ต้องรู้เรื่องไฟหน้ารถยนต์ ความสำคัญ การดูแล และมารยาทในการใช้ไฟสูง

ไฟหน้ารถยนต์สำคัญยังไง มีกี่ประเภทให้เลือกใช้ ?

ไฟหน้ารถยนต์ เป็นหนึ่งในชิ้นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ เนื่องจากช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุในยามค่ำคืนได้เป็นอย่างดี เพราะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับรถให้มากขึ้น รวมถึง “ไฟตัดหมอก” ที่ช่วยให้การขับรถหน้าฝนง่ายขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีไฟหน้ารถยนต์ 4 ประเภท ที่สามารถเลือกใช้งานได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่จะมีประเภทไหนบ้าง ตามไปดูกันเลย

• 1. หลอดไฟหน้ารถยนต์แบบ LED

  ไฟหน้ารถยนต์แบบ LED เป็นอีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากประหยัดไฟ และมีความร้อนค่อนข้างต่ำ แต่กลับให้ความสว่างสูงกว่าแบบอื่น ๆ นอกจากนี้ไฟแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ และแบบโปรเจกเตอร์ ยังเหมาะที่จะใช้หลอดไฟหน้า LED อีกด้วย

• 2. หลอดไฟหน้ารถยนต์แบบเลเซอร์

  เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงในแวดวงไฟหน้ารถยนต์ แถมยังเป็นหลอดไฟที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่น่าเสียดายที่ยังคง “จำกัด” ให้ใช้งานในรถยนต์บางรุ่นเท่านั้น ส่วนใหญ่จะใช้กับค่ายรถยนต์ที่มีราคาแพง รวมถึงต้องใช้กับโคมไฟที่รองรับกันด้วย

• 3. หลอดไฟหน้ารถยนต์แบบฮาโลเจน

  ถือเป็นประเภทหลอดไฟที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แถมยังนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ด้วยความที่ราคาค่อนข้างถูก หาซื้อได้ง่าย ในส่วนของ “อะไหล่” ของไฟรถยนต์ที่เหมาะกับหลอดประเภทนี้ก็มีราคาย่อมเยา หาซื้อไม่ยากเช่นเดียวกัน

• 4. หลอดไฟหน้ารถยนต์แบบซีนอน

  หรือที่หลายคนนิยมเรียกกันอีกอย่างว่า HID เป็นประเภทหลอดไฟที่มีความนิยมสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ทว่ากลับมีข้อเสียในเรื่อง “แสงไฟ” ที่สว่างกว่าประเภทฮาโลเจน ทำให้หลาย ๆ ค่ายรถยนต์เลิกใช้ไปโดยปริยาย เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และเปลี่ยนไปใช้แบบ LED กันมากกว่า

ดูแลรถยนต์ยังไง ให้ไฟหน้าใช้งานได้นาน ๆ

ด้วยความที่ไฟหน้ารถยนต์เป็นหนึ่งในส่วนประกอบที่สำคัญไม่แพ้กับส่วนอื่น ๆ ดังนั้นการดูแลรถยนต์ในส่วนนี้ ก็มีความสำคัญตามไปด้วยเช่นกัน โดยมีวิธีดูแลรักษาให้ไฟหน้ารถยนต์ใช้งานได้เป็นเวลานาน ไม่เหลือง ไม่หม่น ดังนี้

• ทำความสะอาดไฟหน้ารถยนต์เป็นประจำ ด้วยการใช้ผ้าชุดน้ำหรือน้ำยาโดยเฉพาะเช็ดทำความสะอาด
• หลีกเลี่ยงการจอดรถที่โล่งแจ้ง หรือจอดตากแดดเป็นเวลานาน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรใช้ผ้าคลุมรถ เพื่อป้องกันการถูกแสงแดดช่วงกลางวัน
• หากหลอดไฟหน้ารถชำรุด แม้จะดับเพียงแค่ดวงเดียวหรือความสว่างลดน้อยลง ให้เปลี่ยนทันทีไม่ควรปล่อยไว้ เพราะจะทำให้ระบบไฟรถยนต์มีปัญหามากกว่าเดิม แนะนำว่าเปลี่ยนทั้งทีให้เปลี่ยนเป็นคู่ไปเลย

แน่นอนว่าการดูแลรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้รถยนต์คู่ใจอยู่กับเราได้ยาวนานยิ่งขึ้น แต่ก็ก็อย่าลืมให้ความสำคัญในเรื่องของ “ประกันภัยรถยนต์” ด้วย เพราะในส่วนนี้จะช่วยลดแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัตเหตุได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลขับรถเร็วหรือคนอื่นประมาท ก็คุ้มครองอย่างครอบคลุม สำหรับคนที่กำลังมองหาประกันภัยที่ครอบคลุม คุ้มครองทุกเรื่องแบบไร้ทั้งกังวล MrKumka คือหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ได้ก่อนใคร ปรับแผนประกันได้ตามต้องการ

ไฟตัดหมอกคืออะไร การใช้งานต่างจากไฟหน้ารถแค่ไหน ?

“ไฟตัดหมอก” คือไฟขนาดเล็กที่รองลงมาจากไฟหน้ารถยนต์ เปรียบเสมือนส่วนเสริมของรถยนต์ที่ติดตั้งมาตั้งแต่โรงงาน หรือบางคนก็อาจมาติดตั้งเพิ่มเติมภายหลัง มีส่วนช่วยในการสร้างทัศนวิสัยที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม เนื่องจากใช้หลอดขนาด H3 ชนิดเดียวกับที่ใช้ในสปอตไลต์ แม้ว่ากำลังไฟจะน้อยกว่าแต่ประสิทธิภาพมีมากกว่าแน่นอน

ไฟตัดหมอกทำงานยังไง ?

ลักษณะการทำงานของไฟตัดหมอกจะเป็นการส่องสว่างราวกับสปอตไลต์ ในรูปแบบของการส่องระนาบกับพื้นหรือส่องตกพื้นที่อยู่ระยะไกล ตอบโจทย์สำหรับการขับรถหน้าฝนหรือหมอกลงหนาสุด ๆ เนื่องจากไฟตัดหมอกจะทำให้เกิดมุมเอียงลงต่ำ เพื่อให้เกิดการสะท้อนเข้าสู่สายตาผู้ขับขี่ ซึ่งช่วยให้มองเห็นได้ชัดขึ้นประมาณ 10-15 เมตร

กรณีไหนบ้าง ? ที่ควรเปิดไฟตัดหมอก

หากยังมองภาพไม่ออกว่าต้องเปิดไฟตัดหมอกในช่วงเวลาไหน MrKumka ได้ลิสต์กรณีต่าง ๆ มาให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีเหตุการณ์ไหนบ้างไปทำความเข้าใจพร้อม ๆ กันเลย

ปรับแต่งไฟหน้ารถยนต์ผิดกฎหมายไหม ?

หากคุณเป็นสายแต่งรถ ชอบตกแต่งให้รถสวยงามตามไลฟ์สไลต์ที่ชื่นชอบ บอกไว้ก่อนเลยว่าการปรับแต่งไฟหน้ารถยนต์มี “ขอบเขต” ในการปรับแต่งชัดเจน แม้จะไม่ปรับแต่งเพื่อแข่งความเร็วรถบนท้องถนน แต่ก็มี “กฎหมาย” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน ซึ่งจะมีโทษอะไรบ้าง และปรับเท่าไหร่ MrKumka ลิสต์มาให้เรียบร้อยแล้ว ไปดูกัน

• ปิดไฟตัดหมอกโดยไม่มีเหตุ โทษปรับไม่เกิน 500 บาท
• ใช้สัญญาณไฟวับวาบ ผิดเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด โทษปรับไม่เกิน 500 บาท
• ไฟเบรกต้องสีแดงเท่านั้น หากปรับแต่งให้เป็นสีอื่น โทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
• ไฟส่องป้ายต้องเป็นสีขาว และเห็นไม่ต่ำกว่า 20 เมตร หากผิดเงื่อนไข โทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
• ติดไฟนีออนใต้ท้องถนน ติดไว้กับป้ายทะเบียน โทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
• ไฟหน้าหลายสี โทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
• ไฟเลี้ยวต้องเป็นสีเหลืองอำพัน หากเป็นสีอื่น โทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
• ไฟสปอตไลต์และโคมไฟตัดหมอกแสงพุ่งไกล โทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
• รถบรรทุก รถสาธารณะ ดัดแปลงไฟหน้ารถยนต์และไฟท้าย ปรับสูงสุด 50,000 บาท (คนแจ้งจับรับส่วนแบ่ง 50%)

หากเทียบค่าปรับกับค่าปรับแต่งรถใหม่ทั้งคัน คงจะเป็นจำนวนอันน้อยนิด แต่ถ้าคุณปรับแต่งเกินกว่าเหตุทุกจุดล่ะ? ค่าปรับก็ทำจุกได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นหากอยากปรับแต่งไฟหน้ารถยนต์ ไฟท้าย ไฟเลี้ยว หรือส่วนอื่น ๆ แนะนำให้ศึกษาข้อกฎหมายให้ดี เพราะอาจเดือดร้อนในภายหลังได้

เปิดไฟสูงยังไงให้ไม่เสียมารยาท ?

การเปิดไฟหน้ารถยนต์สูงเกินไปนอกจากจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายแล้ว ยังถือเป็นการขับรถที่ไม่มีมารยาทอีกด้วย แต่ในบางกรณีที่จำเป็นต้องเปิดไฟสูง จะต้องเปิดยังไงให้มีมารยาทมากที่สุด ไปดูพร้อม ๆ กันเลย