เรื่องราวน่าสลดที่คนใช้รถเจอได้ทุกวัน อยู่คู่กับคนใช้รถน้ำมันเบนซินมาเนิ่นนาน คงเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากเรื่อง “ค่าน้ำมัน” ที่นับวันจะแพงเอาเรื่อง จะเดินทางไปไหนก็ต้องคิดแล้วคิดอีก หลายคนจึงมองหาวิธีประหยัดน้ำมันกันต่างๆ นาๆ แต่จะมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นไหม? MrKumka ได้ลิสต์ประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องนี้มาฝากแล้ว ไปทำความเข้าใจก่อนขับรถทางไกลกันเลยดีกว่า!
ปัจจัยที่ทำให้น้ำมันเบนซินราคาแพง มีอะไรบ้าง ?
ปฏิเสธไม่ได้ว่าราคาน้ำมันเบนซินในปัจจุบัน เป็นหนึ่งในอุปสรรคของการประหยัดเงินมาก ๆ เพราะราคาพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง แล้วมันเป็นเพราะ “ปัจจัย” อะไรกันล่ะ? ไปดูพร้อม ๆ กันเลย
1. อุปสงค์น้ำมันทั่วโลก
ถือเป็นหนึ่งในปัจจุบันหลักที่ทรงอิทธิพล และส่งผลต่อ “ราคาน้ำมัน” มาก ๆ ยิ่งถ้าหากมีความต้องการใช้น้ำมันเบนซินหรือน้ำมันอื่น ๆ มากเท่าไหร่ ราคาน้ำมันก็มักมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
2. นโยบายของรัฐ
นโยบายของภาครัฐและภาษีนำเข้า ล้วนมีอิทธิพลต่อ “ราคาขายปลีก” ของน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการอุดหนุน การเก็บภาษี รวมถึงการตัดสินใจด้านกฎระเบียบ ล้วนมีส่วนทำให้ราคาน้ำมันผันผวนทั้งสิ้น
3. สภาวะตลาดโลก
ราคาน้ำมันในประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากตลาดน้ำมันระหว่างประเทศ แถมยังขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ มากมาย เช่น การเปลี่ยนแปลงของน้ำมันสำรอง การตัดสินใจขององค์กรรวมประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
4. อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา
ปฏิเสธไม่ได้ว่าราคาน้ำมันเบนซินและราคาน้ำมันอื่น ๆ ในประเทศไทย อ้างอิงราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์ เนื่องจากสิงคโปร์เป็นผู้ส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปที่ใหญ่ที่สุด โดยอาศัยการนำเข้าน้ำมันดิบมากลั่น จึงเป็นเหตุผลที่ราคาน้ำมันดังกล่าวเป็นราคาที่สะท้อนอุปสงค์และอุปทานของประเทศไทยนั่นเอง
5. ต้นทุนการขนส่งและการกระจาย
การขนส่งและการกระจายน้ำมันไปยังผู้บริโภคในท้องถิ่นต่าง ๆ ล้วนส่งผลต่อราคาขายปลีกขั้นสุดท้ายแทบทั้งสิ้น จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคหน่วยครัวเรือนต้องซื้อน้ำมันในราคาแพง
ขับรถทางไกลแบบประหยัดน้ำมันต้องทำยังไง ?
สำหรับสายขับรถทางไกลไม่ว่าจะท่องเที่ยวช่วงวันหยุด ขับรถไปทำงานต่างจังหวัด หรือใด ๆ ก็ตาม แน่นอนว่า “ค่าน้ำมัน” ก็คงแพงเอาเรื่อง โดยเฉพาะคนที่เติม แต่จะต้องเดินทางยังไงให้ประหยัดน้ำมันมากที่สุด ไปดูกันเลย!
- วางแผนการเดินทางโดยหลีกเลี่ยงเส้นทางอ้อม หรือเส้นทางที่มีการจราจรติดขัด ยิ่งถ้าหากต้องขับรถหน้าฝนยิ่งต้องวางแผนอย่างดี เพราะรถจะติดค่อนข้างมาก เพียงเท่านี้ก็ช่วยประหยัดเงินค่าน้ำมันได้พอสมควรเลยล่ะ
- เมื่อต้องขับรถทางไกลควรขับรถด้วยความเร็วคงที่ ประมาณ 80-90 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือใช้ cruise control ช่วยควบคุมความเร็วก็ได้ นอกจากจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันแล้ว ยังเพิ่มความสะดวกสบายในการขับรถได้อีกด้วย
- เช็กลมยางก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ควรให้ลมยางอยู่ในระดับที่เหมาะสม หากอ่อนเกินไปจะทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้น แต่ถ้าหากแข็งเกินไปก็อาจทำให้เกินอันตรายได้ เนื่องจากเกาะถนนได้ไม่ดี
- ลดสัมภาระที่ไม่จำเป็น เพราะถ้าหากรถบรรทุกของหนักเกินไป จะทำให้กินพลังงานเชื้อเพลิงมากขึ้น
- ไม่ควรเร่งคันเร่งและเบรกโดยไม่จำเป็น เพราะการเร่งความเร็วในแต่ละครั้ง เครื่องยนต์ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ
เติมน้ำมันยังไงให้ประหยัดเงินได้มากที่สุด ?
หากจะหาวิธีประหยัดน้ำมันแบบง่าย ๆ อาจเป็นไปได้ยาก เพราะน้ำมันเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้สำหรับรถยนต์ โดยเฉพาะคนที่ขับรถทางไกลบ่อย ๆ จะดีกว่ามั้ย? หากมีวิธีช่วยประหยัดเงินได้มากขึ้น โดยที่ไม่ต้องเติมน้ำมันน้อยลง แต่จะมีวิธีไหนบ้าง เรามีมาบอกต่อ!
ไม่ต้องอุ่นเครื่องก่อนขับ
หลายคนคิดว่าการสตาร์ทรถทิ้งเอาไว้ ถือเป็นการอุ่นเครื่องที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้มากโข แต่ในความเป็นจริงแล้ว “ไม่ควรทำ” เพราะจะทำให้เปลืองน้ำมันมากกว่าเดิม แนะนำว่าหลังจากสตาร์ทรถแล้วให้ขับช้า ๆ เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องจะดีกว่า
เติมน้ำมันให้เกิน ¾ ของถัง
วิธีที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้มากที่สุด คือ การเติมน้ำมันให้เกิน ¾ ของตัวถัง แล้วใช้จนเหลือ ¼ ของถังและเติมใหม่ นอกจากจะช่วยถนอมเครื่องยนต์แล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของปั๊มติ๊ก ช่วยระบายความร้อนได้อีกด้วย
เติมน้ำมันเวลาใดก็ได้
บางคนมักมีความเชื่อว่า “เติมน้ำมันช่วงเช้าและกลางคืน จะประหยัดเงินได้มากกว่า” เนื่องจากได้น้ำมันปริมาณเยอะ แต่จริง ๆ แล้วไม่เป็นแบบนั้นเลย สามารถเติมช่วงเวลาไหนก็ได้ตามสะดวก ของแค่ทำตามทริคทั้ง 2 ข้อที่เราบอกไปก่อนหน้านี้ ก็ช่วยได้เยอะมาก ๆ แล้ว
แม้ว่าการมองหาวิธีประหยัดน้ำมันจะเป็นเรื่องสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ในยุคนี้ แต่การให้ความสำคัญกับเรื่อง “ประกันภัย” ก็ถือเป็นอีกประเด็นที่สำคัญไม่แพ้กัน หากเลือกดี ให้ความคุ้มครองครอบคลุม ก็ช่วยให้คุณประหยัดเงินได้เยอะมาก แถมยังช่วยให้การท่องเที่ยวอุ่นใจตลอดทริป ถ้าไม่รู้ว่าจะต้องเลือกซื้อประกันกับที่ไหน MrKumka เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ สามารถค้นหาราคาประกันดีที่สุดได้ก่อนใคร ช่วยให้เห็นราคาจริง เปรียบเทียบประกันรถยนต์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ที่สำคัญ! สามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ตามใจชอบ
5 แอปพลิเคชั่นช่วยประหยัดน้ำมัน มีอะไรบ้าง ?
สำหรับสาวกรถยนต์น้ำมันเบนซินที่กำลังมองหา “ตัวช่วย” ในการประหยัดน้ำมันอยู่ในตอนนี้ เราได้รวบรวม 5 แอปพลิเคชั่นมาบอกต่อ บอกเลยว่าช่วยให้การขับรถของคุณสนุกและประหยัดได้มากขึ้น มีแอปไหนบ้าง ตามไปดูกันเลย
1. FuelLog - Car Management (Android)
ตัวแอปพลิเคชั่น FuelLog มีความโดดเด่นในเรื่องของโปรแกรมที่มีขนาดเล็ก ไม่เปลืองพื้นที่จัดเก็บบนสมาร์ตโฟน แต่ฟังก์ชันต่าง ๆ ยังคงครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแต่ละถัง ซึ่งแสดงผลออกมาในรูปแบบกราฟ มี Interface ใช้งานง่าย ชัดเจน ที่สำคัญสามารถใช้งานกับรถยนต์ได้หลายคัน
2. บันทึกการเติมน้ำมัน (Android)
สำหรับคนที่กำลังมองหาแอปพลิเคชั่นที่รองรับภาษาไทยได้ครบ จัดเต็มทุกฟังก์ชัน แอปฯ บันทึกการเติมน้ำมันถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยคนไทย ใช้งานง่าย รูปลักษณ์สวยงาม แถมยังคำนวณอัตราสิ้นเปลืองได้ครบ มากไปกว่านั้นยังสามารถระบุตำแหน่งปัจจุบันด้วยระบบ GPS ได้อีกด้วย
3. Fuelio (iOS & Android)
เป็นแอปพลิเคชั่นที่สามารถบันทึกข้อมูลการเติมน้ำมันเบนซินและน้ำมันอื่น ๆ ในแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นปริมาณ ปั๊มที่เติม รวมถึงราคาน้ำมัน และอื่น ๆ ไว้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบคำนวณอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแต่ละถังให้อีกด้วย
ทำให้คุณทราบอย่างแน่ชัดว่าใช้น้ำมันไปมากน้อยแค่ไหน แถมยังเป็นการแสดงผลในรูปแบบกราฟ ที่มีความเที่ยงตรงกว่าข้อมูลที่แสดงบน On-board ของรถเป็นไหน ๆ
4. Road Trip Lite (iOS)
เป็นหนึ่งในโปรแกรมช่วยประหยัดน้ำมันและประหยัดเงินที่มีหน้าตาสวยงาม ใช้งานง่าย ฟังก์ชันครบ แถมยังสามารถคำนวณค่าน้ำมันเฉลี่ยต่อระยะทาง (กี่บาท/กม.) รวมถึงคำนวณอัตราสิ้นเปลืองได้ แม้ว่าจะไม่ได้เติมน้ำมันแบบเต็มถังก็ตาม
5. ราคาน้ำมัน Thai Oil (Android)
แอปพลิเคชั่นที่ช่วยในการตรวจสอบราคาน้ำมันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากสามารถระบุราคาน้ำมันปัจจุบันในแต่ละวันได้อย่างชัดเจน แถมยังสามารถตรวจสอบราคาน้ำมันของวันถัดไปได้อีกด้วย มากไปกว่านั้นยังมีแจ้งเตือนหากราคาน้ำมีการเปลี่ยนแปลง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแอปที่ควรมีติดเครื่องสุด ๆ เลยทีเดียว
น้ำมันเบนซินราคาแพงขึ้นทุกวัน เปลี่ยนมาขับรถ EV ดีว่าไหม ?
เมื่อปัญหาน้ำมันเบนซินราคาแพง ยังคงเป็นหนึ่งในเรื่องกวนใจอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนว่าจะไม่มีหนทางแก้ปัญหาได้ง่าย ๆ หลายคนจึงหันมาถามตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่า “แบบนี้เปลี่ยนมาขับรถ EV ไม่ดีกว่าเหรอ” จริง ๆ แล้วคนที่สามารถตอบเรื่องนี้ได้เป็นตัวคุณเองทั้งนั้น
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเปลี่ยนมาขับรถ EV หากมองในระยะยาวถือว่าคุ้มค่ากว่ารถยนต์ใช้น้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของค่าใช้จ่าย ค่าบำรุงรักษา รวมถึงราคาที่ลดลงจากมาตรการของภาครัฐ หากคิดจะประหยัดเงินด้วยวิธีนี้ แนะนำให้ลองถามตัวเองให้ดี ว่าจริง ๆ แล้วรถ EV ตอบโจทย์ความต้องการได้มากแค่ไหน และอย่าลืมว่าค่าแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแพงเอาเรื่อง!
และทั้งหมดคือเรื่องน้ำมันที่เราทุกคนหนีไม่พ้น ยิ่งเป็นคนใช้รถต้องรู้ สำหรับ “ตัวช่วย” ในการประหยัดน้ำมันที่เรานำมาบอกต่อ เรียกได้ว่าช่วยให้สาวกน้ำมันเบนซินให้ได้ประหยัดเงินได้เยอะขึ้นมาก ๆ เลยใช่มั้ยล่ะ? อย่างไรก็ตามแม้จะมีตัวช่วยดี ๆ แบบนี้แล้วก็อย่าได้มองข้ามเรื่อง “ประกันภัยรถยนต์” ด้วยล่ะ เพราะจุดนี้จะช่วยให้การขับรถของคุณราบรื่น ไร้กังวล มั่นใจก็ปลอดภัยกว่า โดยเฉพาะการขับรถหน้าฝนที่เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย อย่าลืมนะว่า ! ขับรถไม่มีประกัน เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาค่าซ่อมแพงกว่าค่าน้ำมันเยอะ
คำจำกัดความ
| น้ำมันดิบ | น้ำมันที่สูบขึ้นมาจากแหล่งกำเนิดใต้ดิน โดยได้ผ่านเครื่องแยกแก๊สออกไปแล้วแต่ยังไม่ได้ทำให้บริสุทธิ์ หรือยังไม่ได้นำไปกลั่นแยกออกตามลำดับขั้น |
| หน่วยครัวเรือน | หน่วยเศรษฐกิจที่ประกอบด้วยบุคคลตั้งแต่หนึ่งคนขึ้นไป มีการตัดสินใจในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ หรือ ปัจจัยทางด้านการเงิน เพื่อให้ได้ประโยชน์แก่ตนหรือกลุ่มตนมากที่สุด |
| Interface | การเชื่อมต่อระหว่าง คอมพิวเตอร์ ที่ถ่ายโอนข้อมูลจากกันและกันได้ |
@mrkumka
