เบื่อไหม ? กับปัญหา “สีรถยนต์หมอง” หากคุณกำลังเบื่อหน่ายกับปัญหาดังกล่าว เราได้รวบรวมวิธีดูแลรักษารถยนต์ ทำสีรถยนต์ มาให้คุณได้นำไปปรับใช้กับรถยนต์คู่ใจเรียบร้อยแล้ว คงจะดีไม่ใช่น้อยหากปัญหาดังกล่าว “สามารถป้องกันได้” โดยไม่ต้องรอถึงวันที่สีรถยนต์เสื่อมสภาพจนยากเกินจะแก้ไข แต่จะมีวิธีการเป็นอย่างไร ? ไปติดตามพร้อม ๆ กับเราได้เลย !
เข้าใจ.. เรื่องประเภทสีรถ เพื่อการดูแลรักษารถยนต์ ทำสีรถยนต์ ที่เหมาะสม
ก่อนที่เราจะไปถึงขั้นตอนการดูแลรักษารถยนต์ ทำสีรถยนต์ เรามาทำความเข้าใจประเภทสีกันก่อนดีกว่า เพราะสีรถยนต์แต่ละประเภทมีคุณสมบัติ และวิธีดูแลรักษารถยนต์ที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
-
1. Solid Paint
Solid Paint เป็นสีรถยนต์ “เนื้อสีเดียว” ที่คุณสามารถเลือกได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม เช่น สีขาว สีแดง สีดำ และสีเทา มีข้อดีคือหากต้องการเปลี่ยนสีใหม่ ราคาจ่ายจะไม่สูงมาก แถมยังดูแล/ซ่อมแซมได้ง่าย ในกรณีที่มีรอดขูดขีดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถใช้สีเดียวกันแต้มได้เลย
-
2. Metallic
Metallic เป็นสีที่เพิ่ม “ผงโลหะ” ช่วยให้รถยนต์ของคุณมีความแวววาวมากกว่า Solid Paint เล็กน้อย แถมยังมีคุณสมบัติในการช่วย “ซ่อน” รอยเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวรถได้
-
3. Pearlescent
Pearlescent หรือที่หลายคนคุ้นเคยดีในชื่อว่า “สีมุก” ซึ่งเปลี่ยนจากผงโลหะมาเป็น “เซรามิกคริสตัล” แทน นอกจากจะช่วยให้รถมีความโดดเด่นตามการหักเหของแสงแล้ว ยังช่วย “ปกปิด” ร่องรอยที่เกิดขึ้นกับตัวรถได้เป็นอย่างดี แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง
-
4. Matte Finishes
Matte Finishes หรือ “สีด้าน” เป็นสีที่สร้างความโดดเด่นให้กับตัวรถได้ดี แต่ก็แลกมาด้วยราคาจ่ายค่อนข้างสูง แถมดูแลรักษาค่อนข้างยาก แม้จะเป็นรอยขีดข่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
ซึ่งสีแต่ละประเภทจะมีความโดดเด่นเฉพาะตัว และคุณสามารถเลือกได้เองตามความชอบส่วนตัว หากต้องการความเรียบง่าย ค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก สี 2 ประเภทแรกก็ถือว่าตอบโจทย์แล้ว แต่ถ้าหากต้องการให้รถสวยงามมากขึ้น และมีกำลังจ่ายที่กำลังดี การเลือกใช้สีมุกก็ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีกว่า
เคล็ดลับ “ดูแลรักษารถยนต์ ทำสีรถยนต์” ให้ฉ่ำวาวอยู่ตลอดทำยังไง ?
หลังจากทำความเข้าใจประเภทสีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการทำความเข้าใจ “วิธีการดูแลรักษารถยนต์ ทำสีรถยนต์” ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วจะมีวิธีดูแลที่ง่าย ใช้เวลาไม่นาน แถมค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก ทำเองก็ได้ ใช้ผู้เชี่ยวชาญก็ดี แต่จะมีวิธีการแบบไหนบ้าง ? ไปดูพร้อม ๆ กันได้เลย
-
1. เมื่อพบรอยเปื้อน ควรเช็ดออกในทันที
ไม่ว่ารอยเปื้อนที่คุณพบเห็นจะมาจากยางไม้ ยางมะตอย ขี้นก หรือใด ๆ ก็ตาม ควรที่จะเช็ดออกหรือล้างออกในทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้เด็ดขาด เพราะจะทำให้สีรถยนต์ของคุณหม่นหมอง และด่างเป็นจุด ๆ ไม่สวยงาม
-
2. ล้างรถ เคลือบสีรถ “อย่างน้อย” สัปดาห์ละครั้ง
วิธีการนี้ถือเป็นวิธีการที่ง่ายมาก แถมยังสามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน สำหรับการล้างรถด้วยตัวเอง แนะนำให้ใช้ฟองน้ำ 2 อัน อันแรกใช้สำหรับล้างผิวรถ โดยจะเป็นฟองน้ำที่ไม่มีเศษใด ๆ ติดอยู่เลย และอันที่สองใช้สำหรับล้างล้อ รวมถึงช่วงล่าง นอกจากนี้ในส่วนของขั้นตอนการ “เช็ดรถ” ก็จำเป็นจะต้องใช้ผ้าที่เนื้อนุ่ม เพื่อป้องกันไม่ให้รถเป็นรอย เกิดรอยขนแมวตามมาในภายหลัง
จากนั้นเคลือบด้วยน้ำยาเคลือบสีรถยนต์สักหน่อย เพื่อป้องกันเศษฝุ่นมาเกาะรถได้ง่ายแถมยังช่วยให้ความเงางามอยู่กับคุณได้นานกว่าอีกด้วยหลังจากล้างรถในแต่ละรอบ
Tips : การที่รถเปียกฝน “ไม่ใช่การล้างรถ” แต่อย่างใด หากจำเป็นต้องใช้รถในวันที่ฝนตก เมื่อเสร็จธุระแล้วควรล้างทำความสะอาดทุกครั้ง หรือหากไม่สะดวก ให้พยายามล้างรถอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเพื่อป้องกันคราบสกปรกที่เป็นจุดเริ่มต้นของความหมองในรถฝังแน่น
-
3. ขัดสีรถ
หากรถของคุณหม่นหมองขั้นสุด หรือสีรถยนต์เริ่มเสื่อมสภาพแล้ว การขัดสีรถถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยชั้นดี ที่จะทำให้สีรถยนต์ของคุณกลับมาฉ่ำวาวเหมือนเดิม แต่ไม่แนะนำให้ทำบ่อย เนื่องจากการขัดจะทำให้แลคเกอร์บางลง และที่สำคัญการขัดสีรถจะต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น อย่าได้คิดทำเองเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องหาวิธีแก้ไขรถเป็นรอยที่เกิดขึ้นกันอีกบาน
-
4. ติดฟิล์มรถยนต์กันรอย
สำหรับวิธีการนี้ ส่วนใหญ่มักจะเห็นตาม “รถหรู” ที่นิยมทำกัน โดยจะเป็นในลักษณะของการติดสติกเกอร์ใส ติดฟิล์มรถยนต์รอบคัน มีราคาจ่ายที่ค่อนข้างสูง และอย่าได้คิดหันไปติดฟิล์มรถยนต์ที่ไม่มีคุณภาพ เพราะเห็นว่าราคาถูกกว่าเด็ดขาด หากไม่อยากปวดหัวในตอนที่ฟิล์มหลุดลอกออกมาในภายหลัง
และทั้งหมดนี้ก็คือวิธีการดูแลรักษารถยนต์ ทำสีรถยนต์ที่ง่าย และใช้เวลาเพียงไม่นาน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของสีด้วยเช่นกัน หากรถยนต์ของคุณเป็นสีประเภท Solid Paint หรือ Metallic ก็จะใช้เวลาซ่อมรถ แก้ไขรถเป็นรอย ลบรอยขีดข่วนต่าง ๆ ไม่นาน แถมยังมีราคาที่ค่อนข้างถูก ในบางครั้งอาจจะใช้วิธีการ “แต้ม” สีเดียวกันลงไป ก็ทำให้รถของคุณกลับมาสวยดังเดิมแล้ว (แนะนำให้แต้มโดยผู้ที่มีประสบการณ์ เช่น อู่ซ่อม หรือศูนย์บริการจะดีที่สุด)
ต้องบอกก่อนว่ารอดต่าง ๆ บนรถยนต์ นอกจากจะเกิดจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น กิ่งไม้ กรวด หรือใด ๆ ก็ตาม ยังสามารถเกิดจากอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้เช่นกัน ดังนั้นนอกจากจะต้องมองหาวิธีการดูแลรักษารถยนต์ ทำสีรถยนต์แล้ว อย่าลืม “ซื้อประกันรถยนต์” ให้เพื่อนร่วมทางของคุณด้วยล่ะ เพราะถ้าหากเกิดรอยใหญ่ ๆ ที่ไม่ใช่แค่รอยขีดข่วน หรือรอยขนแมวแล้วล่ะก็ จะได้ไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถยนต์มากจนเกินไป! เปรียบเทียบประกันรถยนต์ “ที่ใช่” และคุ้มค่ากว่าสำหรับรถคุณได้เลยที่นี่ MrKumka.com