ปัญหากวนใจ กระจกรถเป็นฝ้าแก้ไขยังไงได้บ้าง ?

กระจกรถเป็นฝ้า เกิดจากสาเหตุอะไร ?

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ปวดหัวกับปัญหากระจกรถขึ้นฝ้าอยู่บ่อย ๆ คงเกิดความสงสัยอยู่ไม่น้อยว่ามันมี ‘สาเหตุ’ มาจากอะไร เพื่อที่จะได้แก้ไขได้อย่างถูกจุด บอกตรงนี้เลยว่าฝ้าเกิดจากอุณหภูมิความชื้นภายใน และภายนอกรถที่แตกต่างกัน หากฝ้าขึ้นกระจกรถ ด้านนอก แสดงว่าอุณหภูมิภายนอกรถสูงกว่าภายในรถ ส่วนฝ้าขึ้นกระจกรถ ด้านใน เกิดจากอุณหภูมิภายในรถสูงกว่าภายนอก ทั้งนี้ยังสามารถพบฝ้าขึ้นกระจกรถในฤดูหนาวได้ด้วยเช่นกัน

วิธีแก้กระจกรถเป็นฝ้า ที่คนมีรถควรรู้ มีอะไรบ้าง ?

สำหรับวิธีแก้กระจกรถเป็นฝ้าที่ได้ผลดี มีอยู่ด้วยกัน 6 วิธี ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ตามความถนัด หรือความสะดวกได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะมีวิธีไหนบ้าง ตามไปดูกระจกรถเป็นฝ้า วิธีแก้กันเลยดีกว่า

• 1. ปรับเป็นช่องอากาศเข้า

  วิธีนี้ถือเป็นกระจกรถเป็นฝ้า วิธีแก้ที่ดี และเห็นผลสุด ๆ แต่อยากให้เลือกเป็นวิธีสุดท้ายจะดีกว่า เนื่องจากการเปิดให้อากาศด้านนอกเข้ามาด้านใน เป็นการนำสิ่งแปลกปลอมเข้ามาติดที่ตู้แอร์รถยนต์ ทำให้ตู้แอร์อุดตันและเกิดความเสียหายตามมาได้

• 2. ลดกระจกเพื่อปรับอุณหภูมิภายในรถ

  อีกหนึ่งวิธีไล่ฝ้าในรถที่น่าสนใจ คือ การลดกระจกลง เพื่อให้อุณหภูมิทั้งสองด้านใกล้เคียงกันมากขึ้น แต่วิธีแก้ดังกล่าวไม่เหมาะกับช่วงหน้าฝน เพราะละอองฝนจะเข้ามาในตัวรถ เว้นแต่ว่ารถของคุณจะมีคิ้วกันสาด จะช่วยให้ไม่ต้องกังวลในเรื่องละอองมากนักสามารถลดกระจกลงเล็กน้อยได้

• 3. ปรับอุณหภูมิภายในรถ

  การปรับอุณหภูมิให้ภายนอกกับภายในใกล้เคียงกัน ถือเป็นวิธีแก้กระจกรถเป็นฝ้าที่ดีวิธีหนึ่ง หากฝ้าขึ้นด้านไหนแปลว่าด้านนั้นอุ่นกว่า เช่น ฝ้าขึ้นกระจกรถ ด้านใน ให้เร่งแอร์ แต่ถ้าฝ้าขึ้นกระจกรถ ด้านนอกให้ลดแอร์ลง เพียงเท่านี้กระจกรถจะไม่เป็นฝ้ามากวนใจคุณแล้ว

• 4. กดปุ่มไล่ฝ้า

  อีกหนึ่งวิธีแก้กระจกรถเป็นฝ้าที่น่าสนใจ และง่ายมาก ๆ คือการกดปุ่มไล่ฝ้า หากหาไม่เจอให้สังเกตจาก “สัญลักษณ์รูปสี่เหลี่ยงคางหมูที่มีลูกศรชี้ขึ้น” เมื่อกดใช้งานระบบจะดึงอากาศภายนอกเข้ามาในรถ และส่งไปยังกระจกบังลมหน้า ทำให้อุณหภูมิบนผิวกระจกเท่ากันทั้งภายนอกและภายใน ช่วยไล่ฝ้าในรถได้ดีมาก ๆ

• 5. ใช้ที่ปัดน้ำฝนหรือผ้าสะอาด

  กรณีที่เกิดฝ้าขึ้นกระจกรถ ด้านนอก สามารถใช้ที่ปัดน้ำฝันปัดไล่ฝ้ากระจกหน้าได้ หรือจะจอดแล้วเช็ดกระจกด้วยผ้าสะอาดเพื่อไล่ฝ้ากระจกหลัง ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีมาก ๆ ช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น แต่ห้ามใช้กระดาษทิชชู่เช็ดเด็ดขาด เพราะเศษกระดาษทิชชู่จะติดอยู่บนกระจก และอาจทำให้ทัศนวิสัยแย่ลงกว่าเดิมได้

• 6. ปรับช่องลมไม่ให้หันไปทางกระจก

  การหันช่องแอร์ไปทางกระจก จะยิ่งทำให้อุณหภูมิบริเวณนั้น ๆ ต่างกันจนทำให้เกิดเหตุการณ์กระจกขึ้นฝ้าได้ ส่งผลให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นย่ำแย่ และอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ จึงเป็นเหตุผลที่ไม่ควรปรับช่องลมหันไปทางกระจกนั่นเอง

แม้ว่าฝ้าขึ้นกระจกรถคอยกวนใจอยู่ตลอด ก็ไม่ต้องกังวล แถมยังเดินทางได้อย่างอุ่นใจ แค่รู้วิธีแก้กระจกรถเป็นฝ้าที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง แต่อย่าลืมเซฟตัวเองด้วยการ “ทำประกันรถยนต์” ติดรถเอาไว้ด้วย เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวช่วยคุ้มครองเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน หมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่อาจตามมาอย่างครอบคลุม เข้ามาเช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์กับ มิสเตอร์ คุ้มค่า ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อแผนความคุ้มครองกันได้เลย

ฝ้าขึ้นกระจกรถ ส่งผลกระทบต่อการขับขี่ยังไง ?

การขับขี่รถบนท้องถนน ‘ทัศนวิสัยในการมองเห็น’ ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ หากกระจกรถเป็นฝ้าย่อมทำให้ทัศนวิสัยแย่ลง มองเห็นถนนหนทางไม่ชัดเจน ไม่เห็นสิ่งกีดขวาง หรือรถคันอื่น ๆ รอบข้าง ซึ่งถือเป็นสถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

หากฝ้าขึ้นกระจกรถมาก ๆ ไล่ฝ้ากระจกหน้าหรือไล่ฝ้ากระจกหลังก็ไม่หาย หรือหายแต่เกิดขึ้นมาใหม่เรื่อย ๆ (ไม่หายขาด) แนะนำให้จอดพักบริเวณข้างทาง หรือแวะปั๊มน้ำมัน รอจนกว่าฝ้าจะจางลงก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อตัวคุณ ผู้โดยสาร และเพื่อนร่วมทางคนอื่น ๆ เพราะถ้าหากฝืนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

ขับรถ ฝนตกหนัก มีอะไรที่ต้องรู้อีกบ้าง ?

ในช่วงหน้าฝนที่ฝนตกหนักไม่ขาดสาย หรือหน้าหนาวที่หมอกลงหนาจัด แม้ว่าจะมีวิธีไล่ฝ้าในรถที่ดี เหมาะสม และเห็นผลจริง อาจไม่เพียงพอที่จะพาคุณเลี่ยงอุบัติเหตุได้ ดังนั้นจึงควรรู้จัก “ไฟตัดหมอก” กันสักหน่อย เพราะมันจะช่วยให้คุณมองเห็นถนนหนทางในวันที่สายฝนสาดมาไม่ขาดสาย หรือหมอกหนาได้เป็นอย่างดี

การทำงานของไฟตัดหมอกรถยนต์

ระบบไฟตัดหมอกมีความสว่างสูง และเป็น ‘สปอร์ตไลท์’ ที่ให้แสงสว่างชัดเจน โดยส่องระนาบกับพื้นหรือส่องตกพื้นในระยะไกล โดยหลอดไฟด้านหน้า (ไฟหน้ารถยนต์) ถ้าเปิดใช้ในขณะที่หมอกหนา จะทำให้เกิดมุมเอียงลงต่ำ และเกิดการสะท้อนกลับสู่สายตาของผู้ขับขี่ ส่งผลให้แสงที่ส่องไปน้อย สามารถมองเห็นแค่ในระยะไม่เกิน 10-15 เมตร

ในส่วนไฟตัดหมอกที่ส่องแบบขนานพื้น จะไม่สะท้อนกลับมาในมุมผู้ขับขี่ ช่วยให้มองเห็นได้ในระยะมากกว่า 30-80 เมตร แถมยังส่องทะลุทะลวงได้ดี ช่วงเวลาเหมาะสมในการใช้ไฟตัดหมอก คือ ฝนตกหนัก, หมอกลง หรือขึ้นภูเขาสูง เป็นต้น ถ้าหากมีรถสวนทางมาควรรีบปิดไฟตัดหมอกทันที เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่บนท้องถนน และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

ใช้ไฟตัดหมอกยังไงไม่ให้ผิดกฎหมาย ?

หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าการใช้ไฟตัดหมอกพร่ำเพรื่อ มีความผิดตามกฎหมาย โดย พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 11 ระบุไว้ว่า “ในเวลาที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถ หรือสิ่งกีดขวางในทางได้โดยชัดแจ้งภายในระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร ผู้ขับขี่ต้องเปิดไฟหรือใช้แสงสว่างตามประเภท ลักษณะ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง”

โดยตามกฎกระทรวงฉบับที่ 15 (พ.ศ.2536) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5, มาตรา 11 และมาตรา 61 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522