จะเกิดอะไรขึ้นหากขับรถอยู่ดี ๆ แล้วเกิดอาการพวงมาลัยสั่น เป็นเจ้าเข้าน่ากลัว อาการแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง และหากไม่ซ่อมปล่อยทิ้งไว้อาการรถพวงมาลัยสั่นจะหายไปเองไหมหรือจะเกิดอันตรายอะไรได้บ้าง ? ตามไปหาหาคำตอบพวงมาลัยสั่น เกิดจากอะไร พร้อมวิธีรับมือที่ถูกต้องกันเลยดีกว่า
รู้หน่อย พวงมาลัยสั่น เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง ?
พวงมาลัยรถยนต์ เป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญ ช่วยในการควบคุมรถให้อยู่ในทิศทางที่ต้องการ แต่วันดี คืนดี เมื่อเร่งความเร็วหรือเหยียบเบรก พวงมาลัยรถสั่นขึ้นมาดื้อ ๆ แม้จะไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อย แต่รู้ไว้เลยว่าทุกครั้งที่มีอาการแบบนี้ เป็นสัญญาณเตือนที่กำลังบอกว่ารถยนต์ของคุณมีปัญหา
และถ้าหากกำลังสงสัยว่าอาการพวงมาลัยสั่นและสะเทือนเกิดจากอะไร โดยส่วนใหญ่แล้วสามารถเกิดได้จาก 6 สาเหตุ ดังนี้
1. จานเบรกมีปัญหา
อาจเกิดจากการที่เบรกรถยนต์คดหรือผิดรูป จากการขับรถลุยน้ำ, เหยียบเบรกกะทันหัน ตลอดจนการเหยียบเบรกอย่างต่อเนื่อง หากปล่อยไว้ไม่รีบซ่อมให้กลับมาเป็นปกติดังเดิม อาจทำให้รถเกิดอาการส่ายขณะเบรก, เบรกไม่อยู่ และควบคุมรถไม่ได้
2. ความผิดปกติที่ล้อรถยนต์
หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้พวงมาลัยสั่น คือ ชิ้นส่วนของล้อรถยนต์เสื่อมสภาพ ไม่ว่าจะเป็นลูกปืนล้อหลวม แตก หรือจาระบีเสื่อมสภาพ ไปจนถึงล้อแม็กผิดรูปจนทำให้ยางบิดเบี้ยว นอกจากนี้ยังรวมถึงปลอกดุมล้อและดุมล้อเสื่อมสภาพด้วยเช่นกัน
3. พวงมาลัยไม่ตรง
หากแกนพวงมาลัยเริ่มสึกหรอเนื่องจากการใช้งาน จะส่งผลให้ผู้ขับขี่ไม่สามารถตั้งพวงมาลัยให้ตรงได้ จึงเกิดอาการพวงมาลัยรถสั่นได้เช่นกัน แนะนำให้นำรถยนต์ไปตรวจสภาพแกนหรือการทำงานของพวงมาลัยทันที เพราะถ้าหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้รถส่ายจนเกิดอุบัติเหตุตามมาได้
4. การตั้งศูนย์รถที่ไม่เหมาะสม
บอกไว้ตรงนี้เลยว่าการตั้งศูนย์รถ เป็นหนึ่งในวิธีการตั้งค่าระบบป้องกันการสั่นสะเทือนของรถยนต์ ซึ่งรวมไปถึงการตั้งศูนย์ถ่วงล้อด้วยเช่นกัน หากมีการตั้งค่าที่ไม่สมดุล เอียงซ้ายหรือขวา หรือทางตรงแล้วมีอาการเอียงไปทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ย่อมมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการพวงมาลัยสั่นและสะเทือนได้เช่นกัน
5. ยางรถเสื่อมสภาพ
หลายคนมักเข้าใจว่าการที่ยางรถยนต์เสื่อมสภาพ มักส่งผลต่อการเบรกและการทำความเร็วของรถอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยางรถที่เสื่อมสภาพ หน้ายางบวมจากความร้อนและการใช้งาน ไปจนถึงผิวยางที่ขรุขระ ก็ทำให้พวงมาลัยสั่นได้เช่นกัน โดยปกติจะเกิดขึ้นในช่วงความเร็วต่ำกว่า 80 หรือสูงถึง 120
6. พวงมาลัยหนัก
อาการพวงมาลัยหนักเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น ยางอ่อน, ปั๊มพวงมาลัยพาวเวอร์รั่ว และความผิดปกติในส่วนขับเคลื่อนรถยนต์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นปีกนก และลูกหมากที่สารหล่อลื่นไม่เพียงพอ
เชื่อว่าเวลาเกิดอาการพวงมาลัยสั่น หลายคนอาจมองว่าเป็นอาการที่สร้างความน่ารำคาญเท่านั้น แต่ไม่ได้ระแวดระวังว่าจะเกิดอันตรายใด ๆ ตามมา เพราะคิดว่า “เดี๋ยวมันก็หายไปเอง” แต่จริง ๆ แล้วควรเช็กรถให้มีสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ แม้จะสั่นนิดหน่อย หรือสั่นเพียงแป้บเดียว ก็ควรนำรถเข้าตรวจเช็กสภาพทันที
อาการพวงมาลัยสั่นและสะเทือน แก้ไขยังไง ?
เมื่อได้รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้รถมีปัญหา พวงมาลัยสั่นแล้ว ประกอบกับรู้ว่าจะต้องแก้ไขโดยด่วน เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถ แต่จะแก้ไขได้ด้วยวิธีไหนบ้าง ตามไปดูกันเลย
1. ใช้ปลอกกันสั่น
เมื่อเปลี่ยนล้อใหม่และดุมล้อไม่เท่ากัน ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พวงมาลัยสั่นได้เช่นกัน จึงจำเป็นต้องใส่ปลอกกันสั่นที่มีคุณภาพ เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
2. เปลี่ยนจานเบรกใหม่
ถ้าจานเบรกคดเนื่องจากผิวจานเบรกไม่สม่ำเสมอ และมีการสึกหรอเกิดขึ้น สามารถแก้ไขได้ด้วยการเจียรหน้าสัมผัสของจานเบรกให้เรียบเสมอกัน แต่ถ้าอาการพวงมาลัยสั่นยังไม่หายไป ต้องเปลี่ยนจานเบรกใหม่ทั้งชุด
3. ถ่วงล้อให้สมดุล
กรณีที่ถ่วงล้อไม่สมดุล สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยการถ่วงล้อใหม่ เพื่อปรับความสมดุลให้เท่ากันทั้ง 2 ข้าง
4. เปลี่ยนลูกปืนล้อใหม่
การแก้ไขเมื่อลูกปืนล้อได้รับความเสียหายและหลวม คือ ใส่จาระบีเพื่อเพิ่มความหล่อลื่น เพื่อให้กลับมาใช้งานได้ดีดังเดิม แต่ถ้าช่างหรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญมองว่าไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีนี้ได้ เนื่องจากลูกปืนล้อแตก ต้องทำการเปลี่ยนใหม่อย่างเดียวเท่านั้น
5. เปลี่ยนยางใหม่
ถ้าความผิดปกติของอาการพวงมาลัยรถสั่น มีสาเหตุมาจากยางรถยนต์เสื่อมสภาพ หรือเสียรูปทรง การเปลี่ยนยางใหม่ถือเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
6. ตรวจเช็กช่วงล่าง
ไม่ว่ารถยนต์ของคุณจะเกิดอาการพวงมาลัยสั่นแค่ไหน สิ่งที่ควรทำคือการเข้าศูนย์บริการ และตรวจเช็กช่วงล่าง เพื่อดูว่ามีชิ้นส่วนไหนหลวมหรือไม่ เพื่อทำการแก้ไขให้กลับมาเข้าที่และแน่นหนาโดยด่วน
7. ปรับเพลาขับให้สมดุล
หากพวงมาลัยสั่นเบา ๆ จนรู้สึกได้ ให้ทำการปรับเพลาขับให้สมดุล เพื่อความเสถียรในการขับรถ
8. แก้ไขหรือเปลี่ยนล้อแม็กใหม่
กรณีที่ล้อแม็กผิดรูป แต่เสียหายไม่มาก แนะนำให้นำรถไปใช้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญแก้ไข ด้วยการใช้ความร้อนสูงเคาะ และนำไปกลึงให้เข้ารูป การแก้ไขด้วยวิธีนี้ค่าใช้จ่ายจะไม่สูงมาก แต่ถ้าล้อแม็กเสียหายนัก ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่แน่นอนว่าตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า
รับมือยังไง เมื่อพวงมาลัยสั่นขณะขับรถ ?
หากในตอนที่กำลังขับขี่รถอยู่นั้น ดันเกิดอาการพวงมาลัยสั่นขึ้นมา วิธีที่ดีและปลอดภัยมากที่สุดคือการประคองรถเข้าข้างทาง ไม่ควรฝืนขับต่อ และควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- ลดความเร็ว : เมื่อเกิดอาการพวงมาลัยรถสั่น ควรลดความเร็วลงทันที และเช็กว่าอาการสั่นดังกล่าวหายไปหรือม่ พร้อมกับคอยสังเกตว่าช่วงความเร็วไหนที่ทำให้รถสั่น
- เปิดไฟฉุกเฉิน : หากอาการสั่นไม่ได้หายไปไม่ว่าจะขับเร็วหรือขับช้าก็ตาม ให้เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อเตือนเพื่อนร่วมทางทันที
- ประคองรถเข้าข้างทาง : จากนั้นให้ประคองรถเข้าข้างทางด้วยความเร็วที่ค่อย ๆ ลดลง และควรจอดให้ชิดกับขอบถนนฝั่งซ้ายมากที่สุด พร้อมกับเปิดไฟฉุกเฉินตลอดเวลา
- ตรวจเช็กสภาพล้อกับยาง :ตรวจเช็กสภาพล้อและยางทั้งหมด ว่ามีการฉีกขาดหรือเกิดความเสียหายใด ๆ หรือไม่ เพื่อจะได้แจ้งอาการเมื่อนำรถเข้าซ่อมได้อย่างถูกต้อง
- โทรหาช่าง หรือบริษัทประกัน : แต่ถ้าไม่รู้ว่าพวงมาลัยสั่น เกิดจากสาเหตุอะไร หลังจากตรวจเช็กทุกอย่างดีแล้วให้โทรหาช่าง หรือบริษัทประกันภัยรถยนต์เพื่อขอความช่วยเหลือ ไม่ควรฝืนขับต่อเพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้
เราไม่มีทางรู้เลยว่ารถยนต์คันโปรดจะเกิดเหตุการณ์พวงมาลัยรถสั่นตอนไหน และในตอนที่เกิดอาการดังกล่าว จะนำพามาซึ่งอุบัติเหตุร้ายแรงหรือไม่ ดังนั้นการทำประกันภัยรถยนต์เอาไว้ ช่วยเพิ่มความอุ่นใจได้มากกว่า แม้อาการพวงมาลัยสั่นและสะเทือนจะไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหาย หรือสูญเสียเนื่องจากอุบัติเหตุบนท้องถนน อย่างน้อยจะได้มีใครสักคนให้ปรึกษา และหาหนทางช่วยเหลือ แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะซื้อประกันแบบไหนดี แนะนำให้เข้ามาเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับ มิสเตอร์ คุ้มค่า ก่อนตัดสินใจได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ป้องกันรถพวงมาลัยสั่นได้ไหม มีวิธีไหนบ้าง ?
หากไม่อยากเผชิญหน้ากับเหตุการณ์รถพวงมาลัยสั่น จนเกิดอุบัติเหตุตามมา วิธีป้องกันที่ดีที่สุด และเริ่มต้นได้ง่าย ๆ คือการใส่ใจดูแล และนำรถยนต์ของคุณเข้าเช็คตามระยะที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้าหากมีความผิดปกติใด ๆ กับชิ้นส่วนรถยนต์ จะได้ทำการแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนเกิดปัญหาตามมา
ในส่วนของการ “ป้องกันด้านการขับขี่” เพื่อลดเหตุการณ์พวงมาลัยรถสั่น ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง และใส่ใจเรื่องยางรถยนต์เป็นพิเศษ เมื่อต้องขับรถในเส้นทางที่พื้นผิวถนนไม่เรียบ ขรุขระ หรือเป็นหลุม เป็นบ่อ ให้ลดระดับความเร็วลง เพราะถ้าหากขับรถตกหลุมหรือกระแทกอย่างรุนแรง จะทำให้ยางบวม หน้ายางขรุขระ จนทำให้เกิดอาการพวงมาลัยสั่น และความเสียหายอื่น ๆ ที่อาจตามมาไม่รู้จบ
ดูแลยางรถยนต์ยังไงให้ถูกต้อง ยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน
อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้น ว่ายางรถยนต์เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้พวงมาลัยสั่น เมื่อเสื่อมสภาพหรือเกิดความเสียหายใด ๆ ขึ้น ดังนั้นจึงควรดูแลยางรถยนต์ให้ถูกต้อง เพราะนอกจากจะช่วยยับยั้งอาการพวงมาลัยสั่นแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้นอีกด้วย จะมีวิธีดูแลยังไงบ้าง ตามไปดูกันเลย
ตรวจสอบความดันลมยาง
การตรวจสอบความดันลมยางที่ถูกต้อง และสม่ำเสมอ จะช่วยปกป้องยาวจากความเสียหาย และลดความเสี่ยงในการสูญเสียการควบคุมรถได้เป็นอย่างดี
หมั่นตั้งศูนย์ล้อและถ่วงล้อเสมอ
สังเกตอยู่เสมอว่ารถยนต์ของคุณเอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งขณะขับรถ หรือเกิดแรงสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสารหรือไม่ เพราะถ้าเป็นแบบนี้อาจเป็นเพราะการตั้งศูนย์หรือถ่วงล้อไม่ดี นอกจากจะสร้างความรำคาญแล้ว ยังทำให้ยางสึกหรอก่อนเวลาอันควรด้วย
สลับยาง
ควรสลับยางทุกครั้งหลังจากเดินทางได้ทุก 10,000 กิโลเมตร หรือพร้อมกับการถ่ายน้ำมันเครื่องทุกครั้ง เพื่อให้ยางรถยนต์ทุกเส้นสึกหรอเท่า ๆ กัน
แม้ว่าพวงมาลัยสั่นจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ก็ไม่ควรชะล่าใจเด็ดขาด ทันทีที่รถของคุณมีอาการพวงมาลัยสั่นและสะเทือน ควรนำรถเข้าไปตรวจเช็กสภาพและแก้ไขทันที เพราะไม่อย่างนั้นอาจทำให้เกิดความเสียหายอื่น ๆ ตามมาไม่รู้จบ นอกจากนี้อย่าลืมหมั่นตรวจเช็กสภาพรถยนต์เป็นประจำก่อนใช้งานด้วย เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทุก ๆ ครั้งที่ใช้รถ
คำจำกัดความ
ระแวดระวัง | สอดส่องดูแลอย่างรอบคอบ, ดูแลให้ถ้วนถี่, ดูอย่างรอบคอบไม่ให้เกิดอันตราย |
กลึง | ทำให้กลม หรือให้เป็นรูปต่าง ๆ ตามต้องการด้วยเครื่องหมุน |
ประคอง | พยุงตัวให้ทรงอยู่ได้, พยุงไว้ไม่ให้ล้ม |