ฤดูฝนในประเทศไทย ช่วยคลายความร้อนลง แต่ก็หมายถึงความเสี่ยงบนท้องถนนสำหรับความปลอดภัยในการขับขี่ ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ในเอเชียและอาเซียน โดยเฉลี่ยมีผู้เสียชีวิตประมาณ 20,000 คนต่อปี หรือประมาณ 56 คนต่อวัน 1 ซึ่งตัวเลขนี้ไม่รวมถึงอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ไม่เสียชีวิต ซึ่งน่าจะมีจำนวนหลายหมื่นคน ด้วยสถิติเหล่านี้และเมื่อพิจารณาว่าประเทศไทยมีเพียงฤดูร้อนและฤดูฝน สิ่งสำคัญสำหรับผู้ขับขี่คือการคำนึงถึงความปลอดภัยบนท้องถนนและลักษณะการขับขี่
ดังนั้นเพื่อการขับรถขณะฝนตกที่ปลอดภัยป้องกันอุบัติเหตุในช่วงหน้าฝน เราจึงได้รวบรวมรายละเอียดสิ่งที่ผู้ขับขี่ควรทำและไม่ควรทำเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุบนท้องถนนและความปลอดภัยในการขับขี่ของตนเอง อีกปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการมีประกันภัยรถยนต์เพื่อคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงผู้อื่นบนท้องถนน
สิ่งที่ไม่ควรทำในการขับรถหน้าฝน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
▶ การประมาทในการขับขี่
ช่วงฤดูฝน ทัศนวิสัยบนท้องถนนมักเลือนราง ถนนลื่น เสี่ยงทำให้รถเสียการทรงตัว ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าฝนตกบ่อยในประเทศไทย ภายใต้สภาพการณ์เช่นนี้ การขับขี่อย่างปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง การพยายามขับรถเร็วเป็นการเสี่ยงตายอย่างแท้จริง เพราะผู้ขับขี่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงทั้งกับตนเองและผู้อื่น การขับรถช้ากว่าปกติอาจทำให้คุณไปถึงนัดหมายไม่ตรงเวลา แต่เป็นเพียงราคาเล็กน้อยที่ต้องจ่ายเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนในช่วงฤดูฝน อีกทั้งยังช่วยรักษาสภาพรถยนต์ของคุณให้ใช้งานได้ดีอีกด้วย
▶ ใช้ระบบควบคุมความเร็วให้คงที่
เป็นฟีเจอร์ยอดนิยมในรถยนต์ยุคใหม่ ช่วยให้รถรักษาความเร็วคงที่โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่งเอง ฟังดูสะดวกสบาย ช่วยให้เราผ่อนคลายระหว่างขับรถ แต่ระบบนี้เหมาะสำหรับสภาพการจราจรแบบเฉพาะเจาะจงเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น สภาพอากาศที่ปลอดโปร่งและถนนแห้งสนิทเท่านั้นจึงจะปลอดภัยสำหรับการใช้ระบบควบคุมความเร็ว
ในช่วงฝนตก การสูญเสียการควบคุมความเร็วในการเร่งแซงหรือชะลอรถ แม้เพียงไม่กี่วินาที อาจนำไปสู่สถานการณ์อันตรายและก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้น ระบบควบคุมความเร็วจึงไม่เหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนลื่น ควรใช้ความระมัดระวังและควบคุมความเร็วด้วยเท้าของคุณเองจะปลอดภัยกว่า
▶ ตกใจเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น
สิ่งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นบนถนนลื่น คือ การสูญเสียสติสัมปชัญญะ การมีสติขณะขับขี่เป็นทักษะที่พัฒนาขึ้นตามเวลา ดังนั้น ผู้ขับขี่มือใหม่ไม่ควรเสี่ยงขับรถบนถนนเปียก ควรได้รับการฝึกฝน หรืออย่างน้อยต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวังสูงสุด
วิธีขับรถหน้าฝนให้การขับขี่ปลอดภัยทุกเส้นทาง
✔ ตรวจเช็กสภาพรถก่อนออกเดินทาง
ก่อนออกเดินทางในช่วงฤดูฝน ควรตรวจสอบรถยนต์อย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าทุกชิ้นส่วนพร้อมใช้งานและสามารถรับมือกับสภาพถนนที่เปียกลื่น ดังนี้
- ยางรถยนต์และลมยาง: ตรวจสอบดอกยางรถยนต์ว่าสึกมากเกินไปหรือไม่ เติมลมยางให้ได้ตามค่ามาตรฐานที่ระบุไว้ในคู่มือรถ เนื่องจากลมยางที่อ่อนเกินไปอาจส่งผลต่อการทรงตัวของรถ
- เครื่องยนต์และน้ำมันเครื่อง: ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง หากใกล้หมดหรือมีคราบรั่วซึม ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด
- ใบปัดน้ำฝน: ตรวจสอบสภาพใบปัดน้ำฝน หากยางใบปัดแข็ง เปลี่ยนรูป หรือมีรอยฉีกขาด ควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนใหม่ การจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน หรือไม่ได้ใช้งานใบปัดน้ำฝนเป็นเวลานาน อาจทำให้ยางเสื่อมสภาพและปัดน้ำฝนได้ไม่สะอาด
- ไฟรถยนต์: ตรวจสอบระบบไฟรถยนต์ทั้งหมด รวมถึงไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว และไฟเบรก เพื่อให้ผู้ขับขี่คนอื่นมองเห็นรถของคุณได้ชัดเจนในสภาพอากาศเลือนราง
การดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้รถยนต์ของคุณอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และปลอดภัยสำหรับการขับขี่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีถนนเปียกลื่น
✔ การเปิดไฟหน้ารถ
การเปิดไฟหน้ารถถือเป็นสัญญาณที่ดีที่สุด เพราะจะช่วยให้รถที่ตามมาข้างหลังมองเห็นรถของคุณได้ชัดเจนขึ้น ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ยิ่งไปกว่านั้น ช่วยให้คุณมองเห็นถนน ป้ายจราจร และสิ่งกีดขวางต่างๆ ได้ชัดเจน แม้จะเป็นฝนตกในช่วงกลางวัน แต่ฝนตกหนัก อาจทำให้ทัศนวิสัยเลือนราง โดยเฉพาะหากอากาศชื้นและร้อน จะเกิดหมอกบังด้านหน้า ส่งผลต่อการมองเห็นถนน ดังนั้น การเปิดไฟหน้าช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
✔ ซื้อประกันภัยรถยนต์
แม้เราจะขับขี่อย่างปลอดภัย แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันบนถนน ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ เราไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของผู้ขับขี่คนอื่น ดังนั้นการซื้อประกันภัยรถยนต์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น โดยเฉพาะการซื้อประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่ดีที่สุดให้ความคุ้มครองครอบคลุมทุกความเสี่ยง เช่น ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่มีคู่กรณี หรือไม่มีคู่กรณี และความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลต่างๆ อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมไปถึงการคุ้มครองในส่วนของความเสียหายที่เกิดต่อรถยนต์ที่เอาประกัน ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุส่วนบุคคล นอกจากนี้ กรมธรรม์ประกันภัยมีการขยายความคุ้มครองเพิ่มเติมจากประกันภัยรถยนต์ โดยประกันอะไหล่รถยนต์จะให้ความคุ้มครองอะไหล่รถยนต์ที่บกพร่องเสียหายจากการใช้งานตามปกติ ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ในส่วนของประกันอะไหล่แท้ 100% คุ้มครองอะไหล่รถยนต์สูงสุด 119 รายการ อีกทั้งยังมีแผนประกันที่สามารถปรับแต่งได้ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกแผนที่เหมาะสมที่สุด ทำให้คุณขับขี่ได้อย่างสบายใจไร้กังวล