคาถูก

    เนื่องจากมีให้เลือกหลายรุ่น หลายยี่ห้อ แถมบางรุ่นยังมีราคาที่ถูกกว่ารถยนต์ไฟฟ้าค่อนข้างมาก

  • มีอะไหล่และชิ้นส่วนให้เปลี่ยนเยอะ

    สามารถปรับแต่งหรือเพิ่มชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะภายในก็ดี ภายนอกก็ได้ แถมยังมีราคาถูกกว่า หาซื้อได้ง่ายกว่า

ข้อจำกัด

  • น้ำมันแพง

    ในยุคปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าของรถต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

  • สร้างมลภาวะทางอากาศ

    รถใช้น้ำมันจะสร้างมลพิษจากควันที่ออกมาจากท่อไอเสีย ส่งผลเสียโดยตรงต่อธรรมชาติ และสุขภาพของผู้คน

  • เสียงเครื่องยนต์ดัง

    ด้วยความที่รถน้ำมันมีเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกว่ารถ EV ทำให้สร้าง “มลภาวะทางเสียง” ได้มากกว่าหลายเท่า

ข้อดี และข้อจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้า

ข้อดี

  • ถูกกว่าเติมน้ำมัน

    หากเปรียบเทียบในระยะทางที่เท่ากัน รถ EV จะมีค่าใช้จ่ายในการ “เติมเชื้อเพลิง” ที่ถูกกว่ารถใช้น้ำมัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องยนต์ อายุการใช้งาน รุ่นรถ และพฤติกรรมการขับขี่ประกอบร่วม นอกจากนี้ยังสามารถชาร์จได้ที่บ้าน โดยไม่ต้องขับรถออกไปไหนได้อีกด้วย

  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

    เพราะเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วย “พลังงานไฟฟ้า” ทำให้ไม่สร้างมลพิษเหมือนรถที่ใช้น้ำมัน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติอย่างมาก

  • ไร้เสียงรบกวน

    เนื่องจากรถ EV ทำงานด้วย “มอเตอร์ไฟฟ้า” ทำให้ตัวรถมีเสียงค่อนข้างเบาและเงียบกว่ารถใช้น้ำมัน

ข้อจำกัด

  • จุดบริการชาร์จไฟค่อนข้างน้อย แถมชาร์จนาน

    ถ้าเดินทางไกลบ่อย ๆ รถยนต์ไฟฟ้าอาจไม่ตอบโจทย์ เนื่องจากจุดบริการชาร์จไฟค่อนข้างน้อย แถมยังใช้เวลาในการชาร์จนาน

  • ราคาแพง

    ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของราคารถ ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ รวมถึงค่าอะไหล่ที่ค่อนข้างแพง โดยเฉพาะ “แบตเตอรี่” ในส่วนของชิ้นส่วนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนได้ไม่มาก ขาดความหลากหลายของตัวเลือกในการดูแลรักษา

  • ระยะการขับสั้นกว่า

    หากจะซื้อรถไฟฟ้ามาใช้จำเป็นต้องคำนวณเส้นทาง หรือระยะเวลาในการขับขี่ให้ดี ว่าพลังงานไฟฟ้าเพียงพอต่อการเดินทางหรือไม่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ “ความจุของแบตเตอรี่” ว่าสามารถเก็บพลังงานได้มากน้อยแค่ไหน

ทำได้ไหม หากผ่อนรถยังไม่หมดแต่อยากเปลี่ยนรถใหม่ ?

กรณีที่รถไม่ได้เก่ามาก แค่รู้สึกเบื่อ อยากเปลี่ยนรถใหม่แต่ยังผ่อนไม่หมด แบบนี้สามารถขายเพื่อเปลี่ยนรถได้ไหม? คำตอบคือ “สามารถขายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย” ก่อนอื่นแนะนำว่าควรติดต่อบริษัทไฟแนนซ์ เพื่อสอบถาม “ยอดปิดบัญชีทั้งหมด”

โดยการปิดบัญชีล่วงหน้าจะทำให้คุณได้รับส่วนลดดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการผ่อนชำระที่ผ่านมา เมื่อได้ยอดมาแล้วก็สามารถขายต่อได้อย่างเหมาะสม ไม่ขาดทุน โดยมีวิธีขายที่น่าสนใจ 3 วิธี ดังนี้

  • 1. ขายเงินสด

    การขายรถด้วยวิธีนี้ผู้ซื้อต้องมีความพร้อมในการจ่ายเงินสดทั้งก้อน โดยผู้ขายต้องติดต่อบริษัทไฟแนนซ์ เพื่อแจ้งความประสงค์ในการขายพร้อมกับปิดบัญชี จากนั้นก็ทำสัญญาซื้อขายให้เรียบร้อย พร้อมกับปฏิบัติตามคำแนะนำของไฟแนนซ์ต่อไป

  • 2. เปลี่ยนสัญญา ขายดาวน์ ยกให้ผ่อนต่อฟรี

    เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมาก ๆ หาก “ภาระหนี้ต่ำกว่าราคาตลาด” แนะนำให้ใช้วิธีขายดาวน์ เพื่อให้ได้ส่วนต่างตามราคาตลาด เช่น หากราคาตลาดของรถรุ่นนั้นอยู่ที่ 500,000 บาท แต่มีภาระหนี้เหลือรวมแล้วประมาณ 400,000 บาท ก็สามารถเรียกส่วนต่างได้ประมาณ 100,000 บาท เพื่อเป็นเงินดาวน์จากผู้ซื้อได้

    แต่ในทางกลับกันหากภาระหนี้คงเหลือเท่ากับ หรือมากกว่าราคาตลาดในปัจจุบัน แนะนำให้ใช้วิธีเปลี่ยนสัญญาเพื่อให้ผู้ซื้อชำระค่างวดที่เหลือ โดยไม่ได้ส่วนต่างกลับมา อธิบายง่าย ๆ ว่า “เป็นการเปลี่ยนสัญญายกรถให้ผู้ซื้อไปดำเนินการผ่อนต่อแบบฟรี ๆ นั่นเอง” เมื่อภาระหนี้ก้อนนี้หมดไปคุณก็สามารถเปลี่ยนรถใหม่ได้แล้ว

  • 3. เทิร์นกับโชว์รูม หรือเต็นท์รถ

    ถือเป็นวิธีที่สะดวกมากที่สุด เนื่องจากคุณสามารถนำรถไปเทิร์นกับโชว์รูม หรือเต็นท์รถที่ต้องการซื้อคันใหม่ได้โดยตรง แถมยังเจรจาต่อรองว่าต้องเพิ่ม “ส่วนต่าง” เท่าไหร่เพื่อเปลี่ยนรถใหม่

    กรณีที่คุณรับข้อเสนอได้ ทางโชว์รูมหรือเต็นท์รถก็จะดำเนินการปิดบัญชีรถคันเดิมให้ แต่ส่วนใหญ่ค่อนข้างจะเสียเปรียบ เนื่องจากจะถูก “กดราคา” ทำให้ราคาขายไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้สักเท่าไหร่

เข้าใจว่าการขายรถเก่าเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนตัดสินใจได้ยาก ด้วยเหตุผลใช้มานาน ผูกพัน หรือบางคนพยายามปลอบใจตัวเองด้วยคำว่า “มันยังดีอยู่เลย” แต่มันอาจไม่ได้ส่งผลดีเสมอไป เพราะอาจทำให้เกิดความเสี่ยงอื่น ๆ ตามมาได้ และการเปลี่ยนรถใหม่นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงต่าง ๆ ได้ดีแล้ว ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อม และดูแลรักษาได้ดีกว่าหลายเท่าอีกด้วย

คำจำกัดความ
​​เครื่องหลวม ​อาการของเครื่องยนต์ที่เสียกำลังในการอัดอากาศไปยังห้องเผาไหม้ เกิดจากการสึกหรอของเครื่องยนต์ที่ใช้งานมานาน เมื่อเกิดอาการเครื่องยนต์หลวม จะทำให้รถยนต์มีแรงน้อยลง เร่งไม่ค่อยขึ้น
​ตัวถัง ​ชิ้นส่วนโลหะสำคัญ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อประกอบเข้าด้วยกันให้เป็นรูปโฉมของรถ
​มลภาวะทางเสียง ​สภาวะแวดล้อมที่มีเสียงดังอันไม่พึงประสงค์หรือเสียงรบกวนที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนาน จนกลายเป็นภัยอันตรายต่อทั้งร่างกาย (เสียงที่มีความดังเกินกว่า 85 เดซิเบล)​

เปรียบเทียบราคา หรือ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

บทความที่น่าสนใจ

เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่