ว่าด้วยส่วนของแบตเตอรี่ในรถสันดาปเครื่องยนต์ กับหน้าที่ในการจัดเก็บและจ่ายกระแสไฟฟ้า ที่รถยนต์ทุกชนิดจำเป็นต้องมี แต่บางครั้งคนใช้รถประสบปัญหาเครื่องยนต์ดับ สตาร์ทไม่ติด ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าแบตเสื่อม จำเป็นต้องพ่วงแบตรถยนต์ เพื่อให้ระบบไฟฟ้ากลับมาทำงานได้ตามปกติ (ในระยะสั้น) แต่จะต้องจั๊มแบตรถยนต์ยังไงให้ถูกต้อง ตามไปดูวิธีพ่วงแบตรถยนต์พร้อม ๆ กันเลย
เลือกใช้แบตเตอรี่รถยนต์ยังไงให้ปลอดภัย ?
เพื่อความปลอดภัยที่มากกว่า ควรเริ่มจากการเลือกใช้แบตเตอรี่รถยนต์ แต่จะต้องเลือกยังไงให้ตามไปดูกันเลย
1. ใช้แบตรถยนต์ที่ได้มาตรฐาน
มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานการผลิตอุตสาหกรรม และผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัย
2. เลือกแบตที่มีขนาดเหมาะสมกับการใช้งานของรถ
โดยมีขนาดแอมแปร์เท่ากับหรือมากกว่าที่ติดมากับรถยนต์
3. มีความจุไฟฟ้าเหมาะสมกับปริมาณการใช้กระแสไฟฟ้าของรถ
หากมีการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม โดยเฉพาะเครื่องเสียง ให้ใช้แบตที่มีขนาดแอมแปร์สูง
แต่ไม่ว่าอย่างไร ต่อให้เลือกใช้แบตเตอรี่ที่มีมาตรฐาน หรือเลือกอย่างปลอดภัยที่สุดแล้ว ย่อมมีโอกาสแบตเตอรี่เสื่อมและเป็นเหตุให้ต้องพ่วงแบตรถยนต์กลางทาง คงจะดีกว่าหากคุณรู้เท่าทัน และนำรถเข้าร้านซ่อมได้อย่างทันท่วงที แต่จะต้องสังเกตจาก ‘อาการ’ แบบไหน ตามไปหาคำตอบในหัวข้อถัดไปกันได้เลย
จุดสังเกตอาการผิดปกติ ที่บอกว่าคุณต้องจั๊มแบตรถยนต์เร็ว ๆ นี้ ?
แม้ว่าก่อนเดินทางไกลทุก ๆ ครั้ง คุรจะตรวจสอบระบบต่าง ๆ เป็นอย่างดีแล้ว แต่ถ้าหากขับรถไปเรื่อย ๆ แล้วสังเกตเห็นอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ แนะนำให้แวะเข้าร้านซ่อมรถโดยด่วน เพราะไม่อย่างนั้นเตรียมพ่วงแบตรถยนต์ดัวตัวเองได้เลย
- ระบบไฟภายในรถทำงานผิดปกติ เช่น ไฟหน้าจอวิทยุมัวกว่าเดิม, ใช้เวลานานกว่าวิทยุจะติด, ไฟภายในรถติด ๆ ดับ ๆ หรือไฟเลี้ยวกระพริบช้ากว่าเดิม เป็นต้น
- เมื่อขับรถในช่วงเวลากลางคืน แล้วรู้สึกว่าไฟหน้าไม่สว่างเหมือนที่เคย
- กรณีที่จอดพักรถแล้วจะสตาร์ทเพื่อขับต่อ แต่ปรากฏว่ารถสตาร์ทไม่ค่อยติด หรือติดยากกว่าเดิม
- กรณีที่รถยนต์ของคุณเป็นระบบกระจกไฟฟ้า เมื่อกดเปิด-ปิดกระจกจะพบว่าเลื่อนช้ากว่าปกติ
ต้องบอกก่อนว่าสัญญาณอาการผิดปกติที่เรากล่าวไปเมื่อข้างต้น ไม่จำเป็นต้องเกิดทันทีหรือเกิดพร้อมกันครบทุกอาการ ดังนั้นจึงควรหมั่นสังเกตความผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่ง หากเจออะไรแปลก ๆ ควรรีบให้ช่างตรวจสอบแบตเตอรี่ทันที ก่อนที่ความเสียหายอื่น ๆ จะตามมา
เลี่ยงจั๊มแบตรถยนต์บ่อย ๆ ควรดูแลแบตรถยนต์ยังไง ?
หากไม่อยากเผชิญหน้ากับปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์ จนต้องจั๊มแบตรถยนต์บ่อย ๆ การดูแลรักษาเพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน และมีประสิทธิภาพสูงสุดตามความเหมาะสม ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ แต่จะต้องดูแลยังไง ไปเช็กกันหน่อยดีกว่า
- เปิดกระโปรงหน้ารถเพื่อตรวจสอบแบตเป็นประจำ อย่าให้เกิดรอยแตกร้าว เนื่องจากรอยดังกลาวจะส่งผลต่อเรื่องการกักเก็บประจุไฟฟ้าภายในแบต ที่อาจลดลงเร็วกว่าปกติ
- สำหรับแบตเตอรี่รุ่นที่ใช้น้ำกลั่น แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำกลั่นเป็นประจำ ‘อย่างน้อย’ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง และเติมตามระดับที่กำหนด ไม่มากหรือน้อยเกินไป
- เช็กขั้วแบตเตอรี่ว่าสะอาดอยู่หรือไม่ หากพบคราบสกปรกให้รีบทำความสะอาดทันที
- ให้ดูการชาร์จไฟของอัลเตอร์เนเตอร์ว่าสูงหรือต่ำเกินไปหรือไม่ หากสูงไปจะทำให้น้ำกลั่นกับน้ำกรดเดือดและระเหยเร็วกว่าปกติ แต่ถ้าต่ำไปจะส่งผลให้กำลังไฟไม่เพียงพอขณะสตาร์ทรถ ดังนั้นจึงควรรักษาระดับการชาร์จไฟให้พอดี
- ใช้งานระบบไฟฟ้าภายในระอย่างเหมาะสมกับแบตเตอรี่และไดชาร์จ เพื่อไม่ให้แบตหมดเร็วเกินไป
หากรถยนต์ของคุณมีประกันรถยนต์ ก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องภัยรอบตัวจากการขับขี่ เพราะทางบริษัทฯ มีบริการพ่วงแบตฟรี (เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์) รวมถึงยังคอยให้ความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องพ่วงแบตรถยนต์เลยสักนิด หากคุณสนใจประกันรถยนต์ที่คุ้มครองครอบคลุมเช่นนี้ เข้ามาเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับ มิสเตอร์ คุ้มค่า ก่อนใครได้เลย
เลือกสายพ่วงแบตรถยนต์ยังไงดี ?
หนึ่งในประเด็นที่คนมีรถไม่ควรมองข้าม คือ การเลือกซื้อสายพ่วงแบตรถยนต์ ซึ่งควรเลือกซื้อสายจั๊มแบตรถยนต์ที่สามารถรูดด้ามคีมแบตเตอรี่ลง เพื่อตรวจเช็กการเชื่อมต่อของสายทองแดงได้ รวมถึงพิจารณาเลือกซื้อที่จั๊มแบตรถยนต์จากปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย ดังนี้
ดูวัสดุที่ใช้ในการทำสายจั๊มแบตรถยนต์
เหตุผลที่สายพ่วงแบตรถยนต์ทำด้วยทองแดง เป็นเพราะทองแดงเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดี ราคาไม่แพง การเลือกใช้งานสายที่เป็นทองแดงแท้ 100% (รวมถึงหัวคีบด้วย) จะช่วยรักษะสภาพตัวนำกระแสไฟฟ้าได้ดีที่สุด
ดูขนาดตัวนำไฟฟ้าของสายพ่วงแบตรถยนต์
บอกไว้ก่อนเลยว่า “ทองแดงใหญ่เท่าไหร่ กระแสไฟวิ่งดีมากเท่านั้น” สายพ่วงแบตอย่างดีจึงควรมีขนาดตัวนำที่ใหญ่ แต่สายพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ขนาดใหญ่จะมองแต่ภายนอกไม่ได้ แต่ควรดู ‘สายทองแดง’ ด้านในให้ดี เพราะอาจจะเล็กมากก็เป็นได้
ดูคุณภาพหัวคีบ
การเลือกใช้งานสายพ่วงแบตรถยนต์ แน่นอนว่าจะต้องใช้ในการคีบขั้วแบต เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบถ่ายเทกระแส ดังนั้นจึงควรคำนึงถึงคุณภาพของหัวคีบด้วย ซึ่งจะต้องเป็นหัวคีบที่มีแรงหนีบที่ดี สามารถยึดเกาะขั้วแบตได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังต้องมีความหนา สามารถแทนแรงการใช้งานได้ค่อนข้างมาก เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน
เลือกความยาวที่เหมาะสม
แนะนำให้เลือกความยาวที่พอดี เพราะจะช่วยให้ใช้ง่ายไม่เปลืองที่ และต้องเป็นความยาวที่พ่วงรถยนต์ 2 คันได้อย่างสะดวก การเลือกใช้งานยาวที่ยาวเกินไป จะทำให้ความต้านทานในสายไฟสูงขึ้น ยิ่งมีทองแดงเล็กอยู่แล้ว สายพ่วงแบตเตอรี่จะยิ่งทำให้ถ่ายเทประจุยากขึ้นไปอีก
อีกด้านถ้าหากสั้นเกินไปจะทำให้การจั๊มแบตรถยนต์ลำบาก เพราะต้องจัดท่าในการพ่วงของรถ 2 คัน โดยสารส่วนใหญ่สายพ่วงจะจำหน่ายในความยาว 2-4 เมตร ระยะที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 2.50-3.0 เมตร (สำหรับรถยนต์)
ความทนทานของสายพ่วง
จำให้ขึ้นใจเลยว่า “แอมป์เหมาะสม ปลอดภัยกว่า” โดนกระแสที่จะถูกถ่ายไปมอเตอร์สตาร์ทรถเก๋งอยู่ที่ประมาณ 150-250 แอปม์ และรถกระบะอยู่ที่ 250-700 แอมป์ ดังนั้นหากสเปคสายพ่วงไม่สามารถรองรับกระแสไฟปริมาณนี้ได้ จะทำให้เกิดความร้อนสูงขณะทำการพ่วงแบตรถยนต์
วิธีพ่วงแบตรถยนต์ที่ถูกต้อง มีขั้นตอนยังไงบ้าง ?
หากรถยนต์คันโปรดของคุณมีปัญหาเรื่องแบตเสื่อม หรือลืมปิดไฟหน้าจนแบตเตอรี่หมด อุปกรณ์สำคัญที่ช่วยคุณได้เป็นอย่างดีคือสายจั๊มแบตรถยนต์ หรือสายพ่วงแบตรถยนต์ มาดูกันต่อเลยว่าเมื่อมีอุปกรณ์แล้ว การพ่วงแบตเตอรี่ต้องทำยังไงบ้าง
1. ปิดอุปกรณ์ไฟ้ฟ้าทุกชนิดของรถ
สำหรับวิธีจัมพ์แบตวิธีแค่คือ ดับเครื่องยนต์ให้เรียบร้อย และนำรถที่จะพ่วงแบตมาจอดใกล้ ๆ ในระยะที่ต่อสายพ่วงได้
2. ต่อสายพ่วงแบตรถยนต์ (ขั้วบวก)
นำสายพ่วงแบตเตอรี่ข้างที่เป็นสีแดง (ขั้วบวก) ต่อกับแบตเตอรี่ขั้วบวกของรถที่แบตหมดก่อน แล้วนำสายพ่วงขั้วบวกอีกด้านไปต่อกับแบตเตอรี่ขั้วบวกของคันที่มีแบต
3. ต่อสายจั๊มแบตรถยนต์ (ขั้วลบ)
นำสายพ่วงสีดำ (ขั้วลบ) ต่อกับแบตขั้วลบคันที่มีแบตก่อน ส่วนปลายสายอีกข้างให้หนีบเข้ากับโลหะตรงเครื่องยนต์ของรถคันที่แบตหมดแทน (ห้ามพ่วงกับแบตเตอรี่ขั้วลบเด็ดขาด)
4. สตาร์ทเครื่องยนต์
จากนั้นให้สตาร์ทเครื่องยนต์ของรถคันปกติก่อน เร่งเครื่องยนต์เล็กน้อยทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที ตามด้วยสตาร์ทเครื่องยนต์คันที่แบตเตอรี่หมด และลองเร่งเครื่องเพื่อตรวจสอบดูว่ามีประจุไฟฟ้าเข้ามาที่แบตรถยนต์แล้วหรือยัง
5. ถอดสายจั๊มแบตรถยนต์
เมื่อทำการจั๊มแบตรถยนต์เสร็จแล้ว ให้ถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ขั้วลบออกจากคันที่แบตหมดก่อน แล้วค่อยถอดขั้วลบและขั้วบวกของรถคันปกติตามลำดับ ตามด้วยขั้วบวกของรถที่แบตเตอรี่หมด
แม้ว่าคุณจะทำการจั๊มสตาร์ทรถยนต์ ทําเอง ตามวิธีพ่วงแบตรถยนต์ที่เราบอกไปเมื่อสักครู่ แม้จะถูกต้อง ปลอดภัย แต่ยังมี “ข้อควรระวัง” ที่ควรทำความเข้าใจให้ดีด้วยเช่นกัน ซึ่งเราได้ลิสต์มาให้เรียบร้อยแล้ว ดังนี้
- ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมกัน หรือไม่ได้ปิดระบบไฟของรถทั้งสองคันเด็ดขาด
- ห้ามสูบบุหรี่ จุดไฟแช็กระหว่างการพ่วงแบตรถยนต์ เพราะอาจก่อให้เกิดประกายไฟได้
- อย่าให้ปลายสายพ่วงแบตรถยนต์สัมผัสกัน เพราะจะทำให้เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าลัดวงจร
ถ้าไม่อยากให้เกิดปัญหาแบตเสื่อม แล้วต้องคอยจั๊มแบตรถยนต์บ่อย ๆ อย่าลืมตรวจเช็กสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยเฉพาะก่อนออกเดินทางไกล เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนของคุณนั่นเอง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการพ่วงแบตรถยนต์ ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรทำความเข้าใจวิธีจั๊มแบตรถยนต์ที่ถูกต้องให้ดี เพื่อป้องกันปัญหาอื่น ๆ ที่อาจตามมาในภายหลัง แต่ถ้าทำไม่เป็นแต่สังเกตเห็นอาการผิดปกติ แนะนำให้แวะเข้าร้านจั๊มแบตรถยนต์ใกล้ฉันโดยเร็วที่สุด เพียงเท่านี้รถยนต์ของคุณจะหายจากอาการดังกล่าวเป็นปลิดทิ้งแล้วล่ะ
คำจำกัดความ
ประกายไฟ | อาการที่แสงหรือประกายไฟปรากฏให้เห็นในช่วงเวลาสั้น ๆ |
ไฟฟ้าลัดวงจร | การไหลของกระแสไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้าต่างกันมาก ๆ มาสัมผัสกัน ทำให้เกิดการถ่ายเทพลังงานเป็นจำนวนมาก จนเกิดความร้อนสูงและประกายไฟ |
แอมป์ | ย่อมาจากคำว่า Ampere เป็นค่าที่ใช้วัด การไหลของกระแสไฟฟ้า |