หัวข้อที่น่าสนใจ
- ขี้เกลือขึ้นขั้วแบตเตอรี่ เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง ?
- ขี้เกลือขึ้นขั้วแบตเตอรี่ รถจะมีอาการอย่างไร ?
- วิธีจัดการเมื่อขั้วแบตขึ้นขี้เกลือมีอะไรบ้าง ?
- อุปกรณ์ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่
- วิธีทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่รถยนต์
- ขี้เกลือขึ้นขั้วแบตเตอรี่ ป้องกันได้หรือไม่ ?
- ดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ยังไง ให้ใช้งานได้อีกนาน ?
- 1. หลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดด
- 2. สตาร์ทบ้าง หากไม่ได้ขับเป็นประจำ
- 3. ไม่ปล่อยให้น้ำกลั่นแห้ง
แบตเตอรี่รถยนต์ ชิ้นส่วนสิ้นเปลืองที่คนใช้รถต้องเปลี่ยนบ่อยอีกชิ้น ถือเป็นอุปกรณ์จัดเก็บพลังงานไฟฟ้าของรถยนต์ ส่วนมากไม่ค่อยมีปัญหาในการใช้งาน จะมีก็แค่เรื่องขี้เกลือขึ้นขั้วแบตเตอรี่ที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะอาจทำให้รถคันโปรดของคุณเกิดปัญหาตามมาไม่รู้จบในการใช้งานตั้งแต่สตาร์ทรถ มิสเตอร์ คุ้มค่า ได้รวมรายละเอียดเกี่ยวกับขั้วแบตขึ้นขี้เกลือ มาให้ทำความเข้าใจกับปัญหารถยนต์ในส่วนนี้ อะไรบ้างที่คนใช้รถต้องรู้ ไปดูกัน
ขี้เกลือขึ้นขั้วแบตเตอรี่ เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง ?
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “คราบขี้เกลือ” เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีของน้ำกรดที่ระเหยไปโดนกับอากาศ เมื่อสัมผัสกับตะกั่ว เหล็ก สายรัดแบตเตอรี่ จึงทำให้เกิดขั้วแบตขึ้นขี้เกลือ
ที่มันเป็นแบบนั้นเพราะเติมน้ำกลั่นเกินเส้น Upper ที่กำหนด เมื่อไดชาร์จจ่ายกระแสไฟเข้าแบตเตอรี่รถยนต์ น้ำกรดจะเดือดจนทำให้น้ำกลั่นค่อย ๆ ล้นออกมาสัมผัสกับอากาศภายนอกทำให้เกิดเป็นคราบขี้เกลือบนแบตเตอรี่รถยนต์ได้เช่นกัน
ขี้เกลือขึ้นขั้วแบตเตอรี่ รถจะมีอาการอย่างไร ?
หากเกิดเหตุการณ์ขี้เกลือขึ้นขั้วแบตเตอรี่แล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่ดูแลทำความสะอาด คราบขี้เกลือจะไป ‘ปิดกั้น’ กระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่รถยนต์ ทำให้แบตจ่ายไฟได้ไม่สะดวก ทำให้รถสตาร์ทติดยาก รวมถึงยังทำให้เกิดการกัดกร่อนของโลหะบนขั้วแบตหรือขั้วสายไฟ ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานที่สั้นลง และอาจเกิดสนิทที่ตัวถังด้วย
อาการแบบไหนที่เป็นสัญญาณบอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนแบตรถยนต์ได้แล้ว ?
เมื่อรถยนต์คันโปรดของคุณมีขี้เกลือขึ้นขั้วแบตเตอรี่ และตัวคุณเองก็ละเลย ไม่ได้ดูแลใส่ใจเท่าไหร่ควร อาจมี ‘อาการ’ บางอย่าง ที่บอกให้รู้ว่าถึงเวลาเปลี่ยนแบตรถยนต์ เพื่อป้องกันปัญหาอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมา โดยอาการที่ว่านั้น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ไฟหน้ารถไม่สว่างเท่าที่ควร
หนึ่งในอาการที่บ่งบอกว่าควรเปลี่ยนแบตรถยนต์ได้แล้ว คือ ไฟหน้ารถไม่สว่างเหมือนปกติ เนื่องจากระบบไฟฟ้าภายในรถกำลังอ่อน ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากแบตเตอรี่รถยนต์เริ่มเสื่อมสภาพ ซึ่งอาจเกิดจากขั้วแบตขึ้นขี้เกลือ หรือเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน
สีตาแมวเปลี่ยนไป
อีกวิธีที่สามารถสังเกตได้ว่าควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์รถยนต์ได้แล้ว คือ การสังเกตสีของตาแมวแบตเตอรี่ (อุปกรณ์ใช้วัดโวลท์) โดยสามารถวัดได้แค่กระแสไฟ แต่ไม่สามารถวัดแรงสตาร์ทของแบตเตอรี่รถได้
โดย ‘ตาแมว’ จะติดมากับแบตเตอรี่รถยนต์หลาย ๆ ประเภท ซึ่งแบตรถยนต์แต่ละยี่ห้อก็จะมีสีของตาแมวแตกต่างกัน แนะนำให้สังเกตสีของมันตามข้อมูลบนสติกเกอร์ที่ติดมากับแบตรถ ก็จะรู้ได้ว่าถึงเวลาเปลี่ยนแบตแล้วหรือยัง
รถสตาร์ทยากกว่าปกติ
เมื่อรถยนต์เริ่มสตาร์ทติดยาก ใช้เวลานานมากกว่าปกติ แถมยังมีเสียง ‘แชะ แชะ’ อยู่ตลอดเวลา อาการนี้เกิดจากไดสตาร์ทไม่ทำงาน ขณะที่เสียงเครื่องยนต์ก็เริ่มหมุนช้า หมายความว่ารถของคุณได้มีการเปลี่ยนแบตรถยนต์นานมากแล้ว และแบตเตอรี่รถยนต์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก็เริ่มมีปัญหา แนะนำให้ลองตรวจเช็กและเตรียมตัวเปลี่ยนได้เลย
ความผิดปกติบนแบตเตอรี่รถยนต์
กรณีที่แบตรถของคุณไม่มีตาแมว สามารถสังเกตได้จาก ‘สัญญาณเตือน’ ของรถ หรือลักษณะของก้อนแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนไป เช่น ตัวกรอบแบตเตอรี่รถยนต์มีรูปร่างบิดเบี้ยว เปลี่ยนไปจากเดิม, แผ่นธาตุภายในเกิดอาการบวม, มีของเหลวรั่วไหลออกจากตัวแบต ฯลฯ ซึ่งนับเป็นอาการค่อนข้างฉุกเฉิน ควรได้รับการเปลี่ยนแบตรถยนต์อย่างเร่งด่วน
ไดชาร์จผลิตกระแสไฟไม่เพียงพอ
กรณีที่เพิ่งเปลี่ยนแบตรถยนต์ได้เพียง 2-6 เดือน แต่กลับเกิดอาการบวมผิดปกติ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าเกิดจาก ‘ไดชาร์จผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนระบบรถยนต์ไม่เพียงพอ’ และเหลือกำลังกระแสไฟน้อยกว่า 13.6 โวลท์ ที่จะต้องไหลกลับไปชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์
เมื่อไฟที่ไดชาร์จส่งไปที่ตัวแบตต่ำเกินไป จะทำให้เกิดขี้เกลือขึ้นขั้วแบตเตอรี่ หรือที่เรียกกันว่า “คราบซัลเฟต” เกาะที่แผ่นธาตุข้างในของแบต จนทำให้เกิดอาการแบตบวม และจะเป็นฉนวนกันไฟไม่ให้เดินสะดวกด้วย
เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดี แนะนำให้มองหาแบตเตอรี่ใหม่ที่คุ้มค่า ตรงกับการใช้งาน แถมยังช่วยตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ของคุณได้ดี โดยจะต้องเลือกใช้แบตเตอรี่ที่มีคุณภาพ รองรับรถได้หลากหลายประเภท เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่น เกิดปัญหาน้อยที่สุดแล้วล่ะ
และเพื่อป้องกันปัญหาอื่น ๆ ที่อาจตามมา เนื่องจากขี้เกลือขึ้นขั้วแบตเตอรี่ โดยเฉพาะ ‘เหตุการณ์ไม่คาดฝัน’ การมีประกันภัยรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครอง ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้น 1 , ประกันรถยนต์ชั้น 2 หรือประกันชั้นอื่น ๆ หากไม่มั่นใจว่าประกันชั้น 2 ราคาเท่าไหร่ คุ้มครองตอบโจทย์หรือไม่ เข้ามาเช็คราคาประกันรถยนต์กับ มิสเตอร์ คุ้มค่า ก่อนใครได้เลย
วิธีจัดการเมื่อขั้วแบตขึ้นขี้เกลือมีอะไรบ้าง ?
ทันทีที่รู้ว่าขี้เกลือขึ้นขั้วแบตเตอรี่ แนะนำให้รีบทำความสะอาดและจัดการขั้นเบื้องต้นทันที อย่าได้คิดปล่อยผ่านหรือรอเวลาเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาไม่รู้จบ โดยวิธีจัดการขั้นเบื้องต้น มีดังนี้
อุปกรณ์ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่
- น้ำอุ่นที่เกือบจะเดือดเป็นน้ำร้อน
- แปรงสีฟัน (ใช้แปรงเก่าที่ไม่ใช้แล้วก็ได้)
- ผ้าแห้ง
- จารบีหรือปิโตรเลียมเจล
- เศษผ้า
- กรรไกร
- ประแจตามขนาดขั้วแบตเตอรี่รถยนต์
วิธีทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่รถยนต์
- ดับเครื่องยนต์และถอดขั้วแบตเตอรี่ออก
- ใช้น้ำร้อนเทใส่ขั้วแบตเตอรี่รถยนต์ และใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดบริเวณดังกล่าว
- กรณีที่เช็ดไม่ออก ให้ใช้แปรงสีฟันเก่าขัดขั้วแบตเตอรี่รถยนต์ และสายไฟที่ต่อกับแบตให้สะอาด
- เช็ดทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่และสายไฟที่ต่อกับแบตให้แห้งสนิท
- ทำน้ำยาเคลือบขั้วแบตเตรี่ จารบี เพื่อป้องกันขั้วแบตขึ้นขี้เกลือใหม่ หรือใช้สเปรย์น้ำมัน sonax ฉีดก็สะดวกไปอีกแบบ
นอกจากจะทำความเข้าใจวิธีจัดการเบื้องต้นแล้ว ยังควรตรวจเช็กขั้วแบตเตอรี่รถยนต์เป็นประจำทุกเดือน หากพบว่าขี้เกลือขึ้นขั้วแบตเตอรี่ แนะนำให้รีบทำความสะอาดทันที เพื่อไม่ให้ขั้วแบตเสื่อมสภาพ รวมถึงเกิดปัญหาอื่น ๆ
ขี้เกลือขึ้นขั้วแบตเตอรี่ ป้องกันได้หรือไม่ ?
ถ้าไม่อยากเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ขี้เกลือขึ้นขั้วแบตเตอรี่ บอกไว้ตรงนี้เลยว่า “ป้องกันได้” โดยหลัก ๆ แล้วจะมีวิธีป้องกัน 3 วิธีดังนี้
- ไม่เติมน้ำกลั่นสูงกว่าระดับที่กำหนด (เกินเส้น Upper)
- หลังจากเติมน้ำกลั่น ควรเช็กขั้วแบตเตอรี่รถยนต์ให้แน่นสนิทพอดี
- หมั่นทำความสะอาด และตรวจเช็กแบตเตอรี่รถยนต์อย่างสม่ำเสมอ
ดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ยังไง ให้ใช้งานได้อีกนาน ?
นอกจากการทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันขี้เกลือขึ้นขั้วแบตเตอรี่แล้ว เราก็มีวิธีดูแลรักษาแบตให้อยู่ได้นานมาบอกต่อด้วย ซึ่งจะมีอะไรบ้าง ? ตามไปดูกันเลย
1. หลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดด
การจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน หรือต้องจอดกลางแจ้งแทบทุกวัน จะทำให้น้ำกลั่นในแบตเตอรี่ระเหยเร็วขึ้น และเป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพไวกว่าเดิม แม้จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่น่ากังวล แต่เลี่ยงไว้ก่อนจะดีกว่า
2. สตาร์ทบ้าง หากไม่ได้ขับเป็นประจำ
หนึ่งในปัญหาที่ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพ ไม่ต่างจากขั้วแบตขึ้นขี้เกลือ คือ การไม่สตาร์ทรถใช้งานเป็นเวลานาน เนื่องจากจะทำให้แบตเตอรี่คายประจุไฟฟ้าออกมาตลอดเวลา หากทิ้งไว้โดยไม่สตาร์ทรถเลย แบตเตอรี่อาจเสื่อมสภาพ และจะต้องเปลี่ยนแบตรถยนต์ใหม่แทน
แนะนำว่าควรสตาร์ทรถออกไปขับวนบ้าง ‘อย่างน้อย’ 15-20 นาที ด้วยความเร็วพอประมาณ เพื่อให้เกิดการปั่นไฟมาเก็บที่แบตเตอรี่บ้าง และบอกไว้ตรงนี้เลยว่า “การสตาร์ทรถทิ้งไว้โดยไม่ขับออกไปไหนเลย เป็นการรักษาสภาพของแบต” ถือเป็นชุดความเชื่อและชุดความคิดที่ผิดมาก ๆ
3. ไม่ปล่อยให้น้ำกลั่นแห้ง
หากเป็นรถที่ใช้ “แบตน้ำ หรือแบตกึ่งแห้ง” ที่มีตาแมวให้เช็กระดับน้ำกลั่น จำเป็นต้องเติมให้อยู่ในระดับมาตรฐานตามที่ระบุไว้ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้แบตเตอรี่อยู่ได้นานมากขึ้นแล้ว
ขอย้ำอีกครั้งว่าแบตเตอรี่รถยนต์เป็นหนึ่งอุปกรณ์สำคัญ ที่ควรให้ความใส่ใจและให้การดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันการเกิดขี้เกลือขึ้นขั้วแบตเตอรี่แล้ว ยังช่วยป้องกันปัญหาอื่น ๆ ที่อาจตามมาได้ดีมาก ๆ นอกจากนี้หากมีสัญญาณว่าควรเปลี่ยนแบตรถยนต์ ก็ควรเปลี่ยนทันที เพื่อป้องกันความเสียหายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
คำจำกัดความ
ระเหย | อาการที่สสารเปลี่ยนสถานะจากของเหลวกลายเป็นไอ |
น้ำกลั่น | น้ำที่ผ่านขั้นตอนการทำน้ำให้ระเหยแล้วกลั่นตัวกลับเป็นหยดน้ำ มีความบริสุทธิ์สูง และปราศจากสิ่งเจือปน ใช้ประโยชน์ในทางอุตสาหกรรม |
จารบี | ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับหล่อลื่นให้กับอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องจักรสำหรับงานอุตสาหกรรมที่ต้องใช้รับแรงดันและแรงกระแทกเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง |