ขับรถปลอดภัยด้วย 5 ไอเท็มช่วยกันฝนเพิ่มความปลอดภัย อะไรบ้างควรมีติดรถ

แชร์ต่อ
ขับรถปลอดภัยด้วย 5 ไอเท็มช่วยกันฝนที่ควรมีติดรถ | MrKumka.com

หน้าฝนมาแล้ว(แม้จะยังรู้สึกร้อนเหมือนเดิมก็ตาม) อย่าลืมว่าฝนตกถนนลื่น อีกหนึ่งประเด็นที่ควรเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถ เพื่อการขับรถปลอดภัยให้มากขึ้นของคุณ เพราะการขับรถขณะฝนตกเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุตามมามากมาย นอกจากนี้ยังอาจสร้างปัญหาให้กับรถในภายหลังได้อีกด้วย MrKumka จึงได้ลิสต์เทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย พร้อมวิธีดูแลรถมาให้แล้ว ไปทำความเข้าใจพร้อม ๆ กันได้เลย!

5 ไอเท็มป้องกันฝน ช่วยขับรถปลอดภัยมีอะไรบ้าง ?

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการขับรถขณะฝนตกเป็นอะไรที่ค่อนข้างลำบาก และมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทางได้หลายอย่าง คงจะดีไม่ใช่น้อยหากคุณมีไอเท็มดี ๆ ที่ช่วยให้ขับรถปลอดภัยมากขึ้น และเราก็ได้ลิสต์มาให้เรียบร้อยแล้ว ดังนี้

  • 1. ผ้าเช็ดกระจกคุณภาพดี

    หลายคนมองว่าผ้าเช็ดกระจกแบบไหนก็เหมือนกัน ขอแค่เช็ดน้ำฝนได้ก็พอแล้ว แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้นเลย ยิ่งการนำผ้าทั่ว ๆ ไปมาเช็ดกระจกในช่วงหน้าฝน มันจะยิ่งทำให้กระจกมัวหนักกว่าเดิม รวมถึงทำให้พื้นผิวกระจกได้รับความเสียหายไปด้วย

    แนะนำว่าให้เปลี่ยนไปใช้ผ้าเช็ดกระจกโดยเฉพาะจะดีกว่า เพราะนอกจากจะไม่ทิ้งคราบสกปรกไว้บนกระจกรถแล้ว ยังช่วยถนอมกระจกไม่ให้เป็นรอยได้อีกด้วย บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ควรมีติดรถสุด ๆ

  • 2. ที่ปัดน้ำฝนคุณภาพดี

    หากต้องขับรถขณะฝนตก ไอเท็มเด็ดที่ไม่นึกถึงคงไม่ได้คือ “ที่ปัดน้ำฝน” และจะต้องเป็นที่ปัดน้ำฝนที่มีคุณภาพสูงด้วย เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันฝน โดยเฉพาะวันที่ฝนตกหนัก ๆ ได้ดีมาก ๆ นอกจากนี้ยังช่วยลดคราบน้ำและฝุ่นละอองบนกระจกได้อีกด้วย

    แนะนำว่าควรเช็คที่ปัดน้ำฝัน โดยเฉพาะในส่วนของ “อายุการใช้งาน” ว่าใช้เดิน 6-12 เดือนแล้วหรือยัง หากเกินแล้วควรเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่มันยิ่งเสื่อมสภาพ หักหรือหลุดระหว่างจำเป็นต้องใช้จะแย่เอา

  • 3. น้ำยาเคลือบกระจกกันน้ำ

    น้ำยาเคลือบกระจกกันน้ำถือเป็นไอเท็มป้องกันฝนที่ควรมีติดรถ เพราะจะช่วยให้น้ำฝนไม่เกาะติดบนกระจกเมื่อขับรถขณะฝนตก โดยฝนที่ตกลงมาจะกระจายหายไปอย่างรวดเร็ว ช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับรถดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระจกหน้า กระจกหลัง หรือกระจกไหน ๆ ก็ใช้ได้หมด

  • 4. เครื่องดูดน้ำแบบพกพา

    เป็นเครื่องที่ช่วยดูดน้ำออกจากตัวรถในกรณีที่ฝน หรือน้ำจากภายนอกรั่วไหลเข้ามาภายในห้องโดยสาร มันจะช่วยให้คุณสามารถดูดน้ำออกจากรถได้อย่างทันการ ก่อนที่จะสร้างความเสียหายอื่น ๆ ให้กับห้องโดยสารและอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถ

  • 5. ประกันรถยนต์

    หนึ่งในไอเท็มที่ควรมีติดรถมาก ๆ ก็คือประกันรถยนต์ เพราะจะช่วยเพิ่มความอุ่นใจเมื่อต้องขับรถขณะฝนตกได้ดีมาก ๆ ยิ่งประกันชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุม สมกับราคาประกันชั้น 1 ที่จ่ายทุก ๆ ปี เพราะไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อย อุบัติเหตุใหญ่ ๆ มีหรือไม่มีคู่กรณี ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งนั้น

แนะนำว่าก่อนตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ ควรเปรียบเทียบประกันรถยนต์ให้ดี ว่าราคาประกันชั้น 1 ที่ต้องจ่ายทุก ๆ ปี คุ้มค่ากับความคุ้มครองที่ได้รับแค่ไหน คุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุเมื่อขับรถขณะฝนตกยังไงบ้าง เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ตรงใจ แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะต้องเลือกซื้อกับที่ไหน MrKumka ยินดีนำเสนอแผนประกันดีที่สุดให้คุณ ราคาสบายกระเป๋า แถมปรับแผนความคุ้มครองได้อย่างอิสระ เช็คเบี้ยประกันและความคุ้มครองได้ก่อนใคร

ขับรถขณะฝนตกประกันคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นยังไง ?

เมื่อขับรถในช่วงหน้าฝน แล้วปรากฏว่าน้ำท่วมจนรถยนต์ได้รับความเสียหาย ประกันรถยนต์โดยเฉพาะราคาประกันชั้น 1 ที่ค่อนข้างสูง จะให้ความคุ้มครองดังนี้

  1. กรณีสูญเสียโดยสิ้นเชิง หากคุณไม่ได้ขับรถขณะฝนตก แต่บังเอิญจอดรถไว้เฉย ๆ แล้วปรากฏว่าน้ำท่วมมิดคัน หรือท่วมสูงเกินคอนโซลหน้า ทำให้ห้องโดยสารได้รับความเสียหาย ประกันประเมินว่าซ่อมแล้วไม่คุ้ม บริษัทฯ จะจ่าย 70-80% ของทุนประกันหรือมูลค่ารถยนต์
  2. กรณีเสียหายบางส่วน หากประเมินแล้วพบว่าสามารถซ่อมแซมเพื่อนำกลับมาใช้ได้ บริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด

เทคนิคขับรถปลอดภัยช่วงหน้าฝน มีอะไรบ้าง ?

เทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัยเมื่อต้องขับรถขณะฝนตก เป็นหนึ่งในทริคสำคัญที่ผู้ขับขี่ทุกคนควรใส่ใจให้มาก ๆ เพื่อเลี่ยงการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบไม่ทันตั้งตัว แต่จะต้องขับรถยังไงให้ปลอดภัย ไปดูกัน!

  • 1. เปิดที่ปัดน้ำฝนให้แรงพอดี

    จำไว้ว่าทัศนวิสัยสำคัญสุดเมื่อคุณขับขี่ กระจกบังลมหน้ารถเปรียบเหมือน “ดวงตา” ของเรา ดังนั้นควรเปิดที่ปัดน้ำฝนให้พอดี สัมพันธ์กับความแรงและปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา เพื่อให้กระจกสะอาด และช่วยให้คุณมองเห็นเส้นทางได้ชัดมากขึ้น

  • 2. เปิดไฟหน้าและไฟท้ายรถ

    หากต้องขับรถขณะฝนตกหนัก ๆ และอยากขับรถปลอดภัยตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนที่ทำให้ทัศนวิสัยแย่ลงหลายเท่า แนะนำให้เปิดไฟหน้าและไฟท้าย เพราะนอกจากจะทำให้คุณมองเห็นรถคันอื่น หรือรถคันอื่นมองเห็นคุณแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย

  • 3. ควบคุมความเร็วในการขับรถ

    การขับรถขณะฝนตกถนนลื่นด้วยความเร็วสูง ไม่ระมัดระวัง เพราะอยากถึงจุดหมายปลายทางเร็ว ๆ แบบนี้เป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น เนื่องจากรถยนต์มีโอกาสเสียการควบคุม ลื่นไถลได้ง่าย เพื่อการขับรถปลอดภัยควรรักษาความเร็วให้อยู่ที่ประมาณ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง รวมถึงปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดด้วย

  • 4. หลีกเลี่ยงบริเวณน้ำท่วมขัง

    ในช่วงหน้าฝนหลาย ๆ พื้นที่อาจมีน้ำท่วมขัง แนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือลดความเร็วในบริเวณดังกล่าว เพราะถ้าหากน้ำกระเด็นเข้าเครื่องยนต์ อาจทำให้เกิดความเสียหายตามมาได้

  • 5. รักษาระยะห่างกับรถคันหน้าให้พอดี

    ขอย้ำอีกครั้งว่าการขับรถขณะฝนตกถนนจะลื่นมาก ๆ แนะนำให้เว้นระยะห่างกับรถคันหน้ามากกว่าปกติ 2 เท่า เพื่อเพิ่มระยะเบรกของเรา ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินจะได้หยุดรถได้ทัน แถมยังช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย

ดูแลรถหลังลุยฝนยังไง ให้ไม่สร้างปัญหาในภายหลัง ?

นอกจากจะต้องเพิ่มความระมัดระวัง ขับรถปลอดภัยเมื่อขับรถขณะฝนตกแล้ว การดูแลรถหลังลุยฝนก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรใส่ใจไม่แพ้กัน เพราะหากละเลยอาจทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหายตามมาได้ ถ้าอย่างนั้นไปดูวิธีดูแลรถกันเลยดีกว่า

  • 1. อย่าคิดว่าฝนช่วยล้างรถ

    อย่าคิดว่า “ฝนช่วยล้างรถ” เด็ดขาด เพราะน้ำฝนไม่ได้สะอาดขนาดนั้น แถมยังมีเศษดิน หิน ทรายปะปนมาด้วย หากไม่ทำความสะอาดทันที จะทำให้คราบสกปรกต่าง ๆ แห้งติดรถ ทำให้สีรถเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

  • 2. ใช้กระดาษวางรองบริเวณพื้นรถ

    หากเบาะที่นั่งหรือพื้นรถเปียกน้ำ อาจกลายเป็นจุดสะสมเชื้อราได้ แนะนำให้วางกระดาษที่พื้นรถก่อน จะเป็นยางรองหรือหนังสือพิมพ์ก็ได้ ส่วนเบาะผ้าควรหาผ้าพลาสติกติดรถไว้เลย เพื่อป้องกันความชื้นซึ่งเป็นสาเหตุของเชื้อรา

  • 3. ตรวจสอบภายนอกรถ

    โดยเฉพาะยางปัดน้ำฝน ว่ามีเศษฝุ่น หิน หรือเศษอื่น ๆ กระเด็นมากับน้ำฝนหรือไม่ หากมีแนะนำให้ทำความสะอาดให้ดี เพื่อให้ที่ปัดน้ำฝนสะอาดอยู่เสมอ และมีสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา

  • 4. ตรวจสอบระบบภายในเครื่องยนต์

    ไม่ว่าจะเป็นตัวกรองอากาศ, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเครื่อง, ไดสตาร์ท, ถังน้ำมัน และสายไฟ ว่ามีส่วนไหนที่ได้รับความเสียหายหรือไม่ เพราะถ้าหากไม่เช็กให้ดีอาจส่งผลต่อการขับรถปลอดภัยในอนาคตได้

5 ร. คืออะไร เสริมการขับขี่อย่างปลอดภัยได้แค่ไหน ?

การขับขี่อย่างปลอดภัยด้วย 5 ร. | MrKumka.com

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันเกิดอุบัติเหตุมากขึ้นทุกวัน เนื่องจากมีคนขับรถกันมากขึ้น แต่การขับรถได้ไม่ได้แปลว่าขับรถดี หลายคนยัง “ขาดจิตสำนึก” ด้านการขับขี่อย่างปลอดภัยอยู่พอสมควร เราจึงลิสต์ “หลัก 5 ร.” มาให้เข้าใจเพื่อให้ขับรถปลอดภัยมากขึ้น มีอะไรบ้างไปชมกัน

  • 1. รอบรู้เรื่องรถ

    การเป็นคนขับรถหรือนักขับที่ดีจำเป็นต้องรอบรู้เรื่องรถ ด้วยการหมั่นตรวจสอบและแก้ไขข้อบกพร่องอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนออกเดินทาง หรือก่อนขับรถขณะฝนตก ซึ่งอุปกรณ์สำคัญที่ควรตรวจเช็กอยู่เสมอ

  • 2. รอบรู้เรื่องเส้นทาง

    แน่นอนว่าถนนแต่ละเส้นในประเทศไทยแตกต่างกัน ด้วยสภาพภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมที่ต่างกันออกไป หากคุณจำเป็นต้องขับรถไปยังเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ควรศึกษาเส้นทางจากแผนที่คู่มือการท่องเที่ยวให้ดี

    หรือจะสอบถามจากผู้รู้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจท้องที่, กรมทางหลวง ฯลฯ นอกจากนี้อย่าลืมสังเกตและปฏิบัติตามป้าย และเครื่องหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อการขับรถปลอดภัยตลอดการเดินทาง

  • 3. รอบรู้เรื่องวิธีขับรถ

    ต้องยอมรับว่าการขับรถเป็น “ศิลปะ” อย่างหนึ่ง ดังนั้นการ “ขับรถเป็น” อาจไม่เพียงพอ แต่ผู้ขับขี่จำเป็นต้องมีเทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย และต้องรู้จักวิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีเช่นกัน จึงจะสามารถพาตัวเองหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุบนท้องถนนได้

  • 4. รอบรู้เรื่องกฎจราจร

    “กฎจราจร” มีไว้เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนปฏิบัติตาม และปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน ดังนั้นควรรู้กฎจราจรพื้นฐานต่าง ๆ เอาไว้ด้วย เพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัย และความสะดวกรวดเร็วในการเดินทาง

  • 5. รอบรู้เรื่องมารยาทในการขับรถ

    “มารยาทในการขับรถ” ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องขับรถร่วมถนนกับผู้อื่น ผู้ขับที่ดีควรมีความอะลุ่มอล่วย เห็นใจ และให้อภัยต่อความผิดพลาดของผู้อื่น รวมถึงหลีกเลี่ยงการแสดงมารยาทที่ไม่สมควร

หากคุณมีความจำเป็นต้องขับรถขณะฝนตก จำเป็นต้องให้ความใส่ใจในเรื่องขับรถปลอดภัยให้มาก ๆ ควรให้ความสำคัญกับเทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงเช็คประกันรถยนต์ให้ดีว่ายังอยู่ในระยะคุ้มครองไหม? หากใกล้หมดให้มองหาประกันที่ให้ความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ โดยเฉพาะราคาประกันชั้น 1 ที่ค่อนข้างสูง แต่ถ้ามันคุ้มครองได้ดี ช่วยให้อุ่นใจตลอดการเดินทาง ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ควรควักจ่ายสุด ๆ

คำจำกัดความ
จิตสำนึก ภาวะที่จิตตื่น และรู้ตัว สามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้
มารยาท กิริยาวาจาที่ถือว่าสุภาพเรียบร้อยถูกกาลเทศะ, มรรยาท
ระยะเบรก ระยะที่รถต้องใช้ในการหยุดรถ เริ่มนับตั้งแต่ตอนที่ผู้ขับแตะเบรกจนถึงจุดที่รถหยุดนิ่ง

เปรียบเทียบราคา หรือ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่เราพร้อมให้บริการ

บทความที่น่าสนใจ

เพราะเรารู้ว่าคุณรู้สึกสับสนและมึนหัวเพียงใด ในตอนที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่