ใช้งานและดูแลที่ปัดน้ำฝนให้เป็น ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ

แชร์ต่อ
ใบปัดน้ำฝนมีกี่ประเภท แต่ละประเภทต่างกันยังไง

หนึ่งในอุปกรณ์ที่อยู่คู่กับรถยนต์ทุกคัน แต่หลาย ๆ คนกลับมองข้ามอย่างที่ปัดน้ำฝน เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่มีส่วนช่วยในการทำให้คุณขับขี่ปลอดภัยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี แต่ในทุก ๆ ครั้งที่ดูแลรถยนต์กลับไม่เคยดูแลรักษาใบปัดน้ำฝนแม้แต่น้อย หากคุณกำลังฉุกคิดในเรื่องนี้ และอยากดูแลอย่างถูกต้องเพื่อให้ใช้งานไปได้อีกนาน ตาม MrKumka ไปทำความเข้าใจรายละเอียดต่าง ๆ กันได้เลย

ที่ปัดน้ำฝนคืออะไร? มีอายุการใช้งานนานเท่าไหร่ ?

ที่ปัดน้ำฝนโดยเฉพาะ “ใบปัดน้ำฝน” นับเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำหรับรถยนต์ทุกคน เนื่องจากมีหน้าที่ในการปัดน้ำ หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่เกาะอยู่บนกระจกรถ ไม่ว่าจะเป็นเศษใบไม้ แมลง ฝุ่นละออง ฯลฯ ช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยเนื่องจากทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น แถมยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นแนะนำว่าเวลาดูแลรถยนต์ ควรให้ความสำคัญและทำความสะอาดใบปัดน้ำฝนด้วย

นอกจากนี้การเปิดที่ปัดน้ำฝนยังช่วยไล่ฝ้ากระจกที่เกิดจากภายนอกได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในตอนที่ต้องขับรถหน้าฝนบ่อย ๆ แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าวิธีนี้ใช้ได้เฉพาะกับการไล่ฝ้ากระจกบริเวณกระจกหน้าและหลังเท่านั้น ส่วนฝ้าบริเวณประตูข้างให้ใช้วิธีเลื่อนกระจกลงจนสุด แล้วเลื่อนกลับไปที่เดิม ก็จะช่วยลดความหนาของฝ้ากระจกได้เช่นกัน

ที่ปัดน้ำฝนประกอบด้วยอะไรบ้าง ?

ส่วนประกอบของที่ปัดน้ำฝน ประกอบไปด้วยส่วนต่าง ๆ ทั้งหมด 4 ส่วน โดยมีรายละเอียดดังนี้

  1. ตัวล็อก ทำหน้าที่ในการยึดใบปัดน้ำฝนกับแขนปัดน้ำฝน
  2. ชุดสปริงแผ่นหรือ “แหนบ” ทำให้ที่ในการกดให้แผ่นยางสนิทกับผิวกระจก
  3. แผ่นยาง ทำหน้าที่กวาดผิวหน้ากระจกให้สะอาด
  4. ก้านใบ (โครง) ทำหน้าที่ในการยึดและติดตั้งแผ่นยาง

ใบปัดน้ำฝนมีอายุการใช้งานเท่าไหร่ ?

ในส่วนของ “อายุการใช้งาน” ของใบปัดน้ำฝน คนที่ดูแลรถยนต์ต้องรู้หน่อยว่าจะมีอายุราว ๆ 12 เดือน (1 ปี) แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจในส่วนนี้ เมื่อถึงเวลาก็ไม่ได้เปลี่ยนใหม่ เนื่องจากมองว่า “ยังใช้งานได้อยู่” แต่ใช้ได้อยู่ไม่ได้แปลว่าใช้ได้ดี หากฝืนใช้ใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพไปนาน ๆ อาจทำให้ชิ้นส่วนอื่น ๆ โดยเฉพาะกระจกหน้ารถเป็นรอยได้

มากไปกว่านั้นหากยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพในตอนที่ต้องขับรถหน้าฝน บอกเลยว่างานหยาบสุด ๆ เพราะจะทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่แย่ลง จนก่อให้เกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ตามมาได้ วิธีตั้งข้อสังเกตว่าที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพแล้วหรือยัง คือ เมื่อใช้งานจะทำความสะอาดไม่มีประสิทธิภาพ เกิดละอองน้ำเป็นครึ่งวงกลมหรือแถบเส้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเสียงดังเอี๊ยด ๆ และอาการกระตุกขณะใช้งานร่วมด้วย

ใบปัดน้ำฝนมีกี่ประเภท แต่ละประเภทต่างกันยังไง ?

สำหรับใบปัดน้ำฝนหรือในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทหลัก ๆ โดยแต่ละประเภทมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  • 1. ใบปัดน้ำฝนประเภทซ่อนแขนใบปัด

    ใบปัดประเภทนี้มีแขนใบพัด (โครงเหล็ก) แต่มันถูกออกแบบให้มี “ที่ครอบแขนใบปัด” เพิ่มเติม นอกจากจะให้ความสวยงามแล้ว ยังคงประสิทธิภาพในการปัดน้ำฝนได้ดีมาก ๆ ซึ่งใบปัดน้ำฝนประเภทนี้จะไม่มีแขนใบพัด เนื่องจากถูกออกแบบให้มี “แกนเหล็ก” ติดอยู่กับตัวแผ่นยาง ช่วยให้กระจายน้ำหนักได้ดี

  • 2. ใบปัดน้ำฝนประเภทไร้โครงเหล็ก

    ใบปัดน้ำฝนประเภทนี้ไม่มีแขนใบปัด เนื่องจากถูกออกแบบให้มีแกนเหล็กติดอยู่กับตัวแผ่นยาง กระจายน้ำหนักในการปัดสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดี แถมยังมีน้ำหนักเบา ช่วยลดพื้นที่ต้านลมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยแม้จะขับรถด้วยความเร็วสูงก็ไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

  • 3. ใบปัดน้ำฝนประเภทมีโครงเหล็ก

    เป็นประเภทที่อยู่คู่กับรถยนต์มายาวนาน มักลักษณะเด่นคือ “มีโครงเหล็กแขนใบปัดยึดคู่กับตัวแผ่นยาง” มีข้อดีตรงที่มีความทนทานสูงมาก ๆ แต่ในเรื่องของประสิทธิภาพการปัดน้ำฝน ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของแผ่นยางที่เลือกใช้ รวมไปถึงจำนวนจุดข้อต่อบนแขนใบปัดด้วย ยิ่งมีข้อต่อมากยิ่งกระจายแรงกดดันได้ดี ทำให้ปัดน้ำฝนหรือสิ่งอื่น ๆ ได้อย่างหมดจด

จะเป็นยังไงหากเลือกใช้ที่ปัดน้ำฝนผิดขนาด ?

กรณีที่ติดใบปัดน้ำฝนผิดขนาดไม่ใช่ผลดีเลยสักนิด เพราะถ้าหากติดเล็กเกินไปจะส่งผลต่อรัศมีในการปัดที่น้อยลง แถมยังส่งผลต่อการขับขี่ปลอดภัยเนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดี หรือถ้าหากติดใหญ่เกินไป อาจเลยขอบกระจกทำให้ใบปัดได้รับความเสียหาย รวมถึงอายุการใช้งานสั้นลงอีกด้วย

ถ้าไม่แน่ใจดูแลรถยนต์ให้การใช้งานสมบูรณ์แนะนำให้ดูในคู่มือรถยนต์ก่อนซื้อ หรือจะเปรียบเทียบรุ่นรถที่ระบุไว้บนกล่องใบปัดน้ำฝนก็ได้เช่นกัน เพื่อป้องกันปัญหาอื่น ๆ ที่อาจตามมาในอนาคต

เมื่อเริ่มเห็นความสำคัญและความจำเป็นของที่ปัดน้ำฝนแล้ว อย่าลืมให้ความสำคัญในเรื่อง “ประกันรถยนต์” กันด้วย เพราะถึงแม้ว่าใบปัดน้ำฝนจะช่วยลดอุบัติเหตุเมื่อต้องขับรถหน้าฝนได้ในระดับหนึ่ง แต่อุบัติเหตุไม่เลือกเวลาเกิด คงจะดีไม่ใช่น้อยหากมีใครสักคนคอยช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่าย ค่าเสียหาย และอยู่เคียงข้างเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ไว้ใจให้ MrKumka ดูแลคุณจะดีกว่า เพราะเรายินดีหาเบี้ยประกันราคาสบายกระเป๋า แต่ยังคงให้ความคุ้มค่าแบบจัดเต็ม เช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ได้เลย

ดูแลที่ปัดน้ำฝนยังให้ ให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพไปนาน ๆ

จริง ๆ แล้วที่ปัดน้ำฝนไม่ค่อยพังหรือเสื่อมสภาพได้ง่าย เว้นแต่ว่าคุณจอดรถตากแดดเป็นประจำ แถมจอดทิ้งกลางแดดเป็นเวลานานๆ แบบนี้มีแต่จะทำให้ยางปัดน้ำฝนแข็งและกรอบ ขาดความยืดหยุ่น เนื่องจากยางแนบกับความร้อนแทบตลอดเวลา หลายคนเมื่อเห็นแบบนี้เลยเลือกแก้ปัญหาด้วยการยกใบปัดน้ำฝนขึ้นค้างไว้ทุกวัน บอกเลยว่าอาจไม่ใช่วิธีดูแลรถยนต์ที่ดีเลย

เพราะถึงแม้ว่ายางจะไม่สัมผัสกับความร้อนแล้ว แต่ตัว “สปริง” ที่ก้านใบปัดน้ำฝนเกิดอาการล้า จนส่งผลให้เกิดแรงกดบนกระจกลดลง แน่นอนว่าทำให้ประสิทธิภาพในการควบคุมการปัดน้ำฝนลดลงตามไปด้วย และการแก้ปัญหาแบบนี้มีแต่จะทำให้เจ็บตัวหนักกว่าเดิม เพราะค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนสปริงแพงกว่าการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนอยู่มากเลยล่ะ

วิธีดูแลที่ปัดน้ำฝนที่ต้องรู้และเคล็ดลับการเลือกใช้งานสำหรับรถคุณ

ต้องจอดรถแบบไหน ถึงถนอมที่ปัดน้ำฝนได้ดีกว่า ?

ถ้าถามว่าจอดรถแบบไหนช่อยถนอมที่ปัดน้ำฝนได้ดีกว่า บอกเลยว่า “จอดในที่ร่ม” ดีที่สุด นอกจากนี้ยังควรหมั่นดูแลรถยนต์ ด้วยการตรวจเช็กสภาพความพร้อม รวมถึงทำความสะอาดยางปัดน้ำฝน ‘อย่างน้อย’ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ด้วยการยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นแล้วเช็ดด้วยผ้าบิดหมาด เช็ดรูดไปตามความยาวของยางปัดน้ำฝน (ทิศทางเดียวกัน)

กรณีที่พบร่องรอยฉีกขาดแนะนำให้เปลี่ยนใหม่ทันที เพราะนอกจากจะส่งผลต่อการปัดน้ำฝนและสิ่งต่าง ๆ บนกระจกหน้ารถแล้ว ยังก่อให้เกิดเสียงดังและเกิดอาการสะดุดเวลาใช้งาน มากกว่าไปนั้นอาจทำให้กระจกเป็นรอยข่วนอีกด้วย

เปลี่ยนใบปัดน้ำฝนด้วยตัวเองง่าย ๆ ไม่กี่ขั้นตอน

สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนด้วยตัวเองดูแลรถยนต์เองที่บ้านเพื่อการขับขี่ปลอดภัย ไม่ยากเลยสำหรับชิ้นส่วนนี้ แนะนำให้เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม และทำตามขั้นตอนการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนที่ MrKumka รวบรวมมาให้กันเลยดีกว่า

อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้มีอะไรบ้าง ?

อุปกรณ์สำหรับการเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน หลัก ๆ มีอยู่ด้วยกัน 3 อย่าง ดังนี้

  • ยางปัดน้ำฝน
  • คัตเตอร์
  • เข็ม

ขั้นตอนการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน

อุปกรณ์สำหรับการเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน หลัก ๆ มีอยู่ด้วยกัน 3 อย่าง ดังนี้

  1. ยกก้านที่ปัดน้ำฝนขึ้นทั้ง 2 ข้าง จากนั้นหมุนใบปัดน้ำฝนให้ทำมุม 90 องศากับก้านปัดน้ำฝน จนกว่าจะเห็นสลักเล็ก ๆ
  2. เมื่อเห็นสลักให้ทำการดันสลักลง พร้อมกับดันใบปัดน้ำฝนออก (เพื่อความสะดวกในการใส่ยาง)
  3. ดึงยางอันเก่าพร้อมเส้นเหล็กออกมาอย่างช้า ๆ จากนั้นให้ดึงเส้นเหล็กออกจากยางอันเก่า
  4. ใส่ยาง (อันใหม่) กับที่ปัดน้ำฝนจดสุด จนกว่าจงล็อกกันพอดี พร้อมกับสอดเส้นเหล็กเข้าไปในยางปัดน้ำมัน (ร่องบนสุดของยาง) หากมียางเกินออกมาให้ตัดออก
  5. ใส่ที่ปัดน้ำฝนกับก้านปัดให้เรียบร้อย

เห็นแล้วใช่ไหมว่าที่ปัดน้ำฝนมีความสำคัญต่อการขับขี่ปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน? โดยเฉพาะในตอนที่ต้องขับรถหน้าฝนก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ใบปัดน้ำมันช่วยลดอาการฝ้ากระจกได้เป็นอย่างดี ยางปัดน้ำฝนสมบูรณ์จะช่วยให้การทำงานเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นเวลาดูแลรถยนต์ เช็ด ล้าง ก็ควรให้ความสำคัญในส่วนนี้ด้วย เพราะการมีทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดี จะช่วยลดอุบัติเหตุได้มากยังไงล่ะ

คำจำกัดความ
ฝ้ากระจก เกิดจากอุณหภูมิความชื้นภายในและภายนอกรถแตกต่างกัน หากฝั่งไหนมีอุณหภูมิสูงกว่าฝั่งนั้นก็จะเกิดฝ้า
สปริงแผ่น เป็นสปริงที่มีรูปแบบเป็นแผ่น นำมาตัด เจาะ ดัด ตามขนาดที่ต้องการ เพื่อใช้ในงานที่ต้องการความยืดหยุ่น

เปรียบเทียบราคา หรือ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

บทความที่น่าสนใจ

เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่